ศึกทวงคืนมาตุภูมิของกองทัพไทยจากเขมรยกแรก ใช้เวลา 5 วัน (24-28 ก.ค.2568) มีทหารกล้าพลีชีพ 15 นาย ครั้งนั้นกองกำลังทหารไทยเข้าควบคุมพื้นที่ “ยอดภูมะเขือ” หนึ่งในพื้นที่ยุทธศาสตร์ชายแดนไทย–กัมพูชาได้ทั้งหมด ก่อนเจรจาหยุดยิง แต่ “สันติภาพ” ไม่มีจริง การปะทะรอบใหม่จึงเปิดฉากขึ้นอีกรอบ ในช่วง 12 วันที่ผ่านมา (7-19 ธ.ค.) จากการผนึกกำลังของกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และตำรวจตระเวนชายแดน(ตชด.) ครั้งนี้กองทัพฯได้สูญเสียกำลังพลหน้าแนวไปแล้ว 21 นาย
จำนวนนี้ มีนักรบ 2 นาย คือ "จ่าเริง" หรือ จ.ส.อ.สำเริง คลังประโคน สังกัดกองพันนาวิทหารราบที่ 3 กรมทหารราบ 23 (ร.23 พัน 3) ชาว อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ และ พลทหาร ภานุพัฒน์ เสาร์สา สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 (ร.23 พัน 3) ชาว อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งพลีชีพขณะปะทะกับฝ่ายกัมพูชา ที่เนิน 350 จ.สุรินทร์ เมื่อคืนวันที่ 16 ธ.ค.และยังอยู่ระหว่างรอนำร่างกลับสู่บ้านเกิด
ครั้งที่แล้วกำลังรบแนวหน้าสองพ่อ-ลูก "ตระกูลฮุน" ฮุน เซน และ ฮุน มาเนต ใช้ทหารบ้านและทหารราบที่ประจำการอยู่ด้านจังหวัดอุดรมีชัยและจังหวัดพระวิหาร แม้จะมีกองกำลัง BHQ มาสมทบ แต่ถูกทหารไทยตอบโต้อย่างหนักหลังใช้อาวุธหนักโจมตีเข้ามายัง โรงเรียน ปั้มน้ำมัน โรงพยาบาล และบ้านเรือนราษฎร รอบนั้นชายแดนไทย-กัมพูชา ยังไม่เปิดแนวรบทางทะเลด้านเทือกเขาบรรทัด
ในรอบนี้เขมรเปิดฉากก่อนเหมือนเดิม ส่วนไทยไม่ได้ตั้งรับแต่พร้อมรบเดือด แบบชนิด "สวนกลับ" ตลอดแนว 7 จังหวัด ระยะทางกว่า 817 กิโลเมตร ทั้งทางบกและทางทะเล เป้าหมายโจมตีของไทย เน้นเอาคืนแผ่นดินและเขตแดนเดิมที่เขมรรุกล้ำ พื้นที่ตั้งทหาร เพื่อตัดกำลังรบและสกัดกั้นอาวุธหนัก โจมตีสิ่งปลูกสร้าง บ่อนกาสิโนและฐานสแกมเมอร์ ทำลายภัยคุกคาม แต่ไม่ใช่ยึดครองดินแดน
แนวรบพระวิหาร ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ทหารไทยใช้รถถังยิงถล่มอาคารบ่อนกาสิโน และฐานสแกมเมอร์ของกัมพูชาในพื้นที่ “ช่องสายตะกู” อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หลายพื้นที่ยังคงมีการยิงปะทะกัน แต่บางจุดฝ่ายไทยก็สามารถควบคุมพื้นที่ได้โดยเฉพาะที่ “ช่องอานม้า” -เนิน 677 อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งทหารไทยได้อัญเชิญธงชาติปักขึ้นเหนือพื้นที่ช่องอานม้าแล้ว
