กรมสุขภาพจิต เตือน ปชช.ระวังภาคธุรกิจหาผลประโยชน์กระแสเลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพ ชี้คนเลี้ยงไม่ผิดปกติทางจิต

สังคม
25 ม.ค. 59
15:19
642
Logo Thai PBS
กรมสุขภาพจิต เตือน ปชช.ระวังภาคธุรกิจหาผลประโยชน์กระแสเลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพ ชี้คนเลี้ยงไม่ผิดปกติทางจิต
อธิบดีกรมสุขภาพจิต เตือนประชาชนตั้งสติ-ระวังภาคธุรกิจหาประโยชน์จากกระแสตุ๊กตาลูกเทพ แนะยึดเหนี่ยวศาสนาเพราะเชื่อถือได้ ระบุคนเลี้ยงไม่ผิดปกติทางจิตแค่กลุ่มหาที่พึ่งทางใจ ด้านอธิบดีกรมท่าอากาศยาน เตรียมเชิญสายการบินหารือแนวทางปฏิบัติต่อตุ๊กตาลูกเทพ

จากกรณี ภาคธุรกิจต่าง ๆ เปิดให้บริการเพิ่มเติม ทั้งร้านจำหน่ายเสื้อผ้า เครื่อประดับ ไปจนถึงที่พัก ร้านอาหาร จำหน่ายตั๋วที่นั่งสายการบินและรถโดยสาร รวมถึงการรับจ้างดูแลในลักษณะเนอร์สเซอรี ฯลฯ เป็นการเฉพาะ เพื่อรองรับกระแส “ตุ๊กตาลูกเทพ” ที่สังคมกลับมาให้ความสนใจอีกครั้ง 

ระวัง! ภาคธุรกิจ-มิจฉาชีพ ฉวยผลประโยชน์จากกระแสตุ๊กตาลูกเทพ

วันนี้ (25 ม.ค. 2559) นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ตุ๊กตาลูกเทพคือการประยุกต์ไสยศาสตร์เข้าหลอมรวมกับยุคดิจิตอลได้อย่างลงตัว และไม่ได้ต่างอะไรไปจากคนสมัยก่อนที่เลี้ยงกุมารทอง ซึ่งการเลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพไม่ถือว่าเป็นผู้ที่มีความผิดปกติทางจิต เพราะส่วนหนึ่งที่นิยมเลี้ยงมาจากกระแสของสังคม อีกส่วนมาจากความเชื่อส่วนตัว อาจมีบ้างที่เลี้ยงเพื่อต้องการที่พึ่งทางใจ เพราะตามหลักทางจิตวิทยาสามารถอธิบายได้ว่า เราทุกคนยังต้องการแสวงหาในสิ่งที่จิตใจยังขาดอยู่ บางคนมีความไม่สบายใจอะไรบางอย่าง หรือบางคนนั้นรู้สึกว่าขาดอะไรสักอย่างในชีวิต จึงต้องการบางสิ่งบางอย่างมายึดเหนี่ยวจิตใจ ขณะที่ พื้นฐานจิตใจของคนไทยส่วนมากมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องไสยศาสตร์อยู่แล้ว 

“ส่วนตัวอยากแนะนำให้ยึดเหนี่ยวศาสนาเป็นที่พึ่งจะดีกว่า เพราะมีที่มาที่ไปชัดเจนและเชื่อถือได้ และอยากแนะนำผู้ที่เลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพทุกท่านว่า การที่เราจะรับพรจากสิ่งใดนั้นต้องเกิดจากการคิดดี ทำดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวส่งเสริมให้ความหวังเกิดผลสำเร็จ ได้อย่างแท้จริง” อธิบดีกรมสุขภาพจิต ระบุ

ด้าน นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ หัวหน้ากลุ่มที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ถ้ามองว่าเป็นความเชื่อ ตุ๊กตาลูกเทพคือการเสริมสร้างกำลังใจประเภทหนึ่ง หรือเป็นความศรัทธาในรูปแบบหนึ่ง แต่ความศรัทธาเหล่านี้ต้องอยู่บนหลักของความจริงด้วย การทำงานอย่างมุ่งมั่น วางแผนอย่างดี ใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง จึงจะเกิดผล

