ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

แนะนำการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ (Green Season) สำหรับ 5 ที่ที่ยวหน้าฝน


Lifestyle

อธิเจต มงคลโสฬศ

แชร์

แนะนำการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ (Green Season) สำหรับ 5 ที่ที่ยวหน้าฝน

https://www.thaipbs.or.th/now/content/2820

แนะนำการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ (Green Season) สำหรับ 5 ที่ที่ยวหน้าฝน

 

การท่องเที่ยวหน้าฝนถือเป็นอีกช่วงเวลาที่หลายคนชื่นชอบจากเสน่ห์เฉพาะตัวของการเผยโฉมความเขียวขจีของกรีนซีซัน (Green Season) ที่ภูเขา ต้นไม้ ใบหญ้าที่มีสีเขียว ชุ่มฉ่ำ กลายเป็นความงามที่แตกต่าง และหาไม่ได้จากช่วงเวลาอื่น ๆ

การท่องเที่ยวหน้าฝนถือเป็นอีกช่วงเวลาที่หลายคนชื่นชอบจากเสน่ห์เฉพาะตัวของการเผยโฉมความเขียวขจีของกรีนซีซัน (Green Season) ที่ภูเขา ต้นไม้ ใบหญ้าที่มีสีเขียว ชุ่มฉ่ำ กลายเป็นความงามที่แตกต่าง และหาไม่ได้จากช่วงเวลาอื่น ๆ

การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติในช่วงกรีนซีซันนี้มีเสน่ห์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ความสดใสของป่าไม้ที่เปลี่ยนสีจากเหลืองแกมน้ำตาลในช่วงฤดูแล้งมาเป็นเขียวขจีสดใส อากาศที่เย็นสบายจากฝนที่ตกชุ่มฉ่ำ ทะเลหมอกที่ลอยตัวอยู่ระหว่างยอดเขาในยามเช้า และเสียงธรรมชาติที่ผ่อนคลายจากสายน้ำใสที่ไหลเซาะผ่านผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ Thai PBS ชวนทุกคนลองออกไปเที่ยว ก้าวผ่านหยาดฝนพำเพื่อเดินทางไปยลโฉมความงดงามของสถานที่ท่องเที่ยวหน้าฝน จะมีที่ไหนบ้างตามไปดูกัน

เขาค้อ เที่ยวหน้าฝนล่าทะเลหมอก จ.เพชรบูรณ์

หากจะพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวในช่วงหน้าหนาว หลายคนคงนึกถึงเขาค้อ ทว่าหน้าฝนก็มีความงดงามที่หลายคนอาจไม่ทันได้นึกถึง เพราะทะเลหมอกสวย ๆ ก้อนเมฆละเลียดทิวเขาของเขาค้อมักมาปรากฏตัวในช่วงหน้าฝน และการเดินทางมาที่นี่ก็ใช้เวลาเพียง 5 – 6 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ เท่านั้น ทะเลหมอกใกล้กรุงเทพฯ อาจเป็นคำเรียกที่ไม่เกินจริงสำหรับที่นี่

การท่องเที่ยวเขาค้อในช่วงกรีนซีซันจะได้พบกับประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากช่วงฤดูแล้งหรือหน้าหนาว เพราะธรรมชาติจะเปลี่ยนชุดใหม่ให้เป็นสีเขียวสดใส ป่าใหญ่ของเขาค้อเต็มไปด้วยหยาดน้ำค้างยามเช้า ใบหญ้าที่เปียกชื้นแต่สดใส และอากาศที่เย็นสบายจากความชื้นที่ลอยอยู่ในอากาศ ทำให้การเดินทางในช่วงนี้เป็นประสบการณ์ที่ผ่อนคลายและเต็มไปด้วยความสงบ

จุดท่องเที่ยวเด่นของที่นี่รวมเอาหลากจุดชมทะเลหมอกของเขาค้อที่มีวางตัวอยู่รอบบริเวณ และยิ่งมาเยือนในช่วงหน้าฝนก็ยิ่งจะได้เห็นทะเลหมอกเป็นปุยก้อนได้ชัดเจนกว่าทุกฤดู เนื่องจากความชื้นในอากาศที่สูงขึ้นจากฝนที่ตกจะทำให้การก่อตัวของหมอกและเมฆในบริเวณของเขาค้อมีมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเช้าตรู่ที่อุณหภูมิอากาศลดลง ทะเลหมอกจะค่อยๆ ลอยขึ้นมาจากหุบเขาและไหลผ่านระหว่างยอดเขาต่างๆ สร้างภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งเป็นจุดเด่นสำคัญของการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติในช่วงกรีนซีซัน

จุดชมวิวภูทับเบิกยอดเขาที่สูงที่สุดของจังหวัดเพชรบูรณ์ จุดกางเต็นท์ชมดาวยาวค่ำคืน มีอากาศเย็นตลอดปี เป็นจุดท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงในทุกฤดูกาล แต่ในช่วงหน้าฝน ภูทับเบิกจะมีเสน่ห์ที่แตกต่างไปจากเดิม ด้วยความเขียวขจีของป่าที่ปกคลุมไปทั้งลูกเขา อากาศที่เย็นสบายยิ่งขึ้นจากความชื้นที่ลอยอยู่ในอากาศ และทะเลหมอกที่หนาแน่นกว่าปกติในยามเช้า

การท่องเที่ยวเขาค้อในช่วงกรีนซีซันจะได้รับประสบการณ์ที่สดใหม่ เพราะธรรมชาติจะเปลี่ยนสีสันให้เป็นโทนสีเขียวที่สวยงาม ป่าที่เคยดูแกมเหลืองในช่วงฤดูแล้งจะกลายเป็นสีเขียวสดใส ทำให้ทัศนียภาพดูสดชื่นและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา

จุดชมทะเลหมอกเขาตะเคียนโง๊ะ ถือเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในเขาค้อ สามารถชมทะเลหมอกได้แบบ 360 องศา มาพร้อมสีสันที่งดงามของช่วงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน ถือเป็นไฮไลท์สำหรับการเที่ยวเขาค้อหน้าฝนโดยเฉพาะ

