วันที่ 15 ธ.ค.2568 นายหลิวจงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน และคณะ ลงพื้นที่ อ.แม่สอด จังหวัดตาก และเดินทางไปยังเมืองเมียวดี จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก โดยผ่านช่องทางด่านพรมแดนแม่สอด เมียวดี 2 บริเวณสะพานมิตรภาพไทย เมียนมา แห่งที่ 1 บ้านริมเมย ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก
ทั้งนี้เพื่อประสานงานร่วมกับฝ่ายความมั่นคงของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งมี พล.ต.ต.มิน ไทก์ เมียว (Min Htike Myo) รองผู้บัญชาการตำรวจเมียนมา (เมียนมา) ส่วนฝ่ายไทยมี พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) เป็นผู้แทนฝ่ายไทยไปร่วมด้วย
ก่อนที่จะประชุมกันทางคณะทำงานร่วม 3 สัญชาติ ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เป้าหมาย 2 แห่ง ได้แก่ เคเคปาร์ค ตรงข้ามบ้านแม่กุใหม่ท่าซุง ต.แม่กุ อ.แม่สอด และ ชเวโก๊กโก (ส่วยโก๊กโก่) ตรงข้ามบ้านวังแก้ว ต.แม่ปะ อ.แม่สอด
ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะขบวนการสแกมเมอร์ออนไลน์ หรือ ขบวนการหลอกลวงออนไลน์ โดยทางฝ่ายเมียนมาได้วางระเบิดทำลายอาคาร ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสแกมเมอร์ออนไลน์ทั้ง 2 แห่ง มานานนับเดือนแล้ว และมีอาคารสำนักงานพังไปจำนวนมาก
หลิว จงอี้ กล่าวกับฝ่ายเมียนมา ระหว่างกำลังดูเคเคปาร์ค ว่า ถ้าทำลายหมด พร้อมจะกลับไปดูอีก ต่อมามีการประชุมกับฝ่ายไทย และฝ่ายเจ้าหน้าที่จีน และฝ่ายเมียนมาได้หารือในเรื่องการนำชาวจีนที่เป็นเหยื่อ และเป็นกลุ่มขบวนการสแกมเมอร์ออนไลน์ กลับไปสอบสวน และดำเนินคดีที่ประเทศจีน
โดยจะรับชาวจีนกลับในวันที่ 16 ธ.ค.2568 จำนวน 2 เที่ยวบิน แต่ยังไม่ระบุจำนวน ขณะที่ชาวจีนในฝั่งเมียนมาที่ถูกควบคุมตัวไว้ทั้งหมดกว่า 2,000 คน และได้ดำเนินการส่งไปยังประเทศจีนแล้ว จำนวนกว่า 20,000 คน
ข่าวแจ้งว่า นายหลิว จงอี้ ได้สั่งการให้คณะตำรวจจากประเทศจีน ที่เดินทางไปที่ อ.แม่สอด ก่อนคณะนายหลิวจะไปถึง ให้สอบสวนกลุ่มชาวจีนที่ถูกจับกุม ในข้อหาลักลอบเข้าเมืองตามแนวชายแดนไทย ในช่วงที่ฝ่ายเมียนมาปราบปราม และหนีมาฝั่งประเทศไทย จำนวน 325 คน
โดยกลุ่มชาวจีนทั้งหมด ถูกควบคุมตัวไว้ เพื่อรอการส่งกลับ ณ สถานกักกัน เพื่อรอการส่งตัวกลับ ของตรวจคนเข้าเมือง จ.ตาก หลังกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 346 อ.แม่สอด โดยชาวจีนกลุ่มนี้ได้ก่อความไม่สงบในห้องกักกัน และทำลายทรัพย์สินทางราชการ และก่อเหตุทะเลาะวิวาท มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน
ข่าวแจ้งว่า ที่ประชุมได้บรรลุข้อตกลง และกำหนดมาตรการขั้นเด็ดขาดร่วมกัน ดังนี้คือ จัดตั้งกลไกแลกเปลี่ยนข้อมูล : ประเทศไทยจะใช้กลไกของ ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) เป็นศูนย์กลาง (Hub) ในการรวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูล มีการตั้งคณะทำงานร่วม (Joint Task Force) : เพื่อแลกเปลี่ยนพยานหลักฐาน และขยายผลเครือข่ายภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง
โดยยึดหลักการ อาชญากรรมไร้พรมแดน การปราบปรามต้องไร้พรมแดน ตัดวงจรปัจจัยพื้นฐาน : ดำเนินนโยบายตัดระบบสาธารณูปโภค ทั้งกระแสไฟฟ้าและสัญญาณอินเทอร์เน็ต ในพื้นที่เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง ลดขั้นตอนการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน อำนวยความสะดวกในการส่งตัวกลุ่มชาวต่างชาติที่หลบหนีออกจากเมียนมากลับประเทศต้นทาง เพื่อความรวดเร็ว ลดภาระเจ้าหน้าที่ฝั่งไทย และรับรองความปลอดภัยของทุกฝ่าย
ผลสืบเนื่องจากการรื้อถอนฐานที่มั่น ทำให้กลุ่มสแกมเมอร์ชาวจีนจำนวนมาก ที่พยายามหลบหนีออกจากพื้นที่ ถูกเจ้าหน้าที่ทางการเมียนมาจับกุมตัวไว้ได้ โดยหลิวจงอี้และคณะ ได้เดินทางไปตรวจสอบห้องกักตัวในเมืองเมียวดี ซึ่งขณะนี้มีผู้ต้องหาชาวจีนถูกควบคุมตัวอยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อรอเข้าสู่กระบวนการผลักดันและส่งตัวกลับไปดำเนินคดีตามกฎหมายที่สาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป
อ่านข่าว :
1 ม.ค.69 เริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าแพลตฟอร์มออนไลน์ ตั้งแต่ 1 บาท
กฤษฎีกาดับฝันยกเลิก MOU 43-44 เหตุมีผลผูกพันถึงรัฐบาลหน้า
"อนุทิน" มอบคำขวัญวันเด็ก "รักชาติไทย ใส่ใจโลก"