“ในอีกมุมหนึ่ง ตนมองว่าเป็นเรื่องของการหาผลประโยชน์จากการตลาด ที่ตั้งแต่การใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงหรือดารามาเป็นผู้นำ หรือมีอิทธิพลทางความคิดต่อคนอื่นๆ ผนวกกับการนำความเชื่อ ความศรัทธาของคนในเรื่องลี้ลับเรื่องโชคลาภเข้ามาดึงดูดความสนใจ ตลอดจนการอาศัยโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นช่องทางการสื่อสารที่ถูกส่งต่อไปได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง เมื่อเห็นบ่อยๆ ซ้ำๆ จึงกลายเป็นกระแสฮิตได้ไม่ยากนัก แต่คาดว่ากระแสนี้น่าจะค่อยๆ เงียบลงไป ถ้าไม่มีเหตุการณ์อื่นๆ มากระตุ้นอีก” นพ.ยงยุทธ แสดงทัศนะ

นพ.ยงยุทธ กล่าวต่ออีกว่า อย่างไรก็ตามปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสฮิตที่เกิดขึ้น เปิดโอกาสให้มิจฉาชีพเข้ามาหลอกลวงหวังผลประโยชน์ได้เสมอจึงขอให้ระวังให้มาก สิ่งที่สามารถทำได้ก็คือ การมีสติ อย่ารีบตอบสนองโดยไม่ยั้งคิด ซึ่งสติจะช่วยให้ไม่ประมาท ยับยั้งชั่งใจตัวเองได้ ไม่คิดพูดทำอย่างหุนหันพลันแล่น จะได้ไม่ถูกหลอกลวงจนเสียทรัพย์สินเงินทองมากมาย ทั้งนี้ คนไทยเป็นศาสนิกที่ดีขอให้ยึดหลักศาสนาไว้ ถ้าอยากเป็นสุขก็ต้องขยันทำมาหาเลี้ยงชีพ ไม่ก่อหนี้ยืมสิน ใช้จ่ายให้พอดี ไม่สุรุ่ยสุร่าย เป็นต้น

กระตุกภาคธุรกิจเกาะกระแสตุ๊กตาลูกเทพ ควรตระหนักในจรรยาบรรณวิชาชีพ

ขณะที่ นายพงศกร อารีย์ศิริไพศาล หัวหน้าภาควิชาการโฆษณา คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่แบรนด์สินค้าและบริการต่างๆ จะจับกระแสตุ๊กตาลูกเทพมาเล่นหรือทำโปรโมชั่น ถือเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ต้องการจับฐานลูกค้าอีกกลุ่มที่มีกำลังซื้อ ซึ่งอยู่ในกลุ่มบีถึงบีบวกขึ้นไป แต่อยากให้สังเกตว่าไม่มีแบรนด์ใหญ่ลงมาเล่น เนื่องจากขายของได้อยู่แล้วและไม่อยากเสี่ยง เพราะขณะนี้ การเปิดให้บริการหรือขายสินค้าให้กับตุ๊กตาลูกเทพเป็นกระแสลบอยู่ในสังคม

นายพงศกร กล่าวอีกว่า ถ้าเป็นแบนด์ระดับปานกลางหรือแบรนด์เล็กๆ ถ้าจะเกาะกระแสชวนเชื่อผ่านสื่อสังคมออนไลน์ที่ไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย ให้ผู้บริโภคมาซื้อหรือใช้สินค้าเพื่อตุ๊กตาลูกเทพ วันหนึ่งกระแสเลิกฮิต คนไม่นิยมหรือถูกค้าน ก็แทบไม่เสียหายอะไร แต่หากเป็นแบรนด์ใหญ่มีเรื่องความน่าเชื่อถือค้ำอยู่จะทำอะไรก็ลำบาก ยกตัวอย่างเช่น สินค้าเด็ก ถ้าจะเกาะกระแสทำโปรโมชั่นนี้ แต่คนเกิดแอนตี้ไม่ซื้อสินค้าก็แย่ จึงอยากให้กลุ่มธุรกิจระวังตัวพอสมควร และนึกจึงจรรยาบรรณ และจริยธรรมในวิชาชีพด้วย

“กระแสตุ๊กตาลูกเทพกับภาคธุรกิจเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดู เพราะขณะนี้เทรนด์อะไรที่เป็นกระแสแรง ราคาสินค้าหรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอาจโก่งราคาขึ้นตาม และจะมีกลุ่มมิจฉาชีพเข้ามาหาผลประโยชน์ เช่น หลอกขายของออนไลน์สำหรับตุ๊กตาลูกเทพ แต่โอนเงินแล้วไม่ได้ของ เป็นต้น ทั้งนี้ มองว่ากระแสดังกล่าวหากเติบโตจนถึงที่สุด ก็จะซาไปเหมือนกับกรณีของจตุคามรามเทพหรือตุ๊กตาเฟอร์บี้” หัวหน้าภาควิชาการโฆษณา คณะนิเทศศาสตร์ ม.กรุงเทพ กล่าวพร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่า การชื่นชมตุ๊กตาลูกเทพถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล และคนกลุ่มนี้ก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องการเงิน การที่สังคมหรือสื่อมวลชนให้ความสนใจมากเป็นพิเศษจึงเกิดคำถามขึ้นว่าเหมาะสมแล้วหรือไม่

