วันที่ 25 พ.ย.2568 ช่างภาพฝ่ายผลิตของไทยพีบีเอส บินโดรนสำรวจสถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ พบผู้ประสบภัยรอคอยขอความช่วยเหลือ อยู่บนหลังคาบ้าน โดยชาวบ้าน 5 คน ทั้งผู้ชาย และผู้หญิงสูงสูงอายุ ทุบหลังคาบ้านเพื่อปีนขึ้นมาอาศัยบนหนังคา หนีน้ำท่วมสูง บริเวณแยก 4 คลองหวะ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และพยายามโบกผ้า และส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ จนมีเจ้าหน้าที่ขับเรือผ่านมา
แต่ขณะเข้าช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่พลาดเหยียบหลังคา พลัดตกน้ำ แต่พยายามว่ายน้ำ และปีนหลังคากลับขึ้นมาอีกครั้ง และสามารถช่วยเหลือชาวบ้านได้สำเร็จ
นับเป็นนาทีชีวิต ผู้ประสบภัยพยายามช่วยเหลือตัวเอง พยายามเอาชีวิตรอด ขณะที่เจ้าหน้าที่ก็พยายามทำงานแข่งกับเวลา อย่างสุดกำลัง เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย แม้จะเผชิญความเสี่ยง
โดรนจับความร้อนพบผู้ประสบภัยตามบ้านเรือนจำนวนมาก
ภาพจากกล้องภาพโดรน ที่เปิดโหมดจับความร้อน เพื่อติดตามหาผู้คนที่ติดอยู่ตามบ้าน หอพัก และสถานที่ต่างๆ บนถนนสามสิบเมตร อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยจุดขาวๆ นั่นเป็นจุดความร้อนที่คาดว่าเป็นผู้ติดค้างหรือพักอาศัยในบริเวณนั้น
ขณะที่ผู้ประสบภัยเมื่อได้ยินเรือแล่นผ่านจะเห็นปฏิกิริยาจาก ผู้คนที่ยังต้องอาศัยอยู่บนดาดฟ้าของตึก และบ้านที่มีสอง หรือ สามชั้น เมื่อได้ยินเสียงเรือ จะวิ่งออกมาที่หน้าระเบียงและบางส่วนก็ยังนอนรอความหวังอยู่บนดาดฟ้า เพราะยังไม่สามารถอพยพออกมาได้เนื่องจากน้ำที่ท่วมสูงเกือบ 1-2
จากภาพที่บันทึก พบหลายจุดมีกลุ่มคนอาศัยอยู่จำนวนมาก และทุกครั้งที่เมื่อได้ยินเสียงเรือแล่นผ่าน ก็จะพยายามออกมาตะโกนขอความช่วยเหลือเพื่อขอให้เร่งอพยพไปโดยเร็ว แต่ค่ำคืนนี้เนื่องจากกระแสน้ำไหลเชี่ยวประกอบกับมีการตัดไฟทั่วทั้งบริเวณทำให้การเข้าช่วยเหลือบางจุดนั้นต้องหยุดลง
อพยพผู้ป่วยจากโรงพยาบาลที่น้ำท่วมสูง
โรงพยาบาลหาดใหญ่ กลายเป็นหนึ่งในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม จำเป็นต้องอพยพผู้ป่วยและกลุ่มเปราะบางไปยังพื้นที่ปลอดภัย และเส้นทางที่ทำได้และน่าจะปลอดภัยที่สุด คือการลำเลียงทางอากาศ
เฟซบุ๊กของ คุณปาซียะห์ เถาะ บุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลหาดใหญ่ โพสต์ภาพขณะเฮลิคอปเตอร์บินมารับทารกวิกฤต เพื่อส่งไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เคสนี้เป็นอีกเคสที่ไม่สามารถใช้เรือขนส่งผู้ป่วยได้ เพราะกระแสน้ำเชี่ยว