การท่องเที่ยวที่เขาตะเคียนโง๊ะในช่วงกรีนซีซันจะได้พบกับประสบการณ์ที่น่าประทับใจ เพราะทะเลหมอกจะมีความหนาแน่นและขาวโปร่งใสมากกว่าปกติ ลอยตัวอยู่ระหว่างยอดเขาราวกับมหาสมุทรสีขาวที่ไร้ขอบเขต ในช่วงพระอาทิตย์ขึ้น แสงแรกจะส่องผ่านทะเลหมอกสร้างภาพที่สวยงามเหมือนภาพวาดที่ถูกวาดขึ้นบนผืนผ้าใบ ส่วนในช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ท้องฟ้าจะเปลี่ยนเป็นสีส้มทอง สะท้อนกับผิวหน้าของทะเลหมอกสร้างบรรยากาศที่โรแมนติกและน่าประทับใจ

ธรรมชาติในช่วงนี้จะแสดงความงดงามที่ไม่สามารถหาชมได้ในช่วงเวลาอื่น ทำให้การเดินทางเชิงธรรมชาติในช่วงกรีนซีซันเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง

จุดชมวิวไปรษณีย์เขาค้อ จุดชมวิวสุดสวยที่มีเอกลักษณ์เด่นเป็นป้ายพร้อมตู้ไปรษณีย์สีแดงสุดคลาสสิก ตั้งอยู่บนเนินเขาริมเส้นทางสาย 2196 มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม ทั้งนอนกางเต็นท์หรือนอนแบบบ้านพักก็มีให้บริการพร้อม เป็นอีกจุดท่องเที่ยวในเขาค้อที่ได้รับความนิยมสูงในการเดินทางเชิงธรรมชาติ

ในช่วงกรีนซีซัน จุดชมวิวนี้จะมีความสวยงามที่แตกต่างไปจากปกติ เพราะบริเวณโดยรอบจะเขียวขจีสดใส ป่าที่อยู่ใกล้เคียงจะเต็มไปด้วยใบอ่อนสีเขียวสด อากาศจะเย็นสบายและสดชื่นจากความชื้นที่ลอยอยู่ในอากาศ ทำให้การเดินทางในช่วงนี้เป็นประสบการณ์ที่ผ่อนคลายและเต็มไปด้วยความสงบ

การนั่งชมวิวจากจุดนี้ในช่วงเช้าจะได้เห็นทะเลหมอกที่ลอยอยู่ระหว่างยอดเขา ทำให้รู้สึกเหมือนได้นั่งอยู่เหนือเมฆ ส่วนในช่วงเย็นจะได้ชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม ท้องฟ้าจะเปลี่ยนเป็นสีส้มทอง ส่องแสงผ่านเมฆและหมอกที่ลอยอยู่ในอากาศ

เขาค้อได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 125 ของประเทศไทย มีเนื้อที่กว้างใหญ่ขนาด 301,698 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ป่า 4 ท้องที่ คือ อำเภอหล่มเก่า อำเภอหล่มสัก อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ และอำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์

การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติเขาค้อในช่วงกรีนซีซันจะได้พบกับความหลากหลายของระบบนิเวศที่สมบูรณ์ ป่าขนาดใหญ่ที่เขียวขจีสดใส ป่าดงดิบที่เต็มไปด้วยใบอ่อนสีเขียวสด ลำธารน้ำใสที่ไหลผ่านป่าและสัตว์ป่าต่างๆ ที่จะออกมาหากินมากขึ้นในช่วงฤดูฝน ทำให้การเดินทางในช่วงนี้เป็นประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความสดใหม่และน่าประทับใจ

การท่องเที่ยวเขาค้อในช่วงกรีนซีซันยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น การเดินป่าศึกษาธรรมชาติในเส้นทางต่างๆ ที่จะได้เห็นความเขียวขจีของป่าดงดิบ การชมนกและสัตว์ป่าที่จะออกมาหากินมากขึ้นในช่วงฤดูฝน การถ่ายรูปธรรมชาติที่มีสีสันสวยงาม และการกางเต็นท์ชมดาวในคืนที่ฟ้าใส หลังจากฝนตกเพื่อชื่นชมความงดงามของท้องฟ้าราตรีที่แจ่มใส

อุณหภูมิอากาศในช่วงกรีนซีซันของเขาค้อจะเย็นสบายกว่าปกติ เนื่องจากความชื้นในอากาศและเมฆที่มีมากขึ้น ทำให้แสงแดดไม่ส่องถึงพื้นดินโดยตรง อากาศจะสดชื่นและเย็นสบาย เหมาะสำหรับการเดินทางเชิงธรรมชาติและกิจกรรมกลางแจ้ง การหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์ที่เต็มไปด้วยออกซิเจนจากป่าจะทำให้รู้สึกสดชื่นและมีพลังขึ้น ทำให้การเดินทางในช่วงนี้เป็นประสบการณ์ที่ดีต่อร่างกายและจิตใจ การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติในช่วงกรีนซีซันที่เขาค้อจึงเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าและน่าประทับใจ ที่จะทำให้ผู้ที่มาเยือนได้รับความสุขและความผ่อนคลายจากความงดงามของธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล

สนใจการท่องเที่ยวหน้าฝนที่เขาค้อ สอบถามตามรายละเอียดได้ที่ อุทยานแห่งชาติเขาค้อ 67 หมู่ 1 ต.สะเดาะพง อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ 67270 โทร. 081 284 5223

ที่มา : อุทยานแห่งชาติเขาค้อ -Khao Kho National Park

อุทยานแห่งชาติไทรทอง เที่ยวหน้าฝนชมทุ่งดอกกระเจียว จ.ชัยภูมิ

อีกไฮไลต์ของการท่องเที่ยวหน้าฝนที่มีเสน่ห์ คงขาดเส้นทางชมความงามของดอกไม้ที่ผลิบานเฉพาะช่วงหน้าฝนไปไม่ได้ และอุทยานแห่งชาติไทรทอง ก็เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวหน้าฝนที่สามารถรับชมความงามของทุ่งดอกกระเจียวได้เป็นอย่างดี

การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติในช่วงกรีนซีซันที่อุทยานแห่งชาติไทรทองจะได้พบกับประสบการณ์ที่น่าประทับใจ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ธรรมชาติเผยโฉมความงดงามในรูปแบบที่หาชมได้ยากในช่วงเวลาอื่น ป่าจะเขียวขจีสดใส อากาศจะเย็นสบายและสดชื่นจากฝนที่ตกลงมาชุ่มฉ่ำ ทำให้การเดินทางในช่วงนี้เป็นประสบการณ์ที่ผ่อนคลายและเต็มไปด้วยความสงบ

ดอกกระเจียว หรืออีกชื่อว่าดอกบัวสวรรค์ เป็นพืชล้มลุกประเภทหัว ที่ผลิดอกสีชมพูอมม่วงบานสะพรั่งในช่วงต้นฤดูฝนระหว่างเดือนมิถุนายน – สิงหาคม จนได้รับฉายาว่าเป็น "ราชินีแห่งป่าฝน" ความงดงามของดอกกระเจียวนี้ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่เกิดขึ้นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ในรอบปี

การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติเพื่อชมดอกกระเจียวจึงเป็นการเดินทางที่มีคุณค่าและน่าประทับใจ เพราะได้สัมผัสกับความงดงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการมาถึงของฤดูฝน ดอกกระเจียวจะเริ่มผลิดอกหลังจากฝนตกครั้งแรกของฤดูฝน เมื่อดินได้รับความชื้นอย่างเพียงพอ หัวของดอกกระเจียวที่อยู่ใต้ดินตลอดฤดูแล้งจะเริ่มส่งก้านดอกขึ้นมาจากพื้นดิน ก้านสีเขียวสดจะค่อยๆ ยืดขึ้นไปตามแสงแดด และในที่สุดก็จะเบ่งบานเป็นดอกไม้สีชมพูอมม่วงที่สวยงามราวกับดอกบัวที่ผลิบานบนดิน

ในปี 2568 นี้ มีการคาดการณ์ชีพลักษณ์ดอกกระเจียว โดย ส่วนอุทยานแห่งชาติ และกลุ่มงานวิชาการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 7 คาดการณ์ว่า ดอกกระเจียวจะมีช่วงเวลาที่เบ่งบานในเดือนมิถุนายน โดยจะเริ่มบานในช่วงต้นเดือน เบ่งบานมากที่สุดในช่วงปลายเดือน และค่อย ๆ ลดลงในเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม

การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติเพื่อชมดอกกระเจียวจึงต้องคำนึงถึงช่วงเวลาการเบ่งบานของดอกไม้ด้วย เพื่อให้ได้ชมความงดงามที่สมบูรณ์ที่สุด ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเดินทางชมดอกกระเจียวคือช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกไม้จะบานสะพรั่งและสีสันจะสวยงามที่สุด

ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติไทรทองจะมีการจัด “เทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวบาน” เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวหน้าฝนโดยมีการเพิ่มจุดชมวิว ซุ้มของกินพื้นเมือง และร้านค้าของที่ระลึก พร้อมงานแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นและบริการอีกมากมาย

การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติในช่วงเทศกาลนี้จะได้รับประสบการณ์ที่ครบครันและน่าประทับใจ เพราะนอกจากจะได้ชมความงดงามของดอกกระเจียวแล้ว ยังได้สัมผัสกับวัฒนธรรมท้องถิ่นและลิ้มรสอาหารพื้นเมืองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของจังหวัดชัยภูมิ การจัดเทศกาลนี้ยังเป็นการส่งเสริมการเดินทางเชิงธรรมชาติและการอนุรักษ์ธรรมชาติให้คงอยู่ต่อไป เพื่อให้คนรุ่นหลังได้มีโอกาสชมความงดงามของดอกกระเจียวที่เป็นมรดกทางธรรมชาติที่ล้ำค่า

นอกจากนี้ยังมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายจุดด้วยกัน น้ำตกไทรทอง น้ำตกที่มีความสูงถึง 5 เมตร ด้านหน้าเป็นแอ่งน้ำใหญ่ สามารถลงเล่นน้ำได้ บริเวณแอ่งน้ำที่นี่เรียกกันว่า "วังไทร" ส่วนที่อยู่เหนือน้ำตกก็มีวังน้ำขนาดใหญ่เรียกกันว่า "วังเงือก" มีเส้นทางธรรมชาติเดินชมความงามโดยรอบเป็นระยะทาง 1,200 เมตร ใช้เวลาประมาณ 50 นาที

การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่น้ำตกไทรทองในช่วงกรีนซีซันจะได้พบกับประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากปกติ เพราะน้ำตกจะมีน้ำไหลเต็มตลิ่งและใสสะอาด เสียงน้ำตกจะดังขึ้นและสร้างบรรยากาศที่สดชื่นและผ่อนคลาย ป่าที่อยู่รอบๆ น้ำตกจะเขียวขจีสดใส ใบไม้จะเต็มไปด้วยหยาดน้ำค้างยามเช้า ทำให้บรรยากาศดูสดชื่นและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา

การเดินชมธรรมชาติรอบน้ำตกไทรทองในช่วงกรีนซีซันจะได้พบกับความหลากหลายของพืชและสัตว์ที่จะออกมาแสดงตัวมากขึ้นในช่วงฤดูฝน เสียงนกร้องในป่าจะไพเราะและหลากหลายมากขึ้น ผีเสื้อหลากสีจะบินไปมาตามดอกไม้ป่า และอากาศจะเย็นสบายและสดชื่นจากความชื้นที่ลอยอยู่ในอากาศ การแช่น้ำในแอ่งน้ำใต้น้ำตกจะเป็นประสบการณ์ที่สดชื่นและผ่อนคลาย เพราะน้ำจะเย็นและใสสะอาด ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นและมีพลังใหม่ การเดินทางเชิงธรรมชาติที่น้ำตกไทรทองจึงเป็นกิจกรรมที่ดีต่อร่างกายและจิตใจ

การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติตามเส้นทางเดินชมดอกกระเจียวจะได้รับประสบการณ์ที่น่าประทับใจและเต็มไปด้วยความสงบ เพราะการเดินป่าในช่วงกรีนซีซันจะได้สัมผัสกับอากาศที่เย็นสบายและสดชื่น ป่าที่เขียวขจีสดใส และเสียงธรรมชาติที่ผ่อนคลาย แต่ละจุดชมวิวจะมีความสวยงามและเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน ทำให้การเดินทางเป็นประสบการณ์ที่หลากหลายและน่าสนใจ

ผาพ่อเมืองเป็นหน้าผาหินที่มีรูปทรงแปลกตาและมีความสูง ให้วิวทิวทัศน์ที่สวยงามของป่าและทุ่งดอกกระเจียวที่แผ่กว้าง ผาหำหดมีเอกลักษณ์เฉพาะที่รูปทรงของหินที่เหมือนกับปากของสัตว์ป่า ทำให้ได้ชื่อว่าผาหำหด จุดชมทุ่งดอกบัวสวรรค์แต่ละจุดจะมีมุมมองที่แตกต่างกัน บางจุดจะเห็นทุ่งดอกกระเจียวแบบพาโนรามาที่กว้างไกล บางจุดจะเห็นในมุมใกล้ชิดที่สามารถสัมผัสความงดงามของดอกไม้ได้อย่างชัดเจน

ผาเพลินใจเป็นจุดชมวิวที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและเพลิดเพลินกับความงดงามของธรรมชาติ เหมาะสำหรับการนั่งพักและชื่นชมทิวทัศน์ หินเทินเป็นจุดที่มีหินขนาดใหญ่ที่มีรูปทรงแปลกตา ผาสวนสวรรค์เป็นจุดที่มีความสวยงามราวกับสวนสวรรค์ที่อยู่บนโลก ผาอาทิตย์อัสดงเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามในยามเช้า แสงแรกของพระอาทิตย์จะส่องผ่านหมอกและเมฆ สร้างภาพที่น่าประทับใจและเต็มไปด้วยความสงบ

การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติในช่วงกรีนซีซันจะได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่มีบรรยากาศแตกต่างไปจากปกติ เพราะอากาศจะเย็นสบายและมีหมอกเบาๆ ลอยอยู่ ทำให้ภาพพระอาทิตย์ขึ้นดูนุ่มนวลและสวยงาม

โดยตลอดเส้นทางยังสามารถชมความงามของดอกไม้ชนิดอื่น ๆ ได้ เช่น ดุสิตา สร้างสุวรรณา จุกนารี กระดุมเงิน กระดุมทอง เอื้องนวลจันทร์ หงอนไก่แจ้ สามพันตึง และดาวเรืองภู เป็นต้น

ความงามของดอกกระเจียวที่ขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้วมีให้ชมสำหรับการท่องเที่ยวหน้าฝนเท่านั้น ทำให้การเดินทางเชิงธรรมชาติเพื่อชมดอกกระเจียวเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากและมีค่า นักท่องเที่ยวที่มาเยือนในช่วงนี้จะได้สัมผัสกับสิ่งมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่เกิดขึ้นเพียงช่วงสั้นๆ ในรอบปี ความงดงามของทุ่งดอกกระเจียวที่แผ่กว้างไปตามสายตา ดอกไม้สีชมพูอมม่วงที่บานสะพรั่งท่ามกลางสีเขียวของป่า สร้างภาพที่ตื่นตาตื่นใจและน่าประทับใจ การได้ยืนท่ามกลางทุ่งดอกกระเจียวจะทำให้รู้สึกเหมือนได้อยู่ในสวนสวรรค์ที่งดงามและสงบ

การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติไทรทองในช่วงกรีนซีซันยังเป็นโอกาสที่ดีในการศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศป่า การปรับตัวของพืชและสัตว์ในช่วงฤดูฝน และความสำคัญของการอนุรักษ์ธรรมชาติ นักท่องเที่ยวจะได้เห็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติตามฤดูกาล การผลิดอกของพืชต่างๆ ในช่วงฤดูฝน และความสมดุลของระบบนิเวศ ทำให้การเดินทางเป็นกิจกรรมที่มีคุณค่าทางการศึกษาและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาจิตสำนึกในการอนุรักษ์ธรรมชาติ 

สนใจการท่องเที่ยวหน้าฝนที่อุทยานแห่งชาติไทรทอง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เลขที่ 81 หมู่ที่10 ถนน โยธาธิการ ตำบล วังตะเฆ่ อำเภอ หนองบัวระเหว จังหวัด ชัยภูมิ 36250 หรือเบอร์โทร 089-2823437 ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติไทรทอง สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 7 จังหวัดนครราชสีมา


 

ที่มา : อุทยานแห่งชาติไทรทอง Sai Thong National Park

อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ท่องเที่ยวหน้าฝนผจญความงามเชิงธรรมชาติอิงประวัติศาสตร์ จ.พิษณุโลก

หากคุณรู้สึกเบื่อกับการท่องเที่ยวธรรมชาติช่วงหน้าฝนแบบดั้งเดิม อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าอาจช่วยเติมรสชาติที่แตกต่าง เมื่อความสวยทางธรรมชาติมาพร้อมกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของยุคคอมมิวนิสต์โดยมีภูหินร่องกล้าเป็นฐานที่มั่นใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือ และมีหลายร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติให้ได้เยี่ยมชม

การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าในช่วงกรีนซีซันจะได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างจากสถานที่อื่น เพราะเป็นการผสมผสานระหว่างความงดงามของธรรมชาติที่เขียวขจีในช่วงฤดูฝนกับความลึกซึ้งของประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในผืนป่าแห่งนี้ ทำให้การเดินทางเป็นประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความหมายและสร้างแรงบันดาลใจ

ที่หลบภัยทางอากาศ สำนักอำนาจรัฐ เป็นที่ทำการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) โพรงถ้ำกว้างขวางอยู่ริมหน้าผา ในอดีตเคยใช้เป็นที่พักฟื้นของคนไข้ในโรงพยาบาลพรรคคอมมิวนิสต์ ปัจจุบันกลายเป็นจุดชมใบบีโกเนียอันงดงาม มีอากาศเย็นสบายเนื่องจากอยู่ริมหน้าผามีลมเย็นสบายเหมาะแก่การนั่งพักผ่อน

การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่จุดนี้ในช่วงกรีนซีซันจะได้พบกับความงดงามของใบบีโกเนียที่เขียวขจีสดใส เพราะในช่วงฤดูฝน ความชื้นในอากาศจะทำให้ใบบีโกเนียเจริญเติบโตได้ดีและมีสีสันที่สวยงามยิ่งขึ้น โพรงถ้ำที่เคยเป็นที่พักพิงของผู้ที่ต่อสู้เพื่อความเชื่อในอดีต ปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ให้ความรู้และสร้างแรงบันดาลใจ

บรรยากาศภายในโพรงถ้ำจะเย็นสบายตลอดทั้งปี แต่ในช่วงฤดูฝน อากาศจะเย็นสบายและสดชื่นมากขึ้นเนื่องจากความชื้นที่ลอยอยู่ในอากาศ ทำให้การนั่งพักผ่อนที่นี่เป็นประสบการณ์ที่ผ่อนคลายและสงบ การเดินทางเชิงธรรมชาติที่โพรงถ้ำแห่งนี้จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการปรับตัวของมนุษย์ในการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ ผู้ที่เคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ในอดีตได้ใช้ประโยชน์จากธรรมชาติในการรักษาพยาบาลและการดำรงชีวิต ความเย็นสบายจากโพรงถ้ำธรรมชาติ ความชื้นที่เหมาะสมสำหรับการฟื้นฟูร่างกาย และความร่มรื่นจากป่าที่อยู่โดยรอบ ทำให้สถานที่นี้กลายเป็นโรงพยาบาลธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพ การมาเยือนที่นี่ในช่วงหน้าฝนนี้จะได้สัมผัสกับพลังของธรรมชาติที่สามารถเยียวยาร่างกายและจิตใจ

น้ำตกกังหันน้ำ แลนด์มาร์กอีกแห่ง ห่างจากที่ทำงานอุทยานประมาณ 4 กิโลเมตร ตัวกังหันตั้งอยู่ตรงข้ามโรงเรียนการเมืองทหาร ออกแบบและสร้างขึ้นโดยนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่หนีเข้าป่าภายหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 กังหันน้ำนี้จึงเปรียบเสมือนโรงสีข้าวของพรรคคอมมิวนิสต์

ปัจจุบันแลนด์มาร์กแห่งนี้มีลักษณะเป็นกังหันน้ำโบราณที่วางตัวเองอยู่ท่ามกลางหุบเขาที่มีน้ำตกไหลผ่าน เคียงข้างด้วยกระท่อมไม้กลางป่าใหญ่ ชวนให้ถ่ายรูปเก็บความสวยงามเขียวขจีและชุ่มฉ่ำราวกับอยู่ในป่าของเทพนิยาย

การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่น้ำตกกังหันน้ำในช่วงกรีนซีซันจะได้พบกับประสบการณ์ที่น่าประทับใจ เพราะในช่วงฤดูฝน น้ำตกจะมีน้ำไหลเต็มตลิ่งและเสียงน้ำไหลจะดังขึ้น สร้างบรรยากาศที่สดชื่นและผ่อนคลาย กังหันน้ำที่สร้างขึ้นด้วยภูมิปัญญาและความสามารถของนักศึกษาที่หลบหนีเข้าป่าในยุคนั้น แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและใช้ประโยชน์จากธรรมชาติในการดำรงชีวิต

การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่นี่จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและการใช้พลังงานจากธรรมชาติ กังหันน้ำจะหมุนด้วยพลังน้ำที่ไหลจากน้ำตก ทำให้เป็นแหล่งพลังงานที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ป่าที่อยู่โดยรอบจะเขียวขจีสดใสในช่วงฤดูฝน ทำให้บรรยากาศดูเหมือนเป็นฉากจากนิยายหรือภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยความโรแมนติกและลึกลับ

เสียงกังหันน้ำที่หมุนช้าๆ ประกอบกับเสียงน้ำไหลและเสียงนกร้องในป่า จะสร้างบรรยากาศที่เงียบสงบและผ่อนคลาย ทำให้ผู้ที่มาเยือนรู้สึกเหมือนได้เดินทางย้อนเวลากลับไปในอดีต กระท่อมไม้ที่อยู่ใกล้เคียงจะเต็มไปด้วยหยาดน้ำค้างในยามเช้าของช่วงฤดูฝน ทำให้ดูเหมือนกระท่อมในป่าของเทพนิยายที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความลึกลับ การถ่ายรูปที่นี่ในช่วงกรีนซีซันจะได้ภาพที่สวยงามและเต็มไปด้วยบรรยากาศที่โรแมนติก

ยังมีจุดท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ-ประวัติศาสตร์อีกหลายแห่ง มีสัตว์เล็กสัตว์น้อยตามธรรมชาติที่หาดูได้ยาก พร้อมแมกไม้ที่เติบโตเฉพาะการท่องเที่ยวหน้าฝนที่รอให้ทุกคนไปเยี่ยมเยือน การเดินทางเชิงธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าในช่วงกรีนซีซันจะได้พบกับความหลากหลายของพืชและสัตว์ที่จะปรากฏตัวมากขึ้นในช่วงฤดูฝน นกหลากหลายชนิดจะออกมาหากินและร้องเพลงไพเราะในยามเช้า ผีเสื้อหลากสีจะบินไปมาตามดอกไม้ป่า และสัตว์ป่าเล็กๆ จะออกมาแสดงตัวมากขึ้นเนื่องจากมีแหล่งอาหารและน้ำที่อุดมสมบูรณ์