ปัจจุบันกองทัพบกได้ส่งทหารช่าง กองพันทหารช่างที่ 202 กรมทหารช่างที่ 2 (ช.2 พัน.202) เข้าขุดทำลายอนุสาวรีย์ตาอมและปรับสภาพพื้นที่ดังกล่าว ส่วนพื้นที่อื่น ๆ เช่น โดนตรวล – ซำแต – สัตตะโสม – พนมประสิทธิโส – ช่องตาเฒ่า ทางฝ่ายกัมพูชายังใช้เครื่องยิงลูกระเบิด และปืนใหญ่เป็นห้วงๆ ฝ่ายไทยตอบโต้ด้วยปืนเล็ก และใช้ปืนใหญ่ยิงต่อต้านปืนใหญ่ของฝ่ายกัมพูชา และใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดบริเวณ “ยอดเขาเปี๊ยะสะแบก” เนื่องจากคาดว่าเป็นที่ตั้งโรงเก็บจรวด BM-21 ของกัมพูชา
การปะทะในพื้นที่ผามออีแดง – ห้วยตามาเรีย แม้กัมพูชาจะใช้ปืนเล็กยาว เครื่องยิงลูกระเบิด ปืนใหญ่ โดรนทิ้งระเบิด และโดรนพลีชีพ FPV โจมตีเข้ามายังฝั่งไทย แต่ทหารได้ใช้เครื่องยิงลูกระเบิด ปืนใหญ่ ยิงทำลายเป้าหมาย และปฏิบัติตามแผนอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับพื้นที่ภูมะเขือ – ช่องโดนเอาว์ – พลาญยาว - พลาญหินแปดก้อน
สำหรับพื้นที่ตาควาย - บริเวณเนิน 350 ทหารกัมพูชาพยายามตอบโต้อย่างหนาแน่น โดยใช้เครื่องยิงลูกระเบิด ปืนใหญ่ จรวด BM-21 มีการใช้โดรนตรวจการณ์ โดรน FPV มีการนำรถส่งกำลังบำรุงเข้ามาในพื้นที่ ฝ่ายไทยจึงใช้แผนเชิงรุกเข้ายึดครองพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ ส่วนพื้นที่ตาเมือน ยังมีการปะทะแบบประปราย ทหารไทยมีการวางกำลังตั้งรับด้วยการยิงปีนใหญ่ ยิงข่มที่ตั้งอาวุธยิงสนับสนุนฝ่ายกัมพูชา
มีรายงานจากพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า ขณะนี้หลายจุดที่มีการสู้รบระหว่างทหารไทยและกัมพูชา ในภาพรวมสามารถตรึงกำลังและควบคุมสภานการณ์ได้ แต่ยังไม่ประมาทฝ่ายตรงข้าม เพราะเขมรพยายามส่งกำลังเสริมเข้ามา สำหรับพื้นที่ไหนเคลียร์แล้ว กองทัพบกให้มีดำเนินการปรับสภาพพื้นที่ ก่อนเตรียมสถาปนาพื้นที่ความมั่งคงต่อไป
“ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ที่วางกำลังได้ ก็จะมีเข้าไปตรวจสอบสภาพพื้นที่ อาวุธ ...เขมรตั้งฐานอยู่ในพื้นที่มานานมาก มีการวางระเบิด BM-21 ไว้รอบด้าน การเข้าดำเนินการใด ๆ ของกำลังพล ก็ต้องเข้มงวดและระมัดระวังให้มาก แม้จะเคลียร์ได้บางจุดแต่ก็ยังมีอันตราย ...เนิน 350 ต้องใช้เวลาอีกไม่นาน ก็ต้องจบ เราต้องพยายาม เพราะตรงนี้เป็นจุดสำคัญ และกัมพูชาก็ไม่อยากเสีย” แหล่งข่าวด้านความมั่นคงระบุ
