หนังสั้นผู้พิการทางสายตา : เห็นได้ด้วยแรงบันดาลใจ

การมองเห็นอาจเป็นสิ่งสำคัญในการชมภาพยนตร์ แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับผู้พิการทางสายตา หลายคนเป็นแฟนหนังตัวยง ยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถทำหนังสั้นที่ทั้งเขียนบท กำกับ และแสดงเองได้ ในโครงการเห็นได้ด้วยแรงบันดาลใจ

เพราะไม่เข้าใจว่าคนตาบอดจะออกไปใช้ชีวิตข้างนอกได้อย่างไร ทำให้พ่อต้องกักขังจ้อน ลูกชายตาบอดไว้เพียงในบ้าน ไม่สนใจเสียงเรียกร้องที่อยากไปเรียนนวดเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระในครอบครัว  หากสุดท้ายสองมือของลูกผู้พิการกลับมาดูแลพ่อในยามที่ดวงตาเริ่มฝ้าฟาง เพียง 12 นาทีของหนังสั้นเรื่อง "อยากให้รักและเข้าใจ" แต่สื่อสารกับผู้ชมในเรื่องการให้โอกาสผู้พิการทางสายตาได้อย่างครบถ้วน หนึ่งในหนังสั้นที่เขียนบทและถ่ายทำด้วยฝีมือและประสบการณ์ของผู้บกพร่องทางการมองเห็น  โครงการ "เห็นได้ด้วยแรงบันดาลใจ" ของสถาบันสร้างเสริมสุขภาพคนพิการ หวังทลายกรอบที่คนทั่วไปมีต่อคนตาบอด

วรพงษ์ ทองดี ผู้กำกับภาพยนตร์สั้น "อยากให้รักและเข้าใจ" กล่าวว่า แรงบันดาลใจก็คือตัวเอง ที่ได้ประสบพบพานเพื่อนตาบอด แล้วก็ได้มีโอกาสพบปะหลายๆ คนที่เป็นคนต่างจังหวัด ที่มีลูกแล้วไม่อยากให้ลูกออกมาสู่โลกภายนอก เพราะสงสารลูกไม่อยากให้ลูกต้องลำบาก

ขณะที่ ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ วิทยากรโครงการเห็นได้ด้วยแรงบันดาลใจ กล่าวว่า เรามักจะไปตีกรอบความสมบูรณ์แบบของภาพยนตร์ แต่จริงๆ แล้วหัวใจของมันก็คือการเล่าเรื่อง เพราะฉะนั้นต่อให้เขามองไม่เห็นแต่เขามีเรื่องที่เขาจะเล่า และสามารถเล่าให้ในมุมหรือวิธีของเขาเอง มันก็เป็นหนังหนึ่งเรื่องได้เหมือนกัน

ส่วนหนังเรื่องหนึ่งในงานนี้ ได้แก่ มหา Dear ตอนนางเอกฟังข้อความพระเอกฝากไว้แล้วให้พร ก็สามารถเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้ตลอดทั้งเรื่อง กว่ามหา และเดียร์ คู่รักผู้พิการทางสายตาจะหากันจนพบ เรื่องราววุ่นๆ ของหนุ่มสาวที่แม้จะอยู่ใกล้แต่ก็ยากจะเจอกันทันที และเพลงประกอบยอดนิยมจากนักร้องดัง ดา เอ็นโดรฟินที่นำมาใช้ในตอนจบได้อย่างลงตัว เรียกเสียงปรบมือจากผู้ชม และทำให้หนังสั้นอารมณ์ดีในชื่อ "มหา Dear" เรื่องนี้เปลี่ยนมุมมองของหลายคนที่มีต่อศักยภาพของผู้พิการทางสายตา

มงคล เหลืองจรัสหล้า หนึ่งในผู้ชมหนังเรื่องนี้กล่าวว่า ชอบหนังเรื่องนี้ โดยตอนแรกคิดว่ามาดูหนังคนตาบอดเศร้า แต่ก็ได้แฝงแง่คิดให้มุมใหม่ สร้างความเข้าใจว่าการเดินทางมาเจอกันของคนตาบอดก็อาจจะลำบาก แต่ดูแล้วหนังมันสนุก ตลก

ส่วนผู้จัดทำโครงการเห็นได้ด้วยแรงบันดาลใจ มนต์ศักดิ์ ชัยวีระเดช  กล่าวว่า "เมื่อได้มาเรียนรู้ร่วมกันจริงๆ แล้วกลับค้นพบว่าในบางครั้งสิ่งที่เขามองไม่เห็น กลับมีจินตนาการหรือมีประสาทสัมผัสด้านอื่นที่ดี และส่งเสริมจินตนาการได้ไม่แพ้กัน เช่นการฟัง ทำให้เขาสร้างสรรค์ผลงานขึ้นมาหนึ่งเรื่องได้อย่างสมบูรณ์แล้วก็ชวนให้ติดตามได้เช่นเดียวกันหนังทั่วไป"

แม้ชมภาพยนตร์ได้ไม่ชัดนัก และบางครั้งก็ต้องอาศัยการถามจากคนข้างๆ แต่ผู้พิการทางสายตาส่วนใหญ่ก็ชื่นชอบและดูหนังไม่ต่างจากคนทั่วไป นอกจากไปชมในโรง ยังมีบริการสายด่วน 1414 ที่สามารถรับฟังได้ทั้งข่าวสารและภาพยนตร์ การเปลี่ยนจากผู้ชมกลายเป็นผู้กำกับของคนตาบอดครั้งนี้จึงเต็มไปด้วยความท้าทายสนุกสนาน ที่แม้มองไม่เห็น แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคปิดกั้นจินตนาการ