แมกไม้ที่เติบโตเฉพาะในช่วงฤดูฝนจะปรากฏตัวในหลายพื้นที่ของอุทยาน ทำให้ผืนป่าดูเหมือนถูกปูพรมสีเขียวที่นุ่มนวลและสวยงาม การเดินป่าในช่วงนี้จะได้สัมผัสและได้เห็นถึงความนุ่มนวลของแมกไม้ และกลิ่นหอมของป่าที่เต็มไปด้วยความชื้นและสดชื่น ความหลากหลายของพืชสกุลเฟิร์นและมอสจะทำให้ป่าดูเหมือนสวนพฤกษศาสตร์ธรรมชาติที่เต็มไปด้วยความงดงาม

การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้ายังเป็นโอกาสที่ดีในการศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของประเทศไทยในช่วงทศวรรษ 1960-1980 ร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติจะทำให้ผู้ที่มาเยือนได้เข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ และการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติในการดำรงชีวิต การที่กลุ่มคนเหล่านี้เลือกที่จะอยู่ในป่าและใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ธรรมชาติและการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน

สนใจการท่องเที่ยวหน้าฝนที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลก โทร. 08 1596 5977 หรือกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทร. 0 2562 0760
 

ที่มา : อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า - Phu Hin Rong Kla National Park

หมู่บ้านสะปัน ท่องเที่ยวหน้าฝนอันอบอุ่น จ.น่าน

การท่องเที่ยวหน้าฝนที่หมู่บ้านสะปัน จังหวัดน่าน ถือเป็นช่วงโลว์ซีซั่น เนื่องจากมีฝนตก ไม่สะดวกในการเดินทาง แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่เรียกกันว่า "กรีนซีซัน (Green Season)" อันเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยวพิเศษที่ผู้คนจะได้เห็นความเขียวขจีอันงดงามที่แฝงอยู่ในการเดินทางหน้าฝนอีกด้วย


การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติในช่วงกรีนซีซันที่หมู่บ้านสะปันจะได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างจากการเดินทางในฤดูอื่นอย่างสิ้นเชิง เพราะธรรมชาติจะเปลี่ยนชุดใหม่ให้เป็นสีเขียวสดใสที่ตาเป็นประกาย ป่าจะเขียวขจีสดชื่น อากาศเย็นสบายจากฝนที่ตกลงมาชุ่มฉ่ำ ทำให้การเดินทางในช่วงนี้เป็นประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความสงบสุขและความผ่อนคลาย


หมู่บ้านสะปันในอำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน เป็นชุมชนเล็กๆ สงบเงียบคล้ายหมู่บ้านในนิทาน ท่ามกลางขุนเขาซับซ้อนสุดสายตาสลับกับสายหมอก มีลำธารไหลผ่าน เป็นจุดที่ลำน้ำว้าและลำน้ำสะปันมาบรรจบกัน เรียกว่า "สบปัน" และกลายมาเป็นชื่อสะปัน อากาศดีตลอดทั้งปี ถือเป็นโอโซนชั้นหนึ่งที่ควรมาลองสักครั้ง โดยเฉพาะกับการมาเยือนหน้าฝน ที่จะได้เห็นทุ่งข้าวเขียวขจี


การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่หมู่บ้านสะปันในช่วงกรีนซีซันจะได้พบกับความงดงามที่หลากหลายมากกว่าการเดินทางในฤดูอื่น เพราะธรรมชาติจะแสดงความอุดมสมบูรณ์ในทุกมิติ ตั้งแต่ความเขียวขจีของป่าที่ปกคลุมไปทั่วทุกซอกซอย ความสดใสของใบไม้ที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำค้างในยามเช้าและเสียงน้ำไหลเซาะในลำธารที่ใสสะอาด


วัดสะปัน ที่ตั้งอยู่ใกล้กับจุดชมวิวนี้มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ สร้างขึ้นโดยเจ้าพ่อพญาตึ๋น ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของพื้นที่ วัดนี้มีอายุหลายร้อยปีและได้รับการเคารพนับถือจากชาวบ้านมาอย่างต่อเนื่อง การเดินทางเชิงธรรมชาติที่รวมการเยือนสถานที่ทางประวัติศาสตร์และศาสนาจะทำให้ได้รับประสบการณ์ที่ครบครันและมีความหมาย


ในช่วงกรีนซีซัน บรรยากาศรอบวัดจะเงียบสงบและเต็มไปด้วยความสงบสุข ด้วยเสียงฝนตกเบาๆ บนหลังคาวัด ทำให้การมาเยือนวัดในช่วงนี้เป็นประสบการณ์ที่ผ่อนคลายและเต็มไปด้วยความสงบ


น้ำตกสะปัน ตั้งอยู่ที่บ้านสะปัน เป็นน้ำตกขนาดไม่ใหญ่มาก มีด้วยกัน 3 ชั้นใหญ่ๆ โดยแต่ละชั้นมีความสูงราว 3 – 6 เมตร เมื่อคุณไปยืนอยู่ท่ามกลางน้ำตกแห่งนี้ คุณจะถูกโอบรับด้วยอ้อมกอดอันอบอุ่นแห่งความเขียวขจี ทั้งสีเขียวอ่อนโยนจากแสงที่ส่องแดดมาตามหุบเขา พร้อมด้วยสีเขียวสดจากมอสที่ขึ้นตามโขนหิน การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่น้ำตกสะปันในช่วงกรีนซีซันจะได้พบกับประสบการณ์ที่น่าประทับใจเป็นพิเศษ เพราะในช่วงฤดูฝน น้ำตกจะมีน้ำไหลเต็มตลิ่งและเสียงน้ำตกจะดังขึ้น สร้างบรรยากาศที่สดชื่นและผ่อนคลาย น้ำที่ไหลลงมาจากน้ำตกจะใสสะอาดและเย็นสบาย ทำให้อากาศรอบๆ น้ำตกเย็นสบายและสดชื่นมากขึ้น