การวางกำลังรบแนวรบเขตอีสานใต้ หากยึดคืนพื้นที่อธิปไตยกลับมาได้ทั้งหมด แต่การเฝ้าระวังเพื่อไม่ให้ทหารกัมพูชาลอบเข้ามาวางกำลังบุกรุกเข้ามา เหมือนกับพื้นที่แนวรบด้านจ.ตราด มีรายงานว่า หลังจากทหารเรือ หน่วยนาวิกโยธิน (นย.) เข้ายึดพื้นที่บ้านสามหลัง บ้านหนองรี ต.ชำราก จ.ตราด และปักธงราชนาวีไทย ได้เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2568 ที่ผ่านมา
แต่หลังจากไทยเข้าควบคุมพื้นที่เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. กองทัพเรือได้ตรวจพบว่า ทหารเขมรได้ลักลอบวางระเบิดสังหารบุคคลแบบดัดแปลงจำนวนมาก นอกจากนี้ยังพบเอกสารการใช้ทุ่น PMN-2 และ POMZ-2, ระเบิดแสวงเครื่อง 3 ลูก, สรรพาวุธกว่า 340 รายการ และการดัดแปลงหัวกระสุนปืนใหญ่ 105 มม. เป็นทุ่นระเบิดพร้อมระบบจุดระเบิดไฟฟ้า คาดยังมีทุ่นฝังอยู่อีกจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม พบว่าในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ทหารกัมพูชาได้เสริมกำลังพลเข้ามา และมีเสียงปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน และวันนี้ (19 ธ.ค.) ได้นำกำลังหวังเข้าตีคืนพื้นที่ แต่ถูกทหารไทยโต้ตอบกลับไป จนหนีกระเจิดกระเจิงอีกระลอกหนึ่ง
รายงานระบุว่า ก่อนหน้านี้ กองทัพเรือ โดยกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ร่วมกับหมู่เรือลาดตระเวนชายแดน ได้เข้าโจมตีแบบจำกัดเป้าหมาย ทำลายระบบควบคุมโดรน และระบบต่อต้านโดรน ที่ฝั่งกัมพูชาใช้เป็นเครื่องมือโจมตี ด้วยการเข้าทำลายฐานยิงอาวุธหนัก ที่อาคารคาสิโนทมอดา จังหวัดโพธิสัตว์ ประเทศกัมพูชา ด้วยเครื่องบิน F-16 ทำลายที่มั่นทางทหาร เพื่อตัด “สะพานจัยจุมเนี้ยะ” เส้นทางลำเลียงยุทโธปกรณ์
ขณะที่ชายแดนด้าน จ.สระแก้ว พื้นที่รับผิดชอบกองทัพภาคที่ 1 กองกำลังบูรพา ได้มีการปรับยุทธวิธีรุกรบใหม่ โดยใช้กำลังทางอากาศและภาคพื้นดิน ด้านจ.สระแก้ว นอกจากจะตั้งรบใน 3 พื้นที่ คือ บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา , บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง และบ้านหนองจาน อ.โคกสูง โดยใช้อาวุธยิงเพื่อควบคุมพื้นที่แล้ว
โดยเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีรายงานข่าวจากสื่อกัมพูชา ระบุว่า เครื่องบินรบ F-16 ของกองทัพอากาศไทย ได้เข้าโจมตี พื้นที่บึงตากวน ฝั่งปอยเปต และทิ้งระเบิด 2 ลูกใส่ตำแหน่งฐานปฏิบัติการทางการทหารกัมพูชาเขตที่ 5 และเมืองศรีโสภณ จังหวัดบันเตียเมียนเจย ศูนย์กลางของเครือข่ายสแกมเมอร์ ที่ถูกใช้เป็นคลังเก็บอาวุธโจมตีฝั่งไทย
