วันนี้ (8 ธ.ค.2568) สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT ออกประกาศฉบับที่ 12 เรื่อง “ห้ามบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน (Drone) ในพื้นที่ที่อาจกระทบต่อความมั่นคงของประเทศในช่วงสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา” มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 9 ธ.ค.2568 จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
ก่อนหน้านี้ CAAT ได้ออกประกาศฉบับที่ 11 เพื่อผ่อนปรนให้มีการใช้งานโดรนในบางกรณีภายใต้เงื่อนไขและพื้นที่ที่กำหนด อย่างไรก็ตาม จากการติดตามและประเมินสถานการณ์ร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง ปรากฏว่า สถานการณ์โดยรวมมีแนวโน้มทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา อาจกระทบต่อความปลอดภัยของการปฏิบัติการด้านความมั่นคง รวมถึงสาธารณชนในพื้นที่ เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศ
ทั้งนี้ เพื่อให้การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องเข้มงวดมาตรการควบคุมการใช้งานโดรน โดยกำหนดพื้นที่ห้ามบินเด็ดขาด และให้การใช้งานของพลเรือนทุกวัตถุประสงค์ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่รัดกุมมากขึ้น
พื้นที่ที่ห้ามบินเด็ดขาด
- พื้นที่ที่มีการวางกองกำลัง หรือการปฏิบัติการภาคพื้นระดับจังหวัด ใน 7 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ตราด สระแก้ว บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ และอุบลราชธานี
- พื้นที่ที่มีการวางกองกำลัง หรือการปฏิบัติการภาคพื้นที่ระดับอำเภอ ได้แก่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง
- พื้นที่รัศมี 9 กิโลเมตร (5 ไมล์ทะเล) รอบสนามบินที่กำหนด
- พื้นที่ที่หน่วยงานด้านความมั่นคงประกาศเพิ่มเติมเป็นการเฉพาะ
เปิดเงื่อนไขการบินโดรน
ส่วนเงื่อนไขในการทำการบินมีดังนี้ ผู้ใช้งานต้องขึ้นทะเบียนผู้บังคับโดรน รวมถึงขึ้นทะเบียนตัวโดรนกับ CAAT ให้เรียบร้อย ถูกต้อง และครบถ้วน, ยื่นคำขออนุญาตปฏิบัติการบินล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน ผ่านระบบแอปพลิเคชัน UAS Portal หรือ uasportal.caat.or.th, ปฏิบัติการบินที่ความสูงไม่เกิน 90 เมตร (300 ฟุต) เหนือพื้นดิน, สามารถบินได้ในเวลา 06.00–18.00 น. หากต้องการบินในช่วงเวลา 04.01-05.59 น. หรือช่วงเวลา 18.01 น. ถึง 24.00 น. ให้ขอปฏิบัติแตกต่างจากเงื่อนไขที่กำหนดต่อ CAAT ผ่านช่องทาง UAS Portal หรือ uasportal.caat.or.th ทั้งนี้ ห้ามบินในช่วงเวลา 00.01–04.00 น. ทุกกรณี
เมื่อได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติการบินแล้ว ก่อนการปฏิบัติการบินทุกครั้ง ให้ผู้ได้รับอนุญาตแจ้งข้อมูลพื้นที่ที่ปฏิบัติการบิน วันและเวลา และวัตถุประสงค์การปฏิบัติการบินต่อ CAAT ผ่านแอปพลิเคชัน UAS Portalรวมถึงแจ้งต่อ ศบตอ.น. อีเมล : antidrone.police@gmail.com, การปฏิบัติการบินที่แตกต่างจากเงื่อนไขที่กำหนด ต้องยื่นคำขออนุญาตและเอกสารเพิ่มเติมต่อ CAAT ผ่าน UAS Portal
สำหรับโดรนของราชการทหาร ตำรวจ ศุลกากร กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงทรัพยากรฯ และสำนักข่าวกรองฯ สามารถปฏิบัติการได้ตามอำนาจหน้าที่ ทั้งนี้ เฉพาะโดรนของศุลกากร กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงทรัพยากรฯ หากมีการบินในพื้นที่ห้ามบิน ขอความร่วมมือแจ้งข้อมูลล่วงหน้าผ่าน UAS Portal หรือ uasportal.caat.or.th รวมถึงแจ้งต่อ ศบตอ.น. antidrone.police@gmail.com และหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องในพื้นที่
หากพบเห็นการใช้งานโดรนที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย หรืออาจเป็นภัยต่อความมั่นคงที่ฝ่าฝืนตามประกาศฉบับนี้ ให้แจ้งข้อมูล ได้แก่ วัน เวลา สถานที่ที่พบเห็น ลักษณะของโดรน และภาพถ่ายหรือคลิปวิดีโอ (ถ้ามี) ไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยเร็วผ่านช่องทางใดช่องทางหนึ่ง ดังนี้
- กองพัฒนามาตรฐานและเทคโนโลยีระบบอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน ฝ่ายมาตรฐานอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย โทรศัพท์ 02-568-8851 หรืออีเมล uas_us@caat.or.th
- ศูนย์บังคับและต่อต้านอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน ประเภทอากาศยานที่ควบคุมการบินจากภายนอก (โดรน) กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศบตอ.น.) โทรศัพท์ 02-126-7846 หรืออีเมลantidrone.police@gmail.com
- ศูนย์แจ้งเหตุใกล้พื้นที่ เช่น สถานีตำรวจท้องที่ หน่วยทหาร หรือหน่วยความมั่นคงที่รับผิดชอบในพื้นที่นั้น ๆ
อ่านข่าว : นายกฯ ไฟเขียวกองทัพปฏิบัติการทหารต่อกัมพูชา ย้ำไทยไม่ได้ริเริ่มรุกราน
พล.ต.วินธัย ย้ำปฏิบัติการทางอากาศที่ตั้งอาวุธ-ฐานโดรนกัมพูชา ยับยั้งโจมตีไทย











