สถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคใต้ สร้างความเสียหายอย่างมากในระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ โดยมีเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ทั้งบ่อดิน บ่อซีเมนต์และกระชัง ได้รับความเดือดร้อนมากกว่า 13,000 ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายไม่น้อยกว่า 285,000 ล้านบาท
หนึ่งในผู้ที่ได้รับผลกระทบคือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักในการสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะภาคใต้ตอนล่างฝั่งอ่าวไทย มีผลผลิตประมาณ 28,000 ตันต่อปี หรือคิดเป็นร้อยละ 11 ของผลผลิตกุ้งทั้งประเทศ
สมาคมกุ้งไทย ประเมินความเสียหายจากการสูญเสียกุ้งในบ่อไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งนอกจากความเสียหายต่อผลผลิตกุ้งในบ่อแล้ว ยังมีอุปกรณ์ทำกินที่เสียหายทั้งหมด
พร้อมเรียกร้องไปยังรัฐบาล ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการสำรวจความเสียหาย คิดค้นโมเดลแนะนำเกษตรกรในการทำการเกษตรช่วงฤดูน้ำหลาก รวมถึงกระทรวงการคลัง ในการช่วยเหลือด้านสินเชื่อและปรับโครงสร้างหนี้ และกระทรวงพลังงาน จัดการปัญหาด้านระบบไฟฟ้า เพื่อให้สามารถกลับมาเพาะเลี้ยงได้ทันในฤดูกาลผลิตหน้า
ด้านกรมประมงเปิดหลักเกณฑ์ช่วยเหลือสำหรับเกษตรกรในพื้นที่ที่มีการประกาศเขตภัยพิบัติฉุกเฉิน สำหรับกุ้งก้ามกราม กุ้งทะเล หรือหอยทะเล จะได้รับการเยียวยาไร่ละ 11,780 บาท ไม่เกิน 5 ไร่ต่อราย, ปลาหรือสัตว์น้ำอื่นที่เลี้ยงในบ่อดิน เยียวยาไร่ละ 4,682 บาท ไม่เกิน 5 ไร่ต่อราย และสัตว์น้ำที่เลี้ยงในกระชัง บ่อซีเมนต์ ช่วยเหลือเยียวยาตารางเมตรละ 368 บาท ไม่เกิน 80 ตารางเมตรต่อราย
หลังจากนี้ สมาคมกุ้งไทยเตรียมจัดทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เร่งผลักดันมาตรการฟื้นฟูผู้เลี้ยงกุ้งภาคใต้อย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้กระทบต่อเศรษฐกิจและการส่งออกของไทยในระยะยาว
อ่านข่าว
เช็ก 7 มาตรการเร่งด่วน ช่วยนายจ้าง-ลูกจ้างประสบภัยน้ำท่วม
น้ำท่วมกระทบท่องเที่ยว โรงแรมหาดใหญ่ขอรัฐเร่งเยียวยา
เงื่อนไข-วิธีลงทะเบียน ขอรับเงินเยียวยาน้ำท่วม 9,000 บาท ปี 68 เตรียมอะไรบ้าง











