เหตุชายวัยรุ่นถูกฆ่าแล้วทิ้งศพไว้ที่เชิงสะพานภูมิพล 1 ถนนพระราม 3 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา เป็นหนึ่งในเหตุทะเลาะวิวาทของกลุ่มวันรุ่นที่ไปเล่นน้ำสงกรานต์ที่ถนนสีลม ซึ่งจนถึงขณะนี้ ตำรวจยังไม่ได้เบาะแสคนร้ายเพิ่มเติม เพราะเพื่อนผู้เสียชีวิตที่รอดมาได้ก็อยู่ในอาการมึนเมา ไม่สามารถจดจำอะไรได้
เช่นเดียวกับเหตุกลุ่มวัยรุ่นกราดยิงใส่กลุ่มรถจักรยานยนต์ ที่หน้าอาคารรัจนาการ ถนนสาทรใต้ แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร จนทำให้มีผู้บาดเจ็บ 2 คน เสียชีวิต 1 คน เมื่อคืนวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งมีสาเหตุจากการเขม่นกันในงานสงกรานต์ที่ถนนสีลมเช่นกัน
ในปีนี้ถนนสีลมกลายเป็นจุดที่พบเหตุการทะเลาะวิวาทมากที่สุด และหลายเหตุมีสาเหตุมาจากการเล่นน้ำสงกรานต์ที่ถนนสายนี้ ซึ่งจากสถิติการรับแจ้งเหตุของศูนย์วิทยุ กองบัญชาการตำรวจนครบาล พบว่า มีเหตุทะเลาะวิวาทช่วงเทศกาลสงกรานต์ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 13-15 เมษายน มากถึง 587 ครั้ง แต่สามารถจับกุม และดำเนินคดีได้เพียง 28 รายเท่านั้น และมากกว่าครึ่งผู้ก่อเหตุหลบหนี หรือเมื่อไปตรวจสอบก็ไม่พบเหตุแล้ว
พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยอมรับว่า สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการเมาสุรา แม้จะไม่มีการขายในพื้นที่ที่ให้จัดเล่นสงกรานต์ แต่พื้นที่โดยรอบก็เปิดขายปกติ ซึ่งยากในการควบคุม สอดคล้องกับข้อมูลจากศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ ที่ระบุว่า แอลกอฮอลล์เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีการเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น ทางในเรื่องของอุบัติเหตุ และการทะเลาะวิวาท พร้อมทั้งแนะนำให้จัดชุดเฉพาะกิจเข้ามาควบคุมดูแล
แม้กองบัญชาการตำรวจนครบาลจะมีมาตรการป้องกันเหตุในเทศกาลสงกรานต์ ด้วยการออกตรวจร้านค้าในพื้นที่จัดให้เล่นน้ำทั้ง 21 จุด ตลอด 7 วัน เน้นกวดขัน จับกุมสถานที่จำหน่ายสุรานอกเวลา และการลักลอบจำหน่ายสุราในสถานที่ห้ามจำหน่าย โดยเฉพาะพื้นที่จัดงานสงกรานต์ แต่ยังคงพบการฝ่าฝืนจำหน่ายสุรา และประชาชนที่มาร่วมงานมักจะดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอร์มาแล้ว ในปีหน้าตำรวจเตรียมขยายพื้นที่ห้ามจำหน่ายสุรารอบพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์เพื่อป้องกันเหตุการทะเลาะวิวาทเพราะเมาสุรา