ใคร ๆ ก็รู้จัก “ปู” และใคร ๆ ก็กดไลก์ถูกใจเมนู “ไข่เจียวปู” แต่น่าสนใจว่า เมนูอาหารที่มี “ปู” เป็นตัวชูโรงแบบนี้ มักนำมาซึ่ง “ราคาที่สูง”
เหตุใด ? และทำไม ? เมนูที่เกี่ยวกับปู ถึงมีราคาแพง Thai PBS ชวนดูที่มาที่ไปกัน…
ทำไม “ปู” ถึงสร้างความพิเศษให้กับเมนูอาหาร ?
“ปู” ถือเป็นสัตว์น้ำที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศ โดยลักษณะสัณฐานทั่วไป ปูมีกระดองซึ่งเป็นแคลเซียมขนาดแข็ง มีก้ามใหญ่ 1 คู่ มีขาเดิน 4 คู่ โดยแตกออกเป็นรัศมีไปทางด้านข้างลำตัว และมีหนวดคู่ที่ 2 อยู่ระหว่างตา ปูมีหาง แต่ไม่มีหน้าที่ชัดเจน และไม่มีแพนหาง
ปูอาศัยทั้งในน้ำทะเล น้ำจืด และบนบก ปัจจุบันมีการจำแนกปูไว้กว่า 6,000 ชนิด เหตุที่ผู้คนนำ “ปู” มาปรุงอาหาร และได้รับความนิยมอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ เนื้อปูมีรสชาติหวานตามธรรมชาติ มีเนื้อลักษณะแน่น นุ่ม และหนึบ นอกจากนี้ เนื้อปูยังเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง รวมทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามิน B12, โซเดียม, แคลเซียม, ธาตุเหล็ก, วิตามิน C, และโพแทสเซียม ซึ่งมีส่วนในการทำหน้าที่ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ บำรุงสมอง บำรุงกระดูกและฟัน ป้องกันโรคโลหิตจาง และมีสารต้านอนุมูลอิสระ
ปูยังมีประยุกต์เป็นเมนูอาหารได้หลากหลาย ทั้งผัด แกง ยำ หรือแม้แต่กินเนื้้อเปล่า ๆ รวมทั้งยังปรุงได้ทั้งในอาหารไทย และเป็นส่วนผสมในอาหารนานาชาติ อาทิ สปาเกตตี ซูชิ และอีกมากมาย
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ส่งผลให้ “ปู” กลายเป็นวัตถุดิบที่ช่วยสร้าง “มูลค่า” ให้กับเมนูอาหาร และยกระดับให้เมนูอาหารที่มีปู มีราคาที่สูงกว่าอาหารปกติทั่วไป
มูลค่าของ “ปู” ที่สูงเกินต้าน
ด้วยคุณสมบัติหลายประการประกอบกัน ส่งผลให้ “ปูและเนื้อปู” มีความพิเศษ ยิ่งปูบางสายพันธุ์ เป็นปูที่หายาก หรือมีแหล่งอาศัยที่อยู่เป็นพิเศษ จึงทำให้ “ราคาปู” สูง ชนิดที่…บางตัวซื้อบ้านทั้งหลังได้เลยทีเดียว
ยกตัวอย่าง ปูหิมะ ในประเทศญี่ปุ่น เป็นปูที่ขึ้นเรื่องความหายาก โดยเฉพาะ “ปูหิมะอิชึกิโบชิ” ที่ได้รับการยกย่องว่า เป็นปูหายากที่สุดในญี่ปุ่น ที่ผ่านมา เมื่อมีการจับปูดังกล่าวขึ้นมาได้ และถูกนำมาประมูลขาย สามารถทำราคาประมูลไปได้ถึง 5 ล้านเยน หรือเกือบ 1.4 ล้านบาท
ส่วนปูที่เป็นที่นิยมในประเทศไทย ส่วนใหญ่คือ ปูม้า ปูดำ (ปูทะเล) ปูจั๊กจั่น ปูขน ส่วนปูที่ได้ชื่อว่ามีมูลค่าสูงกว่าปูประเภทอื่น ๆ คือ ปูขาว หรือ ปูทองหลาง เป็นหนึ่งในสกุลของปูทะเล และค่อนข้างได้รับความนิยมในหมู่นักชิม ทำให้ปูประเภทนี้ มีมูลค่าที่สูงกว่าปูชนิดอื่น ๆ
“ปู” เนื้อปูส่วนไหนที่เป็น The Best
ปูถือเป็นวัตถุดิบทางอาหารที่มีมูลค่าสูง ดังนั้น ผู้ที่คิดจะรับประทานปู จึงควรทราบใน “ส่วนประกอบ” ของปู ว่ามีส่วนไหนสำคัญกันบ้าง
- ส่วนเนื้อขาและก้ามปูบน ส่วนนี้มีลักษณะเป็นสีส้ม และมีลายของเนื้อปู ราคาจะถูกกว่าส่วนอื่น ๆ นิยมนำไปปรุงในข้าวผัด หรือทำผัดกะเพรา
