ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

“เป๋าตัง” คัมแบ็ก การกลับมาของแอปโครงการคนละครึ่ง


Insight

อธิเจต มงคลโสฬศ

แชร์

“เป๋าตัง” คัมแบ็ก การกลับมาของแอปโครงการคนละครึ่ง

https://www.thaipbs.or.th/now/content/3229

“เป๋าตัง” คัมแบ็ก การกลับมาของแอปโครงการคนละครึ่ง

 

“คนละครึ่ง” นโยบายที่ชื่อคุ้นหูกลับมาอีกครั้งในชื่อ “คนละครึ่งพลัส” พาให้หลายคนกลับไปหาแอป “เป๋าตัง” ที่ครั้งหนึ่งได้รับความนิยมจากนโยบายเดียวกันมาก่อน

Thai PBS ชวนสำรวจแอป “เป๋าตัง” จุดเริ่มต้นในฐานะแอปรับสิทธิเยียวยาจากภาครัฐที่โด่งดังในยุคลุงตู่ สู่ช่องทางด้านการเงินออนไลน์ของประชาชนกับรัฐบาล ถึงทุกวันนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง ?

“เป๋าตัง” ซุปเปอร์แอปที่เกิดมาพร้อมโครงการรัฐ

แอป “เป๋าตัง” เปิดตัวมาด้วยวัตถุประสงค์เพื่อเป็นช่องทางจัดสวัสดิการของรัฐ โดยมีความตั้งใจจะรวมหลากหลายบริการเอาไว้ที่เดียว ทั้งเรื่องภาษี การสนับสนุนด้านนโยบายการเงิน สุขภาพ เบี้ยผู้สูงอายุ รวมถึงการขอคืนภาษี โดยหมุดหมายเริ่มต้นของแอป “เป๋าตัง” คือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชื่อว่า “ชิม ช้อป ใช้” ในปี 2562

นอกจากกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าวที่เศรษฐกิจไทยเกิดการชะลอตัวเนื่องจากสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา

และไม่นาน เพียงช่วงปี 2563 เวลาที่ “เป๋าตัง” กลายเป็นที่รู้จักก็มาถึง จากวิกฤตโควิด-19 สถานการณ์ฉุกเฉินที่ทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงักลง โครงการ “คนละครึ่ง” ครั้งแรกจึงเกิดขึ้นในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันโอชา และ “เป๋าตัง” ก็กลายเป็นช่องทางหลักของนโยบาย “คนละครึ่ง” ที่มีต่อเนื่องมาจาก 5 ระยะ หรือ 5 เฟส

สถานการณ์โรคระบาดส่งผลให้ประชาชนต่างต้องการมาตรการช่วยเหลือ ขณะที่มาตรการควบคุมมีการลดการสัมผัสเข้ามา เหล่านี้ส่งผลให้ “เป๋าตัง” กลายเป็นที่รู้จัก นอกจากรับสิทธิ์ช่วยเหลือแล้วยังใช้เพื่อจ่ายเงินออนไลน์ ยิ่งเมื่อนโยบายคนละครึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวมีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นกลุ่มพ่อค้าแม่ขาย หาบแร่แผงลอย จึงยิ่งเร่งให้การใช้เกิดพฤติกรรมการจ่ายเงินผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น จากที่ในช่วงเวลาดังกล่าวการจ่ายเงินด้วยช่องทางออนไลน์ยังไม่ได้เป็นที่นิยมมากนัก

“เป๋าตัง” ทุกวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง ?

