เริ่มขึ้นแล้วกับการยืนยันตัวตนสำหรับโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ที่มีกระแสตอบรับเป็นอย่างดี
ทว่าย้อนไปหลายปีก่อนในช่วงเริ่มต้นโครงการ “คนละครึ่ง” ขั้นตอนการยืนยันตัวตนดูจะเป็นขั้นตอนที่ผู้คนประสบปัญหามากที่สุด
Thai PBS รวบรวมเทคนิควิธีการเพื่อให้การยืนยันตัวเองสำหรับรับสิทธิ์ “คนละครึ่งพลัส” นี้เป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ตัวแอป “เป๋าตัง” เมื่อติดตั้งแล้วจะมีส่วนที่ให้ผู้ใช้งานยืนยันตัวตน ซึ่งมีขั้นตอนที่สามารถทำได้หลายวิธีร่วมกัน มีอะไรบ้างไปดูกัน
ยืนยันตัวตน “คนละครึ่งพลัส” ด้วยบัตรประชาชนและการสแกนหน้าด้วยตัวเอง
เมื่อติดตั้งแอป “เป๋าตัง” จะมีขั้นตอนให้ยืนยันที่ทำได้ด้วยตัวเองพร้อมเอกสารดังนี้
1. ถ่ายรูปหน้าบัตรประชาชน ต้องถ่ายรูปจากในแอปโดยให้ตราครุฑอยู่ในวงกลมมุมบนซ้ายของบัตรตรงกับในกล้อง และรูปบัตรหน้าประชาชนที่มุมขวาล่างตรงกับกรอบสี่เหลี่ยมในกล้องเช่นกัน แนะนำให้ถ่ายรูปในบริเวณที่มีแสงสว่างเพียงพอ ควรเป็นแสงธรรมชาติซึ่งจะช่วยให้ภาพออกมามีคุณภาพมากขึ้น ระมัดระวังแสงสะท้อนที่ทำให้ข้อมูลบนบัตรหายไป
2. ตรวจสอบเลขบัตรประชาชน เมื่อถ่ายรูปบัตรประชาชนแล้วจะเข้าสู่ขั้นตอนสมัครใช้งานแอป “เป๋าตัง” ให้ตรวจสอบเลขบัตรประชาชนให้ดี ตรงกับเลขบัตรที่ถ่ายไว้ พร้อมกรอกเบอร์มือถือที่ใช้งานแอป
3. ตรวจสอบข้อมูลบัตรประชาชน กรอกหรือตรวจสอบข้อมูลบัตรประชาชนให้ถูกต้อง ทั้งชื่อ – นามสกุลและที่อยู่ให้ครบถ้วน จากนั้นจะเข้าสู่การยืนยันตัวตนซึ่งโดยปกติแล้วจะให้ยืนยันได้ 2 วิธี ได้แก่ ยืนยันตัวตนผ่านแอปฯ Krungthai NEXT สำหรับผู้ที่ใช้งานแอปของธนาคารกรุงไทยอยู่แล้ว และยืนยันตัวตนผ่านการสแกนใบหน้า
4. ยืนยันตัวตนด้วยแอปฯ Krungthai NEXT เมื่อเลือกยืนยันตัวตนผ่านแอปฯ Krungthai NEXT มือถือจะเด่งเข้ารูปแอปฯ Krungthai NEXT เพียงใส่รหัส PIN หน้าจอจะแสดงข้อความยืนยันตัวตนสำเร็จ แล้วกดปุ่มดำเนินต่อบนแอป “เป๋าตัง” จากนั้นจะมีรหัส OTP ส่งมาให้กรอกในแอป “เป๋าตัง” จากนั้นจะเข้าสู่การตั้งค่ารหัส PIN เป็นอันสิ้นสุดขั้นตอนการลงทะเบียนยืนยันตัวตน
5. ยืนยันตัวตนผ่านการสแกนหน้า เมื่อเลือกยืนยันตัวตนด้วยการสแกนใบหน้า เตรียมสแกนหน้าให้พร้อม อยู่ในบริเวณที่แสงสว่างเพียงพอ ไม่จ้าเกินไป ให้เห็นรายละเอียดของใบหน้าที่ชัดเจน การสแกนต้องให้เห็นตา จมูก ปากชัดเจน จากนั้นเมื่อกดปุ่มสแกนใบหน้าแล้วให้ปฏิบัติตามคำแนะนำที่ปรากฏบนจอ โดยการสแกนจะต้องให้ใบหน้าอยู่ภายในรูปวงกลม จับให้อยู่ในระยะห่างที่พอดี และกระพริบตาเมื่อมีข้อความแจ้ง จากนั้นจะเข้าสู่การตั้งค่ารหัส PIN เป็นอันสิ้นสุดขั้นตอนการลงทะเบียนยืนยันตัวตน
6. สแกนใบหน้าไม่ผ่าน หรือยืนยันตัวตนไม่ได้ต้องทำอย่างไร ? การสแกนใบหน้าไม่ผ่านรวมถึงบางกรณีแอป “เป๋าตัง” ไม่มีตัวเลือกสแกนใบหน้ายืนยันตัวตน ผู้ใช้งานจำเป็นจะต้องติดต่อสาขาของธนาคารกรุงไทยเพื่อทำการยืนยันตัวตน
ยืนยันตัวตน “คนละครึ่งพลัส” ที่ธนาคารกรุงไทย หากเกิดกรณีไม่สามารถยืนยันตัวตนได้
การยืนยันตัวตนไม่สำเร็จสามารถเกิดขึ้นได้หลายกรณี เช่น การสแกนใบหน้าไม่ผ่าน การเปลี่ยนเบอร์มือถือสำหรับยืนยันตัวตน รวมถึงกรณีลืมรหัสผ่านเข้าแอปฯ ไม่ได้ เกิดเหตุขัดข้อง ผู้ใช้งานสามารถติดต่อที่สาขาของธนาคารกรุงไทนเพื่อยืนยันตัวตนที่ธนาคารได้ โดยต้องพกบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงไปด้วย ทั้งนี้ ควรดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 20 ต.ค. 2568 เพื่อให้ทันกับการรับสิทธิ์คนละครึ่งพลัสอีกด้วย
ยืนยันตัวตน “คนละครึ่งพลัส” 2 บัญชีใช้งานกับมือถือ 1 เครื่องทำได้หรือไม่ ? 1 บัญชีใช้งานมือถือ 2 เครื่องทำได้หรือเปล่า ?
การใช้งาน “คนละครึ่งพลัส” ผ่านแอป “เป๋าตัง” นั้น มีรายละเอียดการใช้งานคล้ายแอปการเงินอื่น ๆ มีข้อจำกัดบางประการในแง่ของการยืนยันตัวตน การใช้งานบัญชีกับมือถือจึงมีข้อจำกัดดังนี้
เป๋าตัง 2 บัญชี ใช้งานมือถือ 1 เครื่องไม่สามารถใช้งานได้จริง จนถึงตอนนี้ (วันที่ 16 ต.ค.) การใช้งานแอป “เป๋าตัว” ในลักษณะของการเพิ่มบัญชีผู้ใช้มากกว่า 1 คน ยังไม่สามารถใช้งานได้ หากต้องการใช้บัญชีอื่น ๆ ในมือถือเครื่องเดียว ต้องลบแอป “เป๋าตัง” ทิ้ง แล้วโหลดใหม่ โดยแอปจะให้ลงทะเบียนใช้งานอีกครั้ง และต้องดำเนินการยืนยันตัวตนใหม่ทั้งหมด จึงจะสามารถเปลี่ยนบัญชีผู้ใช้งานได้ ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วยังไม่สามารถใช้งานได้จริง นอกจากนี้ เมื่อทำการลงทะเบียนในมือถือเครื่องเดิมพร้อมใช้เบอร์เดิม แต่เปลี่ยนบัญชีผู้ใช้งาน ระบบมีการแจ้งว่ามีการใช้เบอร์ยืนยันไปแล้ว ต้องทำใหม่ในเวลาต่อมา หรือต้องไปยืนยันตัวตนที่สาขาธนาคารกรุงไทย
เป๋าตัง 1 บัญชี ใช้งานมือถือ 2 เครื่อง ไม่สามารถใช้งานได้ เบื้องต้นแอป “เป๋าตัง” สามารถใช้งานบัญชีได้เพียงเครื่องเดียวเท่านั้น ไม่สามารถใช้พร้อมกันได้ 2 เครื่องหรือมากกว่านั้นได้ เพราะทุกครั้งที่มีการเข้าใช้งานสลับเครื่องจะมีการบังคับให้ยืนยันตัวตนด้วยการสแกงใบหน้าเสมอ
การใช้งานแอป “เป๋าตัง” โดยเฉพาะสำหรับมือถือนั้นยังสามารถใช้ได้แอปเป๋าตัง 1 บัญชีต่อมือถือ 1 เครื่องเท่านั้น โดยจะไปเพื่อความปลอดภัยสำหรับการใช้งานคล้ายแอปฯ ด้านการเงินการทำธุรกรรมอื่น ๆ นั่นเอง
อ้างอิงข้อมูล
- กระทรวงการคลัง