วันนี้ (4 ธ.ค.2568) น้ำท่วมใหญ่ในภาคใต้ของไทย โดยเฉพาะพื้นที่หาดใหญ่ สร้างความเสียหายรุนแรงต่อทรัพย์สินมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ห้างร้าน พืชสวน ไร่นา ฟาร์มเลี้ยงหมูไก่ หรือยานพาหนะอย่างรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ ทุกอย่างจมน้ำมิดและพังยับเยิน
ตามข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สำหรับบ้านเรือน สถานประกอบการ หรือฟาร์มที่ท่วมจนมิดทั้งหลัง จะต้องรอเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบและประเมินความเสียหายจริง แล้วจ่ายเคลมตามนั้น ไม่มีเกณฑ์ตายตัว
แต่สำหรับยานพาหนะทั้งรถยนต์ทั่วไป รถไฟฟ้า และมอเตอร์ไซค์ คปภ.กำหนดมาตรฐานชัดเจน แบ่งเป็น 5 ระดับตามระดับน้ำที่ท่วม ดังนี้
ระดับ A: น้ำท่วมถึงพื้นรถ เช่น พรมพื้น ค่าซ่อมประมาณ 8,000-10,000 บาท
ระดับ B: น้ำท่วมถึงเบาะนั่งและระบบไฟฟ้า ค่าซ่อม 15,000-20,000 บาท
ระดับ C: น้ำท่วมถึงส่วนล่างของคอนโซลหน้า ค่าซ่อม 25,000-30,000 บาท
ระดับ D: น้ำท่วมถึงส่วนบนของคอนโซลหน้า ค่าซ่อมเริ่มต้น 30,000 บาทขึ้นไป
ระดับ E: รถจมน้ำทั้งคัน บริษัทประกันจะคืนทุนประกันทั้งหมดให้ผู้เอาประกันหรือผู้รับผลประโยชน์
ในกรณีหาดใหญ่ที่รถจมมิดจนเห็นแต่หลังคาเหมือนหลังเต่า หากบริษัทประกันตรวจแล้วพบว่าค่าซ่อมเกินร้อยละ 70 ของราคารถปัจจุบัน จะจ่ายเงินก้อนเต็มจำนวนตามกรมธรรม์ทันที สำหรับประกันชั้น 1 จะอ้างอิงราคารถในปัจจุบัน แต่ชั้น 2 และ 3 จะใช้ยอดที่กำหนดไว้ตอนทำประกัน เช่น 100,000 หรือ 200,000 บาท ส่วนเอกสารประกันที่อาจเปียกชุ่มน้ำเสียหาย บริษัทต้องช่วยตรวจสอบและยืนยันต่อไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (3 ธ.ค.) นายภัณฑิล น่วมเจิม โฆษกคณะกรรมาธิการการคุ้มครองผู้บริโภค เปิดเผยว่า ชาวบ้านหลายคนเจอปัญหาการเคลมยุ่งยาก ถูกปฏิเสธด้วยเงื่อนไขเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่เคยรู้มาก่อน จึงเรียกร้องให้รัฐบาลสั่งการ ดังนี้
- กำหนดมาตรฐานกลางสำหรับชดเชยน้ำท่วม เช่น วงเงินขั้นต่ำที่ต้องจ่าย และระยะเวลาพิจารณาเคลมชัดเจน (หลังยื่นเอกสารครบ ต้องได้เงินภายในกี่วัน)
- จัดตั้งศูนย์เคลมประกันกลางในพื้นที่ภัยพิบัติ เพื่อให้ประชาชนยื่นเรื่องและติดตามได้ที่จุดเดียว ลดภาระวิ่งหลายบริษัท
- ทบทวนความเป็นธรรมในข้อยกเว้นคุ้มครองกรณีภัยพิบัติ
นายภัณฑิล ยังย้ำว่าประชาชนจ่ายเบี้ยประกันอยู่แล้ว บริษัทต้องรับผิดชอบอย่างเป็นธรรม และนี่คือโอกาสทำ CSR (ความรับผิดชอบต่อสังคม) ด้วย นอกจากนี้ คปภ.เตือนข้อห้ามสำคัญ 3 ข้อ เพื่อไม่ให้บริษัทประกันมีข้ออ้างปฏิเสธเคลม
- ห้ามสตาร์ตรถหรือเร่งเครื่อง อาจทำให้เกิด "Hydrostatic Lock" หรือเครื่องยนต์น็อก สร้างความเสียหายหนักขึ้น
- ห้ามต่อไฟหรือกดสวิตช์ โดยเฉพาะรถ EV ที่มีระบบไฟฟ้าแรงสูง อาจลัดวงจรได้ง่าย
- ห้ามลากรถเอง อาจทำให้ตัวถังหรือช่วงล่างเสียหายเพิ่ม บริษัทอาจลดหรือไม่จ่ายเคลม
แม้จะเห็นภาพรถจอดขวางถูกลากออกจากน้ำในหาดใหญ่ แต่ คปภ.ยืนยันว่าจะช่วยหาทางออกให้เหมาะสม ชาวใต้ที่เดือดร้อนรีบติดต่อบริษัทประกันหรือ คปภ. เพื่อขอความช่วยเหลือโดยด่วน
อ่านข่าวอื่น :
"ภราดร" เผย รัฐบาลชดเชยค่าปลงศพ เหตุน้ำท่วมใต้ 2 ล้านบาท เพิ่มอีก 7 จังหวัด
ปภ.อัปเดต สถานการณ์น้ำท่วม 8 จังหวัดภาคใต้ ระดับน้ำลดลงต่อเนื่อง