แอปเป๋าตังยังคงเป็นช่องทางนโยบายรัฐ เนื่องจากแอปเป๋าตังเป็นแอปจากธนาคารกรุงไทย ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง นโยบายจากกระทรวงการคลังจึงมีช่องทางการรับสิทธิผ่าน “เป๋าตัง” ด้วยเสมอ

โดยที่ผ่านมามีโครงการที่น่าสนใจได้แก่ เราไม่ทิ้งกัน, เราเที่ยวด้วยกัน, เราชนะ, ม.33 เรารักกัน ขณะที่ในเวลาต่อมาก็มีการพัฒนามากขึ้น นอกจากโครงการช่วยเหลือในรูปแบบของเงินแล้วยังมีการรับสิทธิสุขภาพ เช่น สิทธิ์บัตรทอง เจ็บป่วยเล็กน้อย 32 อาการ โดยมีส่วนบริการ “กระเป๋าสุขภาพ” ที่มีฟังก์ชั่นประเมินอาการด้วยเอไอ และสามารถเลือกนัดเภสัชกรเพื่อปรึกษาและรับยาได้ รวมถึงสิทธิรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ชุดตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยตัวเองรวมถึงการคุมกำเนิด และอื่น ๆ อีกมากมาย หากเข้าเกณฑ์ก็สามารถจองสิทธิ์ผ่านแอป “เป๋าตัง” ได้เช่นกัน

แม้กระแสอาจดูลดลง แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหากเป็นผู้ใช้แอป “เป๋าตัง” ก็จะพบว่าตัวแอปมีการพัฒนาปรับโครงสร้างมากมาย มีลักษณะที่ผลักตัวเองให้เป็นซุปเปอร์แอปที่ทำให้หลายอย่างในตัวเอง ผ่านการเพิ่มฟังก์ชั่นหลากหลายเกี่ยวกับการเงิน โดยมีการต่อยอดมาจากจำนวนผู้ใช้งานที่มีมาก
ถึงตอนนี้ “เป๋าตัง” มีฟังก์ชั่นให้สามารถใช้งานลงทุนต่าง ๆ การออมเงิน สินเชื้อและประกัน ชำระภาษีรถประจำปี โดยมีไฮไลท์เด่นคือบริการฉลากกินแบ่งรัฐบาลหรือที่รู้จักกันในชื่อ “สลากดิจิทัล” ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

ในส่วนของจำนวนยอดผู้ใช้งานนั้น จำนวนผู้ใช้งานมีเพิ่มขึ้นจากช่วงโครงการคนละครึ่งในอดีตที่ทำให้มีผู้ใช้งานพุ่งมาถึง 29 ล้านคน ในปี 2565 มีข้อมูลผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นมากกว่า 40 ล้านคนแล้ว

“เป๋าตัง” ลงทะเบียนอย่างไร ? รับสิทธิ์ “คนละครึ่งพลัส” อย่างไร ?

ขั้นตอนการติดตั้งและลงทะเบียนแอป “เป๋าตัง” ทำได้ค่อนข้างง่ายมีขั้นตอนดังนี้

1. เปิดแอป APP Store หรือ Google Play หรือ Play Store ที่รองรับกับมือ
2. พิมพ์ค้นหา “เป๋าตัง” ในช่องค้นหา แล้วเลือก “ติดตั้ง” หรือ “GET” เพื่อทำการติดตั้งแอปลงมือถือ
3. เมื่อติดตั้งแอปเสร็จแล้ว ให้เปิดแอปเป๋าตัง
4. กดยินยอมการจัดการข้อมูลยืนยันตัวตน
5. ใส่ข้อมูลเลขบัตรประชาชน และกรอกเบอร์มือถือเพื่อรับรหัส OTP สำหรับใช้งานแอป
6. ใส่รหัส OTP 6 หลักที่ จากนั้นกรอกข้อมูลบัตรประชาชน
7. เลือกวิธียืนยันตัวตน มี 2 วิธีได้แก่ 1. ยืนยันผ่านแอป Krungthai NEXT หากมีการใช้งานแอป Krungthai NEXT อยู่แล้วจะสามารถยืนยันได้ทันทีด้วยรหัส OTP และการใช้รหัส PIN ของแอป 2. สแกนใบหน้า
8. เมื่อระบบทำการตรวจสอบข้อมูลผู้ใช้งานจะพบข้อความบนการ์ดว่า “กำลังตรวจสอบข้อมูล” เมื่อเสร็จสิ้นการ์ดข้อความดังกล่าวจะหายไป แสดงเป็นการ์ดรูปฟังก์ชั่นการใช้งานปกติ การลงทะเบียนใช้งานแอป “เป๋าตัง” ก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์