เปรียบกระแสตุ๊กตาลูกเทพเหมือนปั่นหุ้น แนะเลี้ยงสัตว์จรให้คุณมากกว่า 

ส่วน นางสาวมณฑานี ตันติสุข วิทยากรด้านการเงิน แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า กระแสตุ๊กตาลูกเทพเป็นเรื่องกลยุทธ์ทางการตลาด ที่คนกลุ่มหนึ่งและภาคธุรกิจพลิกวิฤตเป็นโอกาส จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ แต่ตุ๊กตาลูกเทพขายได้ บริการเพื่อตุ๊กตาลูกเทพขายออก แสดงว่าคนกลุ่มนี้เห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น และยิ่งเล่นกับความเชื่อของคนในสังคมทำให้ยิ่งธุรกิจเติบโต ในแง่หนึ่งช่วยดึงเม็ดเงินให้เกิดการไหลเวียน

“สิ่งที่ควรทำนับจากนี้คือสังคมไทยควรหยุดด่าประณาม (ผู้ที่มีความเชื่อเรื่องตุ๊กตาลูกเทพ) เพราะการโต้เถียงกับความเชื่อเป็นสิ่งที่เปล่าประโยชน์ แต่ต้องหันมาเรียนรู้จากสถานการณ์ให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายอย่างที่แล้วมา อย่างกรณีของจตุคามรามเทพหรือแม้แต่ตุ๊กตาเฟอร์บี้ ที่หลายคนถึงกับล้มละลาย และอยากแนะนำคนที่บูชาตุ๊กตาลูกเทพว่า หากต้องการเลี้ยงอะไรสักอย่างในชีวิตโดยต้องทุ่มเทให้ทั้งเงินและเวลา การเลี้ยงสัตว์จรจัดอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะสัตว์ตอบสนองความรักกลับมาได้ ช่วยคลายเหงา และช่วยลดปัญหาสังคมด้วย” น.ส.มณฑานีกล่าว

น.ส.มณฑานี กล่าวว่า อยากให้คนในสังคมตระหนักว่าธุรกิจที่ยึดเหนี่ยวกับความเชื่อของคนเปรียบได้กับการปั่นหุ้น ที่มักตั้งราคาไว้เกินจริงและมีการปั่นราคา ซึ่งคนที่รวยก็คือพ่อค้าแม่ค้า ทั้งนี้อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาศึกษาธุรกิจตุ๊กตาลูกเทพตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ว่าขณะนี้มีมูลค่าเม็ดเงินเท่าไร ใครได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ เพราะถ้าวันนึงเลิกฮิตขึ้นมาจะเป็นการซ้ำเติมระบบเศรษฐกิจไทยที่กำลังย่ำแย่ อย่างไรก็ดี คาดว่าตุ๊กตาลูกเทพจะอยู่ในกระแสเพียง 1 ปี หรือน้อยกว่า เพราะสังคมไทยเห่อไวแต่ก็เลิกฮิตไวเช่นกัน

กรมท่าอากาศยานเตรียมหารือมาตรการให้ตุ๊กตาลูกเทพขึ้นเครื่องบิน

ส่วน นายจุฬา สุขมานพ อธิบดีกรมท่าอากาศยาน และรักษาการผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เผยว่า เตรียมเรียกผู้ประกอบการสายการบินของไทยไม่เกินวันที่ 28 ม.ค. 2559 เพื่อหารือถึงการกำหนดแนวทางปฏิบัติ เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารตามมาตรความปลอดภัยในระดับสากล หลังจากมีบางสายการบินกำหนดแนวทางปฏิบัติการโดยสารอากาศยานของตุ๊กตาลูกเทพ

“ตามมาตรฐานสากล สิ่งของหากเป็นประเภทสัมภาระ การนำขึ้นบนเครื่องบินจะต้องเก็บไว้2ที่ คือจุดเก็บสัมภาระเหนือศีรษะและจุดเก็บสัมภาระใต้เบาะหน้าที่นั่ง แต่หากในของกรณีของผู้โดยสารตามมาตรฐานความปลอดภัย จะต้องระบุชื่อผู้โดยสารบนบัตรโดยสาร” นายจุฬา ระบุ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง