ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

รพ.หาดใหญ่ ยืนยันดูแลผู้ป่วยในได้ปกติ มีทรัพยากรรองรับอีก 3 วัน

สังคม
20:10
111
รพ.หาดใหญ่ ยืนยันดูแลผู้ป่วยในได้ปกติ มีทรัพยากรรองรับอีก 3 วัน
ผอ.รพ.หาดใหญ่ เผย สถานการณ์น้ำเพิ่มสูงขึ้น ยังดูแลผู้ป่วยใน วิกฤติ-ฉุกเฉินได้ปกติ เพิ่มจุดบริการที่เซ็นทรัลหาดใหญ่ และใช้ telemedicine ในการเลื่อนนัด สั่งยา ส่งยา ให้คำปรึกษาผู้ป่วย โดย รพ.มีทรัพยากร อาหาร น้ำดื่ม น้ำมัน ออกซิเจน รองรับได้อีก 3 วัน

วันนี้ (24 พ.ย.2568) นพ.วิโรจน์ โยมเมือง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหาดใหญ่ จ.สงขลา เปิดเผยความคืบหน้าสถานการณ์อุทกภัยที่ส่งผลกระทบต่อโรงพยาบาล ว่า สถานการณ์น้ำสูงขึ้นตั้งแต่ช่วง 04.00 - 05.00 น. เนื่องจากมีฝนตกหนักมากขึ้นและมีการปล่อยน้ำเหนือจากพื้นที่ อ.สะเดา เทศบาลตำบลคลองแงะ และ เทศบาลเมืองบ้านพลุ ส่งผลให้ระดับน้ำในโรงพยาบาลขณะนี้อยู่ที่ 20-30 เซนติเมตร ส่วนรอบโรงพยาบาลระดับน้ำสูงขึ้น รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ต้องใช้รถทหารหรือเรือ อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลยังให้บริการผู้ป่วยใน ผู้ป่วยวิกฤต แผนกฉุกเฉิน ได้ตามปกติ

ขณะนี้มีผู้ป่วยในประมาณ 800 คน ญาติผู้ป่วยและประชาชนพื้นที่ข้างเคียงโรงพยาบาลประมาณ 700 - 800 คน บุคลากรเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ประมาณ 600 คน ยังมีเตียงรองรับผู้ป่วยได้อีกประมาณ 100 เตียง

ทั้งนี้ ได้ปรับแผนบริการ โดยจัดทีมสำรองดูแลที่แผนกผู้ป่วยนอก และใช้ระบบ telemedicine ในการเลื่อนนัด สั่งยา ส่งยา ให้คำปรึกษากับผู้ป่วย รวมถึงยังมีจุดบริการในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลหาดใหญ่ ซึ่งน้ำไม่ท่วมด้วย ในส่วนของทรัพยากร เช่น อาหาร น้ำดื่ม น้ำมัน ออกซิเจน โรงพยาบาลยังมีสำรองใช้ได้อีก 3 วัน หลังจากนั้นหากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย ได้ประสานนำเข้าทรัพยากรจาก อ.นาหม่อม ซึ่งอยู่ข้างเคียง

โรงพยาบาลหาดใหญ่ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 เวลา 8.30 น. มวลน้ำหนุนเข้ามาภายในโรงพยาบาล

โรงพยาบาลหาดใหญ่ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 เวลา 8.30 น. มวลน้ำหนุนเข้ามาภายในโรงพยาบาล

โรงพยาบาลหาดใหญ่ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 เวลา 8.30 น. มวลน้ำหนุนเข้ามาภายในโรงพยาบาล

นพ.วิโรจน์ กล่าวว่า ในด้านขวัญกำลังใจของบุคลากร หลังจากน้ำลดช่วงวานนี้ ทำให้มีเจ้าหน้าที่หมุนเวียนเข้ามาผลัดเปลี่ยนช่วยลดความเหนื่อยล้าลง ทั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากมณฑลทหารบกที่ 42 สนับสนุน รถ GMC ขนส่งผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก

นอกจากนี้ ยังมีทั้งภาครัฐและเอกชนที่ได้ร่วมสนับสนุนเรือท้องแบน ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มที่ติดบ้านติดเตียงได้มากขึ้น จากการคาดการณ์ภายใน 48 ชั่วโมง สถานการณ์จะอยู่ในระดับทรงตัวหรือแย่ลง เนื่องจากพื้นที่บ้านพลุมีระดับน้ำสูงกว่าเมื่อวาน ซึ่งหากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีกประมาณ 50 เซนติเมตร จะเกิดวิกฤติของระบบไฟฟ้าสำรอง เนื่องจากมีเครื่องปั่นไฟอย่างน้อย 2 เครื่อง จาก 6 เครื่อง ได้รับผลกระทบจากน้ำ

สธ.เปิดศูนย์ PHEOC ทุกจังหวัด

นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รมว.สธ. ประชุมทางไกลติดตามสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ในพื้นที่ภาคใต้ โดยมีหน่วยงานในพื้นที่ประสบภัย ร่วมประชุมผ่านระบบออนไลน์ 

นายพัฒนา กล่าวว่า พื้นที่ภาคใต้สถานการณ์ยังน่าเป็นห่วงจึงมีข้อสั่งการ ดังนี้ 1.ให้ PHEOC ทุกจังหวัดติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พร้อมช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที 2.ให้ทุกจังหวัดเร่งรัดการเยี่ยมบ้านและคัดกรองกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะกลุ่มติดเตียง หญิงตั้งครรภ์ เด็กเล็ก ผู้พิการ ผู้ฟอกไต และผู้สูงอายุ 3.แจกจ่ายยาชุดช่วยเหลือน้ำท่วม ยารักษาโรคเรื้อรัง และอุปกรณ์ป้องกันโรคติดต่อให้ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยอย่างทั่วถึง

4.ให้โรงพยาบาล และ รพ.สต. ที่ได้รับผลกระทบตั้งจุดบริการชั่วคราวในพื้นที่ปลอดภัย เพื่อให้บริการต่อเนื่อง และทบทวนระบบการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินสำรอง 5.ให้เฝ้าระวังโรคที่มากับน้ำ อาหาร น้ำดื่ม สุขาภิบาลในพื้นที่พักพิง และเข้มงวดการควบคุมป้องกันโรคอุจจาระร่วง น้ำกัดเท้า โรคทางเดินหายใจ และโรคจากสัตว์มีพิษ และ 6.ให้สำรวจความเสียหายต่อบุคลากร สถานบริการ และอุปกรณ์ พร้อมวิเคราะห์ความเสี่ยงต่อการให้บริการในระยะ 72 ชั่วโมงข้างหน้า

นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ดูเรื่องแบบก่อสร้างในพื้นที่เสี่ยงภัย หรือประสบอุทกภัยบ่อยๆ หรือพื้นที่รับน้ำ ซึ่งจะต้องมีการออกแบบในรูปแบบพิเศษ รวมถึงมีระบบท่อประปา ท่อน้ำ ท่อน้ำทิ้งมากขึ้น เพื่อป้องกันและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพหากเกิดสถานการณ์อุทกภัย และให้แต่ละเขตสุขภาพพิจารณาเรื่องรถเคลื่อนที่ที่จะช่วยเหลือผู้ประสบภัย หรือช่วยขนย้ายผู้ป่วย กลุ่มเปราะบางพื้นที่ได้ภายใน 12 ชั่วโมงแรก เพื่อส่งเข้าสู่พื้นที่ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด

ด้าน นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จ.สงขลา ขณะนี้น้ำเริ่มสูงขึ้นในทุกอำเภอ โดยเฉพาะหาดใหญ่ ที่ได้รับผลกระทบมาก ได้มีการตั้งศูนย์พักพิงโดยมีค่ายเสนาณรงค์เป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ การดูแลผู้ป่วยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ รวมถึงภาคเอกชน และมูลนิธิ ใช้เรือเร็วเข้ารับผู้ป่วย กลุ่มเปราะบางที่ติดค้างในบ้าน มาส่งยังรถทหาร เพื่อนำส่งศูนย์พักพิง ที่ศูนย์กีฬามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งรองรับได้ 1,000 คน

และได้เตรียมมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา มหาวิทยาลัยทักษิณ กองทัพเรือ และค่ายเสนาณรงค์ ไว้รองรับผู้ป่วยและประชาชน พร้อมทั้งจัดบริการทางการแพทย์ในศูนย์พักพิงทุกแห่ง โดยหน่วยงานสาธารณสุขได้ทำงานร่วมกับฝ่ายทหารอย่างใกล้ชิด มีโรงพยาบาลสงขลา และโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เป็นพี่เลี้ยงในการรับส่งต่อ

ส่วนยาและเวชภัณฑ์ของโรงพยาบาลในพื้นที่ขณะนี้ยังมีเพียงพอ รวมทั้งส่วนกลางยังได้สนับสนุนยาชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้กับพื้นที่สงขลา 8,000 ชุด นครศรีธรรมราช 500 ชุด ปัตตานี 1,000 ชุด ตรัง 1,000 ชุด สตูล 1,000 ชุด รวม 11,500 ชุด

หน่วยบริการสาธารณสุขได้รับผลกระทบรวม 50 แห่ง

ทั้งนี้ ภาพรวมมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 8 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ตรัง สตูล ปัตตานี และยะลา หน่วยบริการสาธารณสุขได้รับผลกระทบรวม 50 แห่ง เป็น โรงพยาบาล 11 แห่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) 34 แห่ง และสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ (สสอ.) 5 แห่ง ในจำนวนนี้ต้องปิดบริการ 17 แห่ง ปิดบางส่วน 7 แห่ง และเปิดให้บริการตามปกติ 26 แห่ง

มีผู้เสียชีวิต 19 คน สาเหตุส่วนใหญ่จากการจมน้ำ 13 คน ไฟฟ้าดูด 4 คน และดินถล่ม 2 คน ผู้ได้รับบาดเจ็บ 12 คน และสูญหายอีก 1 คน ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่ายังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมากต่อเนื่อง จึงยังต้องเฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง

อ่านข่าว : "จิสด้า" เปิดภาพดาวเทียม 7 จว.ภาคใต้ น้ำท่วม ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ลุ่มและชุมชนที่อยู่อาศัย

ผู้ว่าฯ สงขลา สั่งอพยพประชาชนในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่

"ยะลา" ท่วมแล้ว 4 อำเภอ ย่านเศรษฐกิจจม 1 เมตร ระดมเรือ-รถใหญ่เร่งอพยพ