ด้านจ.สระแก้ว นอกจากจะตั้งรบใน 3 พื้นที่ คือ บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา , บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง และบ้านหนองจาน อ.โคกสูง ด้วยการใช้อาวุธยิงเพื่อควบคุมพื้นที่แล้ว ยังได้รับการสนับสนุนจากกองทัพอากาศ ในพื้นที่ฝั่งปอยเปตและ อ.ศรีโสภณ ตรงข้าม อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ทำลายคลังอาวุธกระสุนและวัตถุระเบิด ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามต่อประชาชนและทหารฝ่ายไทย
“ทุกเป้าหมายที่โจมตี จะมีการพิสูจน์ทราบชัดเจนว่า เขมรใช้เป็นฐานที่ตั้งปฏิบัติการทางทหาร และต้องไม่ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านและผู้ไม่เกี่ยวข้อง การโจมตีทางอากาศและทางบก ทำลายอาคารและที่ตั้งสแกมเมอร์ในฝั่งกัมพูชาไปแล้ว 6จุด” แหล่งข่าวระบุ
ทั้งนี้ อาคารและศูนย์สแกมเมอร์ ในกัมพูชา ปัจจุบันมี 224 แห่ง และถูกทำลายไปแล้ว 6 แห่ง ในส่วนที่อยู่ติดแนวชายแดนไทย อาจจะดูน้อย หากด้วยข้อจำกัดในพื้นที่ ทำให้ไม่สามารถเข้าไปโจมตี ในจุดที่ไม่ได้ถูกใช้เป็นฐานทหารที่ติดตั้งอาวุธ ฝั่งกัมพูชาได้ ทว่า 6 จุดนี้ ไม่ว่าจะเป็น ปอยเปต, ทมอดา, สายตะกู, โอร์เสม็ด, อานม้า และกาสิโนฝั่งตรงข้าม อ.ตาพระยา และทั้งหมด คือ เงินทุนเทาที่ต่อน้ำเลี้ยงส่งตรง “ฮุน เซน” กรุงพนมเปญ
ตลอด 12วันแห่งการสู้รบ สองพ่อลูก “ตระกูลฮุน” ฮุนเซน-ฮุน มาเนต แม้จะมีการส่งสัญญาณกลาย ๆ เพื่อหาทางลง ซึ่งฝั่งไทย กำหนด 3 เงื่อนไขสำคัญไว้แล้ว คือ กัมพูชาจะต้องประกาศหยุดยิงก่อน ในฐานะผู้รุกล้ำ ,การหยุดยิงต้องเกิดขึ้นจริงและต่อเนื่อง ไม่ใช่หยุดแล้ว กลับมาใช้ความรุนแรงซ้ำ, และต้องร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างจริงจังและจริงใจ ภายใต้กรอบอนุสัญญาออตตาวา...อีก 2-3 วันนี้เป็นช่วงที่เวลาที่ต้องจับตาว่า “กัมพูชา” จะหาทางลงอย่างไร สู้ต่อ” หรือ “พอแล้ว”
อ่านข่าว :
ศึกชิง “ปราสาทตาควาย–เนิน 350” ชี้ขาดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา
แนวรบตาพระยาเดือด ถล่ม “ปอยเปต” สกัดทหารเขมร ยิงอาวุธหนัก
แท็กที่เกี่ยวข้อง:
- สู้รบไทยเขมร
- สู้รบไทยกัมพูชา
- สแกมเมอร์
- ฮุนเซน
- ฮุนมาเนต
- จ.ส.อ.สำเริง คลังประโคน
- พลทหาร ภานุพะฒน์ เสาร์สา
- ทหารไทยรบช่องบก
- ปราสาทตาควายเนิน 350
- หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด
- ปักธงชาติไทยบริเวณบ้านสามหลัง
- ปักธงไทยช่องอานม้า
- ข่าวไทยกัมพูชาวันนี้ล่าสุด
- ข่าวอาชาญากรรมวันนี้ล่าสุด
- รายงานพิเศษไทยกัมพูชา
- เจาะข่าวจริงไทยพีบีเอส











