Coronary Angioplasty หรือมีชื่อเต็มทางการแพทย์ว่า “Percutaneous Coronary Intervention” หรือ “PCI” รู้จักกันในภาษาทั่วไปว่า “การทำบอลลูนหัวใจ” เป็นหัตถการทางการแพทย์ในการขยายหลอดเลือดซึ่งหล่อเลี้ยงหัวใจ ซึ่งมักใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะเส้นเลือดหัวใจตีบตัน เพื่อป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวายเฉียบพลันได้ (Myocardial Infarction)

คำว่าผู้ป่วยโรคหัวใจในการแพทย์ไทยมักจะหมายถึงผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจขาดเลือดเรื้อรัง (Chronic Ischemic Heart Diseases) ซึ่งเกิดจากการอุดตันของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ เช่น Coronary Arteries เรียกว่าภาวะเส้นเลือดหัวใจอุดตัน (Coronary Artery Disease หรือ CAD)
จุดเริ่มต้นของภาวะเส้นเลือดหัวใจอุดตันมักเกิดจากปรากฏการณ์ Atherosclerosis ของเยื่อบุผนังหลอดเลือดชั้นในสุดเกิดการระคายเคืองหรือบาดเจ็บจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น ความดันโลหิตสูง การสูบบุหรี่ ระดับไขมันในเลือดสูง เบาหวาน หรือการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย
เมื่อผนังหลอดเลือดเริ่มเสียหาย ร่างกายจะไม่สามารถป้องกันไขมันในเลือด โดยเฉพาะคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL หรือ Low-Density Lipoprotein) ไม่ให้ซึมเข้าไปในผนังหลอดเลือดได้อีกต่อไป ไขมันเหล่านี้จะเริ่มเกาะติดผนังหลอดเลือด และถูกเปลี่ยนสภาพให้เหมือนเป็นสิ่งแปลกปลอมที่ร่างกายต้องกำจัด
ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจึงส่งเม็ดเลือดขาวมาช่วยกินไขมันที่เกาะอยู่นั้น แต่เมื่อมันกินมากเกินไป เซลล์เหล่านี้จะบวมจนเต็มไปด้วยไขมัน กลายเป็น Foam Cell ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของคราบไขมันเล็ก ๆ ที่เรียกว่า Fatty Streak หรือคราบเหลือง ๆ ที่เกาะตามผนังหลอดเลือด
เมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายจะพยายามซ่อมแซมบริเวณนั้นโดยสร้างพังผืดมาหุ้มไว้ คล้ายการปะรอยแผล ทำให้เกิดเป็นก้อนแข็งที่เรียกว่า Plaque หรือ คราบไขมันแข็งภายในผนังหลอดเลือด ก้อนนี้จะค่อย ๆ โตขึ้นจนเบียดพื้นที่ภายในหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลผ่านได้น้อยลง

เมื่อคราบไขมันเหล่านี้สะสมมากขึ้น พื้นที่ในเส้นเลือดจึงเข้าสู่ตีบตัน (Stenosis) กระทั่งถึงจุดจุดหนึ่ง เลือดจะไม่สามารถไปเลี้ยงหัวใจได้เพียงพอ จึงเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเรื้อรังได้ เกิดอาการเจ็บหน้าอกเป็นครั้งคราว เหนื่อยง่าย และจะค่อย ๆ ทวีความรุนแรงและความถี่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามปริมาณการอุดตันของเส้นเลือด และท้ายที่สุดแล้วอาจนำไปสู่การอุดตันโดยสมบูรณ์ และเกิดภาวะหัวใจวายตามมา
นอกจากอันตรายจากการสะสมของคราบไขมันแล้ว อีกภาวะที่อันตรายคือ หากคราบไขมันนี้แตกออก ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้เมื่อหัวใจทำงานหนักขึ้น เช่น ระหว่างการออกกำลังกาย ผนังหลอดเลือดที่อยู่ข้างใต้จะสัมผัสกับกระแสเลือดโดยตรง ส่งผลให้เลือดเริ่มกระบวนการแข็งตัวของเลือด กลายเป็น “ลิ่มเลือด” (Thrombus) ที่อุดตันทางเดินของเลือดอย่างเฉียบพลัน ทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ ผลที่ตามมาคือกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน จะเห็นได้ว่าตอนจบของโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตันทั้งสอบแบบนั้นเป็นแบบเดียวกันคือหัวใจวายจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด

การทำหัตถการขยายหลอดเลือดหัวใจ หรือที่เรียกว่า Percutaneous Coronary Intervention (PCI) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยชีวิตผู้ป่วยโรคหัวใจจำนวนมากทั่วโลกในปัจจุบัน ถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าและฟื้นตัวเร็วกว่าการผ่าตัดเปิดหัวใจแบบเดิม (Open Heart Surgery)
การทำ PCI ไม่ต้องผ่าตัดเปิดหน้าอก แต่แพทย์จะใช้สายสวน (Catheter) ซึ่งเป็นท่อยาวและบางมาก สอดเข้าไปในเส้นเลือดบริเวณขาหนีบหรือข้อมือ แล้วค่อย ๆ นำไปยังเส้นเลือดหัวใจที่ตีบหรืออุดตัน โดยผู้ป่วยไม่ต้องดมยาสลบ แต่อาจได้รับยานอนหลับอ่อน ๆ เพื่อช่วยให้ผ่อนคลายตลอดการทำหัตถการ โดยแพทย์จะใช้รังสีเอกซ์ (Fluoroscopy) ร่วมกับสารทึบแสง (Radiopaque dye) ฉีดเข้าไปผ่านสายสวนเพื่อหาบริเวณที่เกิดการอุดตันของเส้นเลือดขึ้น
เมื่อพบตำแหน่งที่มีการอุดตัน แพทย์จะสอดอุปกรณ์ที่ประกอบด้วยบอลลูนและสเตนต์ (Stent) ผ่านสายสวน บอลลูนจะขยายตัวออกเพื่อดันให้หลอดเลือดที่ตีบเปิดกว้างขึ้น และในขณะเดียวกัน สเตนต์ซึ่งเป็นตาข่ายโลหะขนาดเล็กก็จะกางออกและยึดติดกับผนังหลอดเลือดเพื่อพยุงไม่ให้ตีบซ้ำอีกในอนาคต จากนั้นบอลลูนจะถูกปล่อยลมออกและดึงกลับออก เหลือเพียงสเตนต์ที่คงอยู่ในหลอดเลือดหัวใจอย่างถาวร

PCI สามารถทำได้ทั้งผู้ป่วยที่มีภาวะเส้นเลือดหัวใจตีบตัน แต่ยังไม่ถึงขั้นหัวใจวาย รวมถึงผู้ป่วยที่หลอดเลือดหัวใจตีบตันเฉียบพลัน
แนวทางการรักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันแบบ STEMI (ST-elevation Myocardial Infarction) ในประเทศไทยนั้น แนะนำให้ทำ PCI ภายใน 12 ชั่วโมง นับแต่มีอาการ และควรทำ PCI ทันทีภายใน 120 นาที หลังได้รับการวินิจฉัย (Primary PCI) หากไม่สามารถทำ PCI ภายใน 120 นาที ได้ ควรให้ยาละลายลิ่มเลือด (Thrombolytic) เช่น Streptokinase ก่อน แล้วจึงพิจารณาทำ PCI ตามแพทย์เห็นสมควร หากยังมีการอุดตันของเส้นเลือดหัวใจอยู่ (Failed Reperfusion)
เรียบเรียงโดย
โชติทิวัตถ์ จิตต์ประสงค์
ภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์และการบาดเจ็บ
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย The Chinese University of Hong Kong
อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech




