สำหรับโรงพยาบาลหาดใหญ่ กำลังประสบปัญหากระแสไฟฟ้า และขาดเชื้อเพลิง คุณปาซียะห์ ได้โพสต์ภาพ ในวอร์ดเด็กอ่อน ขณะพยาบาลนั่งเฝ้าเด็กๆ ด้วยหลอดไฟที่ใช้แบตเตอรี่เล็กๆ โดยระบุว่า "พ่อๆ แม่ๆ ไม่ต้องเป็นห่วง แม้ไฟไม่มี น้ำไม่ไหล แต่เราดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี เปรียบเสมือนเป็นลูกคนหนึ่ง และเด็กๆ มีความอดทนมากๆ ไม่งอแงเลย"
ขณะที่ ร.อ.ศักดิ์ชาย ชูอิ่ม และ ร.อ.วีระชัย เพ็งมาก เป็น 2 นักบินของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เริ่มภารกิจตั้งแต่เช้า ช่วยเหลือเด็กทารกแรกเกิด 20 คน ผู้ป่วยขั้นวิกฤติ 2 คน จากโรงพยาบาลหาดใหญ่ และผู้ป่วยขั้นวิกฤตอีก 6 คน จากโรงพยาบาลกรุงเทพหาดใหญ่ เคลื่อนย้ายทั้งหมดไปที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์
ร.อ.ศักดิ์ชาย บอกว่า ได้รับแจ้งความช่วยเหลือจากทั้ง 2 โรงพยาบาล โดยมีข้อมูลว่า ถังออกซิเจนหมดแล้ว ต้องลำเลียงถังเข้าไปเสริม และรับผู้ป่วยอีกจำนวนมากออกมา
นอกจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังมีการระดมเฮลิคอปเตอร์ จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กองทัพบก และตำรวจ เข้าไปสมทบ รวม 6 ลำ ช่วยกันอพยพผู้ป่วย ซึ่งถึงตอนนี้ยังไม่มีรายงานภาพรวมว่า อพยพได้มากน้อยเท่าใด
กู้ภัยเสียใจเข้าพื้นที่ช่วยชีวิตผู้ประสบภัยไม่ทัน
เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าช่วยเหลือประชาชนจากน้ำท่วมฉับพลัน โดยเมื่อวานนี้ (25 พ.ย.) เวลา 19.00 น. เป็นเพจเฟซบุ๊กของว่าที่ ร.ต.วัลลภ บุญจันทร์ เจ้าหน้าที่กู้ภัย ที่ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอขณะปฏิบัติหน้าที่เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ติดอยู่ภายในบ้านพักซึ่งถูกน้ำท่วมอย่างรุนแรง ระดับน้ำสูงจนเกือบถึงเพดานชั้นล่าง ทำให้การปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความยากลำบากและตึงเครียด
ในคลิปเจ้าหน้าที่ต้องลุยน้ำที่ไหลเชี่ยวและมีทัศนวิสัยจำกัด โดยใช้ไฟฉายช่วยในการค้นหาผู้ประสบภัยภายในบ้านที่ถูกน้ำท่วมขังอย่างหนัก จากเหตุการณ์เป็นภาพลูกที่นอนในตู้เย็น เจ้าหน้าที่พยายามช่วยออกมาจากบ้านชั้นเดียวที่น้ำท่วมสูงเกือบถึงเพดานในบ้าน
ระหว่างช่วยลูกบอกว่า แม่เสียชีวิตแล้ว เพราะยืนรอมานาน 4 วัน ตอนนี้ร่างของแม่อยู่ในตู้เย็นอีกใบ ทำให้ ที่ทำให้ ว่าที่ ร.ต.วัลลภได้โพสต์ด้วยความสะเทือนใจว่ารู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถเข้าช่วยเหลือได้ทันเวลา
ทีมจิตอาสาเจ็ตสกี ถูกปืนไล่ยิง หลังเข้าพื้นที่
อีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทีมกู้ภัย เจ็ทสกี ได้ช่วยผู้ประสบภัยที่ หน้า รร.บ้านเกาะหมี ถนนกาญจนราเมศวร์ อ.หาดใหญ่ ปรากฏว่า มีผู้ประสบภัยบางคน ได้ยิงปืนใส่ทีมกู้ภัย ระหว่างที่เจ็ตสกีขับผ่านด้วยความเร็ว โดยทีมกู้ภัย ขอให้ทุกฝ่ายทำความเข้าใจในการปฏิบัติภารกิจว่าขอให้ใจเย็นๆ และเห็นใจ ที่ทีมอาสาเข้ามาช่วยเหลือ โดยที่ต้องรีบไปรีบมา เพราะต้องช่วยเคสหนักๆ ที่เสี่ยงถึงชีวิตก่อน จากนั้นจะค่อยๆ ไล่เก็บไปตามลำดับ