นอกจากนี้ ในหมู่บ้านมีถนนสายหลักที่เรียงรายไปด้วยรีสอร์ท ร้านอาหาร ขนาบไปกับลำธารน้ำใสจากต้นน้ำบนเทือกเขาหลวงพระบาง บริเวณกลางสะพานข้ามลำธารเป็นจุดเช็คอินที่นักท่องเที่ยวจะพลาดไม่ได้กับการถ่ายรูปเป็นที่ระลึก มองเห็นวิวสองฝั่งน้ำ หลายๆ คนบอกว่าคล้ายกับเมืองโอตารุ ประเทศญี่ปุ่น แต่มีความสวยงามแบบชนบทที่อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติมากกว่า
โดยการท่องเที่ยวหน้าฝนที่นี่จะตรงกับฤดูทำนา ทำให้เห็นนาข้าวเขียวขจีเป็นของแถวชั้นเลิศอีกด้วย การเดินทางเชิงธรรมชาติที่ย่านใจกลางหมู่บ้านสะปันในช่วงกรีนซีซันจะได้พบกับการผสมผสานระหว่างความสะดวกสบายของสิ่งอำนวยความสะดวกสมัยใหม่กับความงดงามของธรรมชาติ


ฤดูทำนาที่ตรงกับช่วงการเดินทางหน้าฝนจะทำให้ได้เห็นวิถีชีวิตของเกษตรกรที่ทำนาข้าวแบบดั้งเดิม การได้เห็นขั้นตอนการทำนาตั้งแต่การปักดำ การดูแลรักษา และการเจริญเติบโตของข้าว จะเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจและให้ความรู้เกี่ยวกับการเกษตร ทุ่งนาข้าวที่เขียวขจีสดใสจะสร้างทิวทัศน์ที่สวยงามและเป็นภาพที่น่าประทับใจ การได้เดินไปตามคันนาและสัมผัสกับบรรยากาศของชีวิตชาวนาจะทำให้เข้าใจและชื่นชมการดำเนินชีวิตที่อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ


ค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่หมู่บ้านสะปันในช่วงกรีนซีซันจะถูกกว่าช่วงฤดูหนาว เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซัน ทำให้ค่าที่พัก ค่าอาหาร และค่าบริการต่างๆ มีราคาที่เหมาะสมและคุ้มค่า สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีงบประมาณจำกัดหรือต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย การเดินทางในช่วงกรีนซีซันจึงเป็นตัวเลือกที่ดี โดยที่ยังได้รับประสบการณ์ที่คุ้มค่าและน่าประทับใจไม่แพ้การเดินทางในฤดูอื่น


สนใจการท่องเที่ยวหน้าฝนที่หมู่บ้านสะปัน สอบถามรายละเอียดได้ที่ ต.ดองพญา อ.บ่อเกลือ จ.น่าน หรือที่ ททท. สำนักงานน่าน โทร. 0 5471 1217-8 หรือที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ ททท.สำนักงานน่าน
 

ทิวทัศน์ที่หมู่บ้านสะปัน

บ้านนาต้นจั่น ท่องเที่ยวหน้าฝนยลวิถีชุมชน จ.สุโขทัย

เมื่อฤดูฝนมาเยือน ธรรมชาติจึงเริ่มแปรเปลี่ยนสีสันจากความแห้งแล้งสู่ความเขียวขจี นับเป็นช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเดินทางเชิงธรรมชาติหรือที่เรียกว่า Green Season ซึ่งไม่มีที่ไหนจะเหมาะสมไปกว่าบ้านนาต้นจั่น ในอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ที่ห่างจากกรุงเทพมหานครไม่ไกลนัก แต่กลับให้ประสบการณ์การเดินทางที่แตกต่างจากเมืองใหญ่อย่างสิ้นเชิง

การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติในยุคนี้ไม่ใช่เพียงแค่การหลบหนีจากความวุ่นวายของเมืองใหญ่เท่านั้น แต่เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ที่ทำให้เราได้สัมผัสกับวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแต่อิ่มเอมไปด้วยความสุข บ้านนาต้นจั่นจึงเป็นจุดหมายปลายทางการเดินทางที่สะท้อนถึงแนวคิด Slow Life อย่างแท้จริง ที่นี่ชุมชนได้รวมตัวกันเองเพื่อสร้างโฮมสเตย์ที่ไม่ใช่เพียงแค่ที่พักธรรมดา แต่เป็นบ้านที่แท้จริงของคนในชุมชน ซึ่งมีจำนวนจำกัดเพียง 39 หลังเท่านั้น ทำให้การเดินทางที่นี่มีความเป็นส่วนตัวและสามารถสัมผัสกับวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นได้อย่างใกล้ชิด

ในช่วงฤดูเขียว ธรรมชาติรอบๆ บ้านนาต้นจั่นจะเปลี่ยนโฉมหน้าไปจากเดิมอย่างน่าทึ่ง ทุ่งนาที่เคยเหลืองแห้งจะกลับมาเขียวขจีอีกครั้ง ต้นไม้จะปลิวไสวในสายลม ขณะที่อากาศเย็นสบายและความชื้นที่เหมาะสมทำให้การเดินทางในช่วงนี้เป็นไปอย่างสะดวกสบาย สำหรับใครที่ต้องการหลีกหนีจากอากาศร้อนอบอ้าวของเมืองใหญ่ การเดินทางในฤดูฝนที่บ้านนาต้นจั่นจึงเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยม

กิจกรรมการเดินทางที่นี่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับวิถีชีวิตชุมชนอย่างใกล้ชิด หนึ่งในกิจกรรมที่น่าสนใจคือการนั่งรถอีแต๊กชมวิถีชีวิตในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นวิธีการเดินทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสามารถเข้าถึงทุกมุมของหมู่บ้านได้อย่างสะดวก ระหว่างการเดินทาง นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับวิถีชุมชนที่หลากหลายและน่าสนใจ อาทิ การเยี่ยมชมการทำตุ๊กตาไม้บาร์โหนที่บ้านตาวงศ์ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น การชมการทอผ้าใต้ถุนบ้าน ที่แสดงให้เห็นถึงฝีมือของผู้หญิงในชุมชนที่ยังคงรักษาวิธีการทอผ้าแบบดั้งเดิมไว้ได้อย่างงดงาม

การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติในฤดูเขียวที่บ้านนาต้นจั่นจะไม่สมบูรณ์หากไม่ได้แวะชมจุดชมวิวห้วยต้นไฮ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด จุดชมวิวแห่งนี้เปรียบเสมือนหน้าต่างที่เปิดออกสู่ความงดงามของธรรมชาติ นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นหมู่บ้านนาต้นจั่นไกลออกไปยังอำเภอศรีสัชนาลัย ในยามเช้าตรู่และยามเย็น ความงดงามของพระอาทิตย์ขึ้นและตกจะสร้างภาพที่น่าประทับใจ สีสันของท้องฟ้าจะค่อยๆ เปลี่ยนไปจากสีส้มอ่อนเป็นสีแดงทอง แล้วจึงเปลี่ยนเป็นสีม่วงอมฟ้าอย่างนุ่มนวล ในบางวัน โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนที่อากาศเย็นและมีความชื้นเหมาะสม นักท่องเที่ยวอาจจะได้รับโชคเห็นทะเลหมอกที่ลอยเลื่อนอยู่เหนือหุบเขาและทุ่งนา สร้างบรรยากาศที่เหมือนกับดินแดนในเทพนิยาย

อาหารการกินเป็นอีกหนึ่งมิติของการเดินทางเชิงธรรมชาติที่บ้านนาต้นจั่นที่ไม่ควรมองข้าม เมนูเอกลักษณ์พื้นถิ่นที่นักท่องเที่ยวต้องลิ้มลองคือข้าวเปิ๊บ ซึ่งข้าวเปิ๊บเป็นเมนูที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน และปากหม้อ เมนูนี้ไม่เพียงแต่มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เท่านั้น แต่ยังเป็นการสะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์และภูมิปัญญาของคนในชุมชนที่สามารถนำวัตถุดิบท้องถิ่นมาประยุกต์เป็นเมนูอาหารที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง การลิ้มรสข้าวเปิ๊บจึงเป็นมากกว่าการรับประทานอาหารธรรมดา แต่เป็นการสัมผัสกับวัฒนธรรมและเรื่องราวของชุมชนผ่านรสชาติอันน่าจดจำ

การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติในฤดูเขียวที่บ้านนาต้นจั่นให้มากกว่าแค่ประสบการณ์การเดินทาง แต่เป็นการเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้วิถีชีวิตที่ยั่งยืน ได้เห็นว่าชุมชนสามารถดำรงอยู่อย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ และได้สัมผัสกับความเรียบง่ายที่แฝงไปด้วยความสุข ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การท่องเที่ยวแบบนี้จึงเป็นทั้งการพักผ่อนที่มีคุณภาพและการสนับสนุนแนวคิดการท่องเที่ยวที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน ซึ่งจะส่งผลให้ชุมชนมีความเข้มแข็งและธรรมชาติยังคงความงดงามไว้ให้คนรุ่นต่อไปได้สัมผัสต่อไป

สำหรับใครที่สนใจจะมาสัมผัสกับการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติในฤดูเขียวที่บ้านนาต้นจั่น สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ บ้านนาต้นจั่น ต.บ้านตึก อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย 64130 โทร. 08 8495 7738 หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจ โฮมสเตย์บ้านนาต้นจั่น จังหวัดสุโขทัย การท่องเที่ยวครั้งนี้จะเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ที่ทำให้คุณได้พบกับตัวตนที่แท้จริงของชีวิตอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

บ้านนาต้นจั่น ที่มา : รายการ The Surveyor
 

การท่องเที่ยวหน้าฝนเผยเสน่ห์ที่หาไม่ได้จากช่วงเวลาอื่น เสน่ห์อันแตกต่างที่ชวนให้คุณได้ลองไปยลโฉมดูสักครั้ง ความงดงามของธรรมชาติในช่วงมรสุมตะวันตกเฉียงใต้นี้ไม่เพียงแต่มอบภาพลักษณ์ที่สดใสจากสีเขียวอันเข้มข้นเท่านั้น แต่ยังดึงดูดใจด้วยอากาศอันเย็นฉ่ำและบรรยากาศที่เงียบสงบ ฟ้าร้องเสียงดังที่ก้องกังวานท่ามกลางขุนเขาสลับกับกลิ่นอายของดินเปียกที่หอมหวาน สายลมที่พัดผ่านอบอุ่นด้วยละอองฝนที่ปลิวไป และเสียงน้ำหยดบนใบไม้ที่สร้างเสียงประสานราวกับบทเพลงธรรมชาติ ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการผจญภัยที่ไม่เหมือนใคร หน้าฝนอาจกลายเป็นอีกช่วงเวลาโปรดสำหรับการออกไปท่องเที่ยวของคุณก็เป็นได้

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

การท่องเที่ยวไทยกิจกรรมท่องเที่ยวท่องเที่ยวท่องเที่ยวไทยท่องเที่ยวหน้าฝนหน้าฝน
อธิเจต มงคลโสฬศ

ผู้เขียน: อธิเจต มงคลโสฬศ

เจ้าหน้าที่เนื้อหาดิจิทัล ไทยพีบีเอส สนใจเนื้อหาด้านสุขภาพจิต สาธารณสุข และความยั่งยืน รวมถึงประเด็นทันกระแสที่มีแง่มุมน่าสนใจซ่อนอยู่

บทความ NOW แนะนำ

ข่าวล่าสุด