ส่วนการรับสิทธิ์คนละครึ่งพลัสนั้น วิธีลงทะเบียนคนละครึ่งพลัสจะแบ่งวิธีการดำเนินการออกเป็น 2 กลุ่ม 

1. ผู้เคยร่วมโครงการคนละครึ่ง (รายเก่า)  ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ เพียงแค่ กดยืนยันตัวตนและกดรับสิทธิ์ ผ่านแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง"
2. ผู้ไม่เคยเข้าร่วมโครงการ (รายใหม่) จะต้องดำเนินการ ลงทะเบียนใหม่ทั้งหมด ผ่านช่องทางหลักคือ แอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" และ เว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com (รออัปเดตระบบเว็บ เพื่อเปิดการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น)

การกลับมาครั้งนี้ของ “คนละครึ่งพลัส” มีเงื่อนไขแบ่งกลุ่มให้รับสิทธิเป็น 3 กลุ่มได้แก่
กลุ่มผู้มีรายได้ที่อยู่ในระบบภาษี จะได้เงินคนละ 2,400 บาท สามารถใช้จ่ายได้ไม่เกิน 200 บาทต่อวัน โดยรัฐช่วยจ่าย 60 % และประชาชนจ่าย 40 %

ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษี จำนวนประมาณ 11 ล้านคน ได้เงินคนละ 2,000 บาท สามารถใช้จ่ายได้ไม่เกิน 200 บาทต่อวัน โดยรัฐช่วยจ่าย 50 % และประชาชนจ่าย 50 %

กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) จำนวนประมาณ 13 ล้านคน จะได้รับเป็นเงินสดโอนเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพิ่มอีก 1700 บาท แบ่งจ่าย 2 งวด รวมกับของเดิม 300 บาท จะได้เดือนละ 1,150 บาท เริ่มตั้งแต่ พ.ย. - ธ.ค. และสามารถกดเงินสดได้ทันทีไม่ต้องร่วมจ่ายคนละครึ่ง

ไทม์ไลน์ขั้นตอนโครงการคนละครึ่งพลัส ผู้สนใจเตรียมตัวเข้าร่วมโครงการได้ตามกำหนดเวลาดังนี้
15 ตุลาคม 2568 ลงทะเบียนสำหรับร้านค้า ประกอบด้วย 1. ร้านอาหาร-เครื่องดื่มทั่วไป 2. ผู้ประกอบการบริการ นวดสปา ทำผม ทำเล็บ 3. บริการขนส่งสาธารณะ อาทิ แท็กซี่ รถรับจ้าง ที่มีใบขับขี่รถสาธารณะ ผู้ประกอบการบริการขนส่งมวลชนสาธารณะ โดยร้านที่อยู่ในระบบเดิมอยู่แล้วสามารถใช้ได้เลย ส่วนที่เข้าร่วมใหม่สามารถลงทะเบียนผ่านแอป “ถุงเงิน” หรือเว็บไซต์  www.คนละครึ่ง.com หรือไปที่ธนาคารกรุงไทยสาขาใกล้บ้าน
20 – 26 ตุลาคม 2568 ลงทะเบียนสำหรับประชาชนทั่วไป ลงทะเบียนรับสิทธิผ่านแอพ “เป๋าตัง” สำหรับผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนจะได้รับผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
29 ตุลาคม 2568 เริ่มใช้สิทธิ “คนละครึ่งพลัส” ตามสิทธิ์ที่ตัวเองได้รับ

อ้างอิง

  • กระทรวงการคลัง
     

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เป๋าตังคนละครึ่งคนละครึ่ง 2568
อธิเจต มงคลโสฬศ

ผู้เขียน: อธิเจต มงคลโสฬศ

เจ้าหน้าที่เนื้อหาดิจิทัล ไทยพีบีเอส สนใจเนื้อหาด้านสุขภาพจิต สาธารณสุข และความยั่งยืน รวมถึงประเด็นทันกระแสที่มีแง่มุมน่าสนใจซ่อนอยู่

บทความ NOW แนะนำ

ข่าวล่าสุด