อพยพกลุ่มเปราะบางชุมชนภาสว่าง
หลังจากมีน้ำท่วมขังต่อเนื่องนานกว่า 36 ชั่วโมง ในพื้นที่ชุมชนซอยภาสว่าง ต.คอหงษ์ อ.หาดใหญ่ ระดับน้ำสูงเกือบ 2 เมตร ขณะนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยและทหารได้เร่งเข้าพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ล่าสุด พบว่าเจ้าหน้าที่สามารถเข้าช่วยเหลือผู้สูงอายุและผู้ป่วยในพื้นที่ได้แล้ว
กู้ภัยทั่วประเทศระดมกำลังช่วยหาดใหญ่
ทีมกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยา พร้อมด้วยทีมตอบโต้ภัยพิบัติกู้ภัยโรจนสัตหีบ นำเรือท้องแบนเข้าช่วยเหลือชาวบ้านและสัตว์เลี้ยงภายในชุมชนคลองเปล ม.4 ต.คอหงษ์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พร้อมอพยพชาวบ้าน 50 ครัวเรือน รวมทั้งสัตว์เลี้ยง
ชาวบ้านบอกว่า ขาดแคลนอาหารมาหลายวันแล้ว ช่วง 3-4 วัน ยังไม่มีใครเข้ามาช่วย ต้องอาศัยบนหลังคารถกระบะ รถบรรทุก
โดยการลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านทางครั้งนี้ นายประสิทธิ์ ทองทิตย์เจริญ ประธานอาสากู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา ระบุว่า ได้ส่งทีมกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยา พร้อมอุปกรณ์และเรือท้องแบนไปช่วยเหลือ
ส่วนกู้ภัยปลวกแดง จ.ระยอง ได้ส่งทีมกู้ภัยทางน้ำชำนาญการสูง พร้อมเรือ 2 ลำ ช่วยชาวหาดใหญ่ ล่าสุดกู้ภัยปลวกแดง เดินทางถึงพื้นที่ประสบภัยแล้ว เตรียมรับภารกิจช่วยเหลือประชาชนต่อไป
นายชัยยงค์ คูเพ็ญวิจิตตระการ ประธานมูลนิธิกู้ภัยปลวกแดง กล่าวว่า มีชาวหาดใหญ่และชาวใต้ที่มาอาศัยในพื้นที่ จ.ระยอง เข้ามาขอให้ทางทีมลงพื้นที่ช่วยเหลือญาติที่น้องที่ประสบภัย จึงตัดสินใจส่งชุดกู้ภัยทางน้ำที่มีความชำนาญสูงจำนวน 10 คน พร้อมเรือ 2 ลำไปหาดใหญ่ทันที
เช่นเดียวกับ สมาคมสว่างอุทยานธรรมสถาน - กู้ภัยสว่างอุทยานฯ พานทอง ก็ออกเดินทางไปช่วยผู้ประสบภัยแล้วเช่นกัน โดยโพสต์ในเพจระบุว่า "ล้อหมุนเวลานี้ครับร่วมส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่เดินทางไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม และ ผู้ที่ประสบภัยทุกท่านขอให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี คนไทยไม่ทิ้งกัน"
ขณะที่กู้ภัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ ขับรถลงใต้เช่นกัน ล่าสุดโพสต์ช่วงค่ำที่ผ่านมาว่า กำลังจะเติมน้ำมันอัดไว้ปั๊มสุดท้าย และใกล้เข้าพื้นที่ภัยพิบัติ พอเข้าถึงจะแจ้งว่าอยู่จุดไหน แล้วรัวๆ ความช่วยเหลือมาได้เลย
ระดมอาสากู้ภัยช่วยน้ำท่วมหาดใหญ่
ทีมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง 50 นาย ได้นำเรือท้องแบน 4 ลำ รถโรงครัวเคลื่อนที่ 2 คัน พร้อมรถกู้ชีพกู้ภัย 15 คัน ชูชีพ 100 ชุด แผงโซลาร์เซลล์ 100 แผงอาหารสุนัขและแมว 10 ถุง ออกเดินทางจากที่ทำการเพื่อไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ก่อนหน้านี้ ทีมงานชุดแรกได้อพยพผู้ประสบภัยน้ำท่วมชาวหาดใหญ่ และประกอบอาหารปรุงสุกพร้อมน้ำดื่ม เสื้อชูชีพ ยาสามัญประจำบ้าน เข้าแจกจ่าย อีกทั้งยัง อพยพพร้อมจัดหาพื้นที่ดูแลสุนัขและแมวชั่วคราว โดยมี มูลนิธิมิตรภาพสามัคคี (ท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง) หาดใหญ่ เป็นผู้ประสานงานในพื้นที่และร่วมปฏิบัติภารกิจ สำหรับผู้ประสบภัยในพื้นที่ต้องการขอความช่วยเหลือ สามารถติดต่อได้ที่สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418 ตลอด 24 ชั่วโมง
และนอกจากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งแล้ว ยังพบว่ามีมูลนิธิกระจกเงา ที่ได้ร่วมเปิดรับบริจาคอาหาร สำหรับนำมาใช้ประโยชน์โดยจะมีการเปิดครัวกลางและเตรียมอาสาสมัครเพื่อทำความสะอาดบ้านของผู้ประสบภัยเมื่อน้ำลด
เช่นเดียวกับมูลนิธิองค์กรทำดี ของนางสาวปนัดดา วงศ์ผู้ดี ที่ได้ประกาศรับบริจาคข้าวสาร น้ำปลา ซีอิ้ว น้ำมันพืช บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เครื่องปรุงต่างๆ ปลากระป๋องหรืออาหารกระป๋อง กระดาษทิชชู ผ้าอนามัย แปรงสีฟัน แพมเพิสผู้ใหญ่และเด็ก ทุกขนาด ยาสีฟัน สบู่ ผงซักฟอก ถุงขยะดำ เพื่อนำมาทำถุงยังชีพ ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคใต้โดยผู้ที่สนใจสามารถบริจาคสิ่งของได้ที่สำนักงานใหญ่ เลขที่ 52/19 ม.4 ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 12110 โทร 065-0086739 เปิดเวลา 09:00-17:00 น. ของทุกวัน ไม่มีวันหยุด และล่าสุด ทีมงานของ น.ส.ปนัดดา ได้เข้าตั้งโรงครัว ในพื้นที่จังหวัดสตูลและปัตตานี เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว
ขณะที่เพจสายไหมช่วยกันได้ประกาศหาอาสาสมัครเพื่อช่วยแพ็คถุงยังชีพสำหรับส่งต่อให้ผู้ประสบอุทกภัยเนื่องจากขณะนี้มีของบริจาคทั้งอาหารแห้งและของใช้ในชีวิตประจำวันเป็นจำนวนมาก แต่ยังขาดกำลังคนในการคัดแยกและแพ็คของจึงต้องการอาสาสมัครมาช่วย โดยผู้สนใจสามารถเข้าร่วมได้ที่ซอยสายไหม 73
ขณะเดียวกัน ยังมีทีมเจ็ตสกี จากสมาคมเจ็ตสกีแห่งประเทศไทยได้พร้อมสนับสนุนเจ็ตสกีเพื่อใช้ในภารกิจจำนวน 4 ลำ
ด้าน ผู้ประกอบการโรงแรม ใน จ.สงขลายังได้สนับสนุน ที่พักให้กับอาสาสมัครกู้ภัยที่เดินทางมาปฏิบัติภารกิจช่วยผู้ประสบภัยรวมถึง แบ่งปันพื้นที่สำหรับตั้งโรงครัวด้วย
อ่านข่าว :
อ่างเก็บน้ำแก้มลิงล้นรอบสอง มวลน้ำไหลเข้าพื้นที่หาดใหญ่
"นายกฯ" ยกระดับการจัดการสาธารณภัยร้ายแรงอย่างยิ่ง (ระดับ 4) ใน จ.สงขลา
สภาพอากาศวันนี้ 7 จว.ใต้ฝนยังตกหนัก เตรียมรับมือน้ำท่วมฉับพลัน











