กองทัพบกในยุค คสช.
พล.อ.อุดมเดชไม่เพียงวางบทบาทให้กองทัพบกมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยและสร้างความปรองดองเท่านั้น แต่ยังได้กำหนดทิศทางกองทัพบกในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เป็นปีแห่งการปฏิบัติงานที่มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์และเป็นรูปธรรมในทุกด้าน ภายใต้คติ "ร่วมใจ ริเริ่ม จริงจัง เพื่อชาติและราชบัลลังก์"
พล.อ.ธีรชัยนับเป็นนายทหารที่เติบโตจากกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ เป็นคนที่ 5 ติดต่อกันที่ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก นับตั้งแต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ซึ่งนอกจากสายสัมพันธ์ความเป็นพี่เป็นน้องแล้ว ภาพลักษณ์ของ พล.อ.ธีรชัย ยังเป็นนายทหารสายบู๊จากถิ่นบูรพาพยัคฆ์
โดยพล.อ.ธีรชัยเปิดเผยครั้งแรกหลังรับตำแหน่งว่า จะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในสัปดาห์หน้า พร้อมย้ำแนวทางกองทัพบก ว่านับจากนี้ ยังคงมุ่งดูแลสถานการณ์บ้านเมืองให้อยู่ในสภาวะปกติ เพื่อให้รัฐบาลสามารถบริหารงานอย่างราบรื่น โดยไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร
ขณะที่เหล่าทัพต่างๆ ได้จัดพิธีรับส่งหน้าที่ โดยพล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ส่งมอบหน้าที่ปลัดกระทรวงกลาโหมให้พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา
ขณะที่กองทัพไทยมีพิธีรับส่งหน้าที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดระหว่างพล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร กับพล.อ.สมหมาย เกาฏีระ และกองทัพเรือ เป็นการรับส่งหน้าที่ผู้บัญชาการทหารเรือ ระหว่างพลเรือเอกไกรสร จันทร์สุวานิชย์กับพลเรือเอกณะ อารีนิจ แต่ต่างก็มีบทบาทสำคัญไม่เพียงแค่ภายในกองทัพหรือหน่วยงานในสังกัด แต่ยังคงต้องสานงานที่กองทัพต้องสนับสนุนรัฐบาล-คสช.