- ส่วนเนื้อก้ามล่าง หรือเนื้อก้ามหนีบ เป็นเนื้อก้ามที่แกะไว้ครึ่งท่อน โชว์ส่วนที่เป็นก้ามหนีบไว้ส่วนใหญ่มักนำไปเป็นวัตถุดิบในติ่มซำ
- เนื้อปูขาว เป็นบริเวณเนื้อหน้าอกส่วนบนของปู ลักษณะเนื้อเป็นสีขาว เป็นริ้ว ๆ เล็ก ๆ เนื้อส่วนนี้มักนำไปปรุงในขนมจีนน้ำยา หรือไข่เจียวปู กะเพราปู
- เนื้อนิ้วปู หรือเนื้อในขาปู เป็นเนื้อส่วนที่เป็นลิ่มเล็ก ๆ ให้รสสัมผัสไม่มากนัก แต่มีกลิ่นหอม เหมาะแก่การนำไปโรยหน้าบะหมี่ หรือปอเปี๊ยะสด เพื่อให้ดูน่ารับประทานมากขึ้น
- เนื้อปูก้อน หรือเนื้อก้อนกรรเชียง เป็นส่วนที่นิยมกินมากที่สุด เนื้อปูส่วนนี้มีลักษณะเป็นก้อนโต สีขาว เนื้อแน่น ในปู 1 ตัว จะมีเนื้อกรรเชียงเพียง 2 ชิ้น ซึ่งเป็นส่วนที่มีราคาแพงที่สุด
Do & Don’t วิธีการเลือกปู
Do
- เลือกเนื้อปูที่ยังเป็นก้อนสวย เนื้อไม่แตก
- กลิ่นปูควรเหมือนปูเพิ่งนึ่งสุกใหม่ๆ
- ปูต้องไม่มีกลิ่นแอมโมเนีย ฟอร์มาลีน หรือสารเคมี
- เลือกปูที่มีสีเขียวฟ้าเข้มสดใส (สำหรับตัวผู้) และสีน้ำตาล (สำหรับตัวเมีย) สังเกตที่ก้ามและนิ้วไม่หลุดหัก
- ลองกดที่กลางอกปู เนื้อปูควรแน่นไม่ยุบ
- ลองดีดที่กลางกระดองปู ควรมีเสียงแน่น ๆ แสดงว่ามีเนื้อ
Don’t
- อย่าเลือกปูที่มีน้ำในถุงเนื้อเป็นสีขาวขุ่น หรือดูเป็นเมือก แสดงถึงความไม่สดของปู
- ไม่ควรเลือกปูที่มีกลิ่นเหม็นฉุน
- เนื้อปูไม่ควรมีลักษณะยุ่ย ดูไม่เป็นก้อน
- ลองดีดกลางกระดองปู หากมีเสียงกลวง ๆ แสดงว่าเนื้อโพรก กินไม่อร่อย
“ปู” ขายแพง หรือไม่ติดป้ายราคา มีความผิด
ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบที่มีมูลค่า หรือเป็นเมนูอาหารที่มีราคาสูงแค่ไหน ตามหลักการขายสินค้าและบริการ จำเป็นต้องมีการติดป้ายราคาสินคากำกับเอาไว้เสมอ
กรณีเนื้อปู และไข่เจียวปู เมนูของร้านอาหารชื่อดัง ที่กลายเป็นประเด็นเรื่องราคาที่สูงกว่าที่ตั้งเอาไว้ ตามหลักกฎหมาย พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าเเละบริการ พ.ศ. 2542 ระบุไว้ว่า
- ผู้ผลิต ผู้จำหน่าย ผู้ซื้อเพื่อจำหน่าย หรือผู้นำเข้าเพื่อจำหน่ายสินค้าหรือบริการ หาก “ไม่แสดงราคาสินค้าหรือบริการ” จะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
- ห้ามผู้ประกอบธุรกิจ จงใจทำให้ราคาสินค้าหรือบริการ “ต่ำเกินสมควร” หรือ “สูงเกินสมควร” หรือทำให้เกิดความ “ปั่นป่วน” มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ หากพบเห็นการกระทำผิด จำหน่ายสินค้าราคาสูงเกิน หรือจำหน่ายในราคาไม่ตรงกับที่แจ้งไว้ สามารถร้องเรียนได้ที่ สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือร้องเรียนได้ที่ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบ และหากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
อาหารที่ดี คืออาหารที่มีคุณภาพ และถูกสุขอนามัย นอกจากนี้ คือความสมเหตุสมผลด้านราคา ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน…
อ้างอิง : พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542