ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"ประชามติ" สำคัญอย่างไร ทำไมประชาชนต้องมีส่วนร่วม

การเมือง
11:33
560
"ประชามติ" สำคัญอย่างไร ทำไมประชาชนต้องมีส่วนร่วม

ชัดเจนแล้วว่า "การเลือกตั้งทั่วไป" และ "ทำประชามติ" จะเกิดขึ้นในวันเดียวกัน คือ 8 ก.พ.2569 ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้จะได้ทั้งเลือกคนที่รัก พรรคที่ชอบ และการออกเสียงประชามติ เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

การเลือกตั้งครั้งนี้ จะมีบัตรทั้งหมด 3 ใบ ใบที่ 1 สำหรับเลือก สส. เขต, ใบที่ 2 สำหรับ สส. บัญชีรายชื่อ และใบที่ 3 สำหรับทำประชามติ โดยมีคำถามว่า "ท่านเห็นชอบว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่"

ฉะนั้นการมีส่วนร่วมทางการเมืองของภาคประชาชนครั้งนี้ไม่ได้จบลงแค่ออกไปเลือกตั้ง แต่ยังต้องร่วมออกเสียงประชามติ ซึ่งเป็นกระบวนการให้ประชาชนได้ตัดสินใจกำหนดทิศทางการเมืองไทยนั้นเอง

ชวนมาทำความเข้าใจ "ประชามติ" คืออะไร ออกเสียงประชามติ เป็นอย่างไร พร้อมตัวอย่างบัตรออกเสียง "ประชามติ" รูปแบบจะเป็นอย่างไร

"ประชามติ" คืออะไร

ความหมายของคำว่า ประชามติ (Referendum) ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 หมายถึง มติของประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศที่แสดงออกในเรื่องใด เรื่องหนึ่งหรือที่ใดที่หนึ่ง และมติของประชาชนที่รัฐให้สิทธิออกเสียงลงคะแนนรับรอง ร่างกฎหมายสำคัญที่ได้ผ่านสภานิติบัญญัติแล้ว หรือให้ตัดสินปัญหาสำคัญในการบริหารประเทศ

ในทางรัฐธรรมนูญ หมายถึง กระบวนการในการแสดงความเห็นของประชาชนด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อตัดสินใจว่าจะให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ในเรื่องที่มีความสำคัญและมีผลกระทบต่อประโยชน์ได้เสียของประเทศชาติหรือกระทบ ต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ก่อนที่จะนำมติหรือการตัดสินใจนั้นออกเป็นกฎหมาย หรือนำไปปฏิบัติเพื่อบังคับใช้เป็นการทั่วไป

หลักการสำคัญของของ "การออกเสียงประชามติ"

  • เรื่องที่จะจัดทำประชามติต้องมีความสำคัญและมีผลกระทบต่อประโยชน์ได้เสียของประเทศชาติและประชาชน ไม่เกี่ยวกับตัวบุคคล
  • ข้อความที่จะขอความเห็นต้องชัดเจนเพียงพอที่จะทำให้ผู้มีสิทธิออกเสียงสามารถตัดสินใจว่าจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในเรื่องนั้น ๆ ได้
  • ต้องเปิดโอกาสให้ผู้เห็นชอบและไม่เห็นชอบในเรื่องที่จะจัดทำประชามติได้แสดงความคิดเห็นอย่างเท่าเทียมกัน และจัดให้มีการลงคะแนนออกเสียงประชามติโดยอิสระ
  • ต้องนำผลการออกเสียงประชามติไปดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชนผู้มาออกเสียงประชามติ

พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568

สำหรับกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับการทำประชามติของประเทศไทยในปัจจุบัน คือ พระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 โดยสาระสำคัญของพระราชบัญญัติฉบับนี้เป็นการปรับปรุงกฎหมายการออกเสียงประชามติฉบับเดิม เพื่อเพิ่มความสะดวกให้ประชาชน ลดภาระของหน่วยงานรัฐ และปรับปรุงขั้นตอนการออกเสียงให้ทันสมัยและยืดหยุ่นมากขึ้น โดยมีประเด็นสำคัญที่ได้มีการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม ดังนี้

การเผยแพร่ข้อมูลต้อง "รอบด้านและเท่าเทียม"

พระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 มุ่งเน้นให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่มีการทำประชามติครบถ้วน รอบด้าน และเท่าเทียม โดยต้องไม่เป็นการชี้นำ ให้ผู้ออกเสียงเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง นอกจากนี้ เมื่อมีการกำหนดวันออกเสียงประชามติแล้ว ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องดำเนินการ ดังนี้

  • เผยแพร่กระบวนการและขั้นตอนการออกเสียง ให้ประชาชนผู้มีสิทธิได้รับทราบอย่างทั่วถึง
  • จัดให้มีการแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระและเท่าเทียมกัน ทั้งฝ่ายเห็นชอบ ฝ่ายไม่เห็นชอบ หรือฝ่ายที่มีความคิดเห็นแตกต่าง เพื่อให้กระบวนการประชามติเป็นไปอย่างโปร่งใสและรอบด้าน

กำหนดหน้าที่และอำนาจของ กกต. ในการจัดการออกเสียงประชามติ

พระราชบัญญัติฯ ฉบับปัจจุบัน ได้กำหนดให้เขตการออกเสียง หน่วยออกเสียง และที่ออกเสียง เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด เพื่อให้เหมาะสมกับบริบทในแต่ละพื้นที่และรูปแบบของการออกเสียง

ตัวอย่างบัตรลง "ประชามติ"

ครม.เห็นชอบให้กำหนดวันออกเสียงประชามติ เป็นวันเดียวกับวันเลือกตั้ง สส. คือ วันที่ 8 ก.พ.2569 โดยกำหนดคำถามในการออกเสียงประชามติว่า "ท่านเห็นชอบว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่" ส่งผลให้การเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.69 ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จะต้องกา (X) บัตรลงคะแนน 3 ใบด้วยกัน ประกอบด้วย 1.บัตรเลือกตั้ง สส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 2.บัตรเลือกตั้ง สส. แบบบัญชีรายชื่อ และ 3.บัตรออกเสียงประชามติ

ผู้มีสิทธิออกเสียง

ผู้มีสิทธิออกเสียง ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ และมีหน้าที่ไปใช้สิทธิออกเสียงอย่างอิสระ

กกต.เตรียมเปิดลงทะเบียนออกเสียงประชามติ 3-5 ม.ค.นี้

นายวีระ ยี่แพร รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ระบุเมื่อวันที่ 23 ม.ค.2568 ในการบรรยายในหัวข้อ "การมีส่วนร่วมของประชาชนและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การเลือกตั้ง" โดยระบุ นายกรัฐมนตรี จะต้องประกาศให้ออกเสียงประชามติภายในวันที่ 2 ม.ค.2569 การเลือกตั้ง สส.แบบแบ่งเขต สส.แบบบัญชีรายชื่อ รวมถึงการออกเสียงประชามติ จะจัดในคูหาเดียวกัน ในวันที่ 8 ก.พ.2569 เท่านั้น โดยการออกเสียงประชามติ ทั้งในและนอกราชอาณาจักร กกต.จะประกาศให้ลงทะเบียน ภายในวันที่ 3-5 ม.ค.69 ผ่านระบบออนไลน์

อ้างอิงข้อมูล : การออกเสียงประชามติ (ผู้เรียบเรียง : รองศาสตราจารย์ ดร.ยุทธพร อิสรชัย)

“เทพชัย หย่อง” ยันไม่เคยทุจริต พร้อมให้ตรวจสอบ พ้อสื่อไม่ตรวจสอบก่อนเสนอข่าว

2 แคนดิเดตนายกฯ "เพื่อไทย" เข้าพบ "ส.อ.ท."

ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน 6 ปาก ปมแทรกแซงคดีฮั้ว สว.

แท็กที่เกี่ยวข้อง: