ลมหนาวชวนให้หลายคนออกมาเที่ยวใช้ชีวิตกลางแจ้ง แต่ฝุ่น PM 2.5 ก็กำลังตามมาเช่นกัน การออกจากบ้านจึงอาจต้องระมัดระวังมากขึ้น
Thai PBS สรุปรวมอาการที่ต้องใส่ใจ มีอาการเริ่มต้นอะไรบ้าง ? อาการต่อเนื่องอันตรายที่ต้องระมัดระวัง ? เมื่อค่าฝุ่น PM 2.5 เริ่มเกินเกณฑ์ในหลายพื้นที่ การเตรียมตัวรับมือคือสิ่งสำคัญ
1. อาการแพ้ฝุ่น PM 2.5
ถือเป็นอาการเบื้องต้นของผลกระทบด้านสุขภาพจากฝุ่น PM 2.5 โดยอาการแพ้ฝุ่น PM 2.5 มีลักษณะคล้ายอาการแพ้ฝุ่นตามปกติ อาการหลัก ๆ ในระดับทั่วไปมีดังนี้
- ตา มีอาการแสบเคือง คันบริเวณดวงตา
- ผิวหนัง ฝุ่นจะทำให้เกิดอาหารคันผิวหนัง มีผื่นขึ้น ลมพิษ
- ทางเดินหายใจ ฝุ่นที่สะสมจะทำให้เกิดน้ำมูก แสบคอ และมีเสมหะ
อย่างไรก็ตาม อาการแพ้มีหลายระดับ หากพบว่ามีอาการแพ้ฝุ่น PM 2.5 ที่รุนแรงควรพบแพทย์ทันที เนื่องจากถือเป็นอาการที่มีความอันตราย ลักษณะอาการที่สังเกตได้ดังนี้
- แสบตา ระคายเคืองตาเป็นอย่างมาก
- มีน้ำมูกเกิน 1 สัปดาห์
- ไอ หรือ จามเรื้อรังมานานกว่า 2 สัปดาห์
- หายใจไม่สะดวก ติดขัด
2. อาการแพ้ฝุ่น PM 2.5 รุนแรง ในกลุ่มคนเป็นโรคภูมิแพ้
ในกลุ่มคนที่เป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว อาการแพ้ฝุ่น PM 2.5 สามารถกระตุ้นให้เกิดโรคภูมิแพ้ที่รุนแรงกว่าคนปกติได้ มีข้อควรระวังในส่วนของระบบทางเดินหายใจ และโรคที่เกี่ยวกับผิวหนัง
อาการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ อาการโพรงจมูลอักเสบ เยื่อยุตาอักเสบ โรคหลอดลม และโรคหอบหืด
อาการที่เกี่ยวกับผิวหนัง ได้แก่ ผื่นคันตามตัว แสบระคายเคือง ลมพิษ อาการที่เกี่ยวกับเยื้อบุตา
3. อาการของโรคถุงลมโป่งพองจากฝุ่น PM 2.5
โรคถุงลมโป่งพองหลายคนเข้าใจว่าเกิดจากการสูบบุหรี่ทั้งหมด แต่ความจริงแล้ว แม้ไม่สูบบุหรี่ก็อาจเป็นโรคนี้ได้ เนื่องจากสาเหตุของเกิดได้จากหลายปัจจัย รวมถึงฝุ่น PM 2.5 ด้วย ทั้งนี้ โรคถุงลมโป่งพองมีหลายระดับด้วยกัน หากคุณสังเกตพบอาการเหล่านี้สามารถเข้ารับการตรวจเพื่อรักษาก่อนอาการรุนแรงขึ้นได้
- เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก รู้สึกเหนื่อยแม้ทำกิจกรรมเบา ๆ เช่น เดินขึ้นบันได ทำงานบ้าน อาการจะสังเกตได้ง่ายเมื่อโรคดำเนินถึงระยะที่รุนแรงขึ้น
- ไอเรื้อรัง มีเสมหะ มักพบได้มากในช่วงเช้าเนื่องจากการระคายเคืองที่เกิดบริเวณหลอดลมซึ่งมีการสะสมของสารพิษจากการหายใจ ซึ่งสัญญาณของการอักเสบเรื้อรัง
- แน่นหน้าอก อึดอัดหรือเจ็บแน่นเวลาหายใจเข้าลึก ๆ หรือรู้สึกเหมือนมีแรงกดทับบริเวณหน้าอก
- น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว เนื่องจากร่างกายต้องใช้พลังงานมากกว่าปกติในการหายใจ ซึ่งเป็นสัญญาณเริ่มที่มาจากการทำงานของปอด
- หายใจมีเสียงวี๊ด ได้ยินเสียงวี๊ดในลำคอหรือหน้าอกขณะหายใจ ซึ่งเกิดจากการตีบแคบของทางเดินหายใจ
4. อาการของโรคผิวหนังจากฝุ่น PM 2.5
ผิวหนังคืออวัยวะที่ปกคลุมร่างกายถือเป็นปราการด้านแรกในการป้องกันอันตรายจากแบคทีเรียต่าง ๆ ทั้งยังมีหน้าที่ควบคุมการสูญเสียน้ำ ควบคุมอุณหภูมิ รับความรู้สึก และแน่นอนว่าต้องรับมือกับฝุ่น PM 2.5 ด้วย ซึ่งส่งผลทางสุขภาพทั้งระยะสั้นและระยะยาว
อาการที่ต้องระมัดระวัง มีผลต่อสุขภาพในระยะสั้นได้แก่ โรคภูมิแพ้ผิวหนัง อาการผื่นผิวอักเสบ สะเก็ดเงิน สิว เกิดจากการที่ละอองฝุ่นทำให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบทำให้เกิดผื่นคันได้ง่าย
อาการที่ต้องระมัดระวัง ส่งผลต่อสุขภาพระยะยาว ผิวหนังเสื่อมชราเร็วขึ้น รวมถึงมีจุดด่านดำบนผิวหนัง เกิดริ้วรอยร่องแก้มได้มากขึ้น มีสาเหตุจากที่ฝุ่น PM 2.5 ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระซึ่งส่งผลร้ายต่อเซลล์ผิวหนัง ทั้งกระบวนการสร้างเซลล์ และส่งผลต่อภาวะความชราของผิวหนังได้
ทั้งนี้ ผู้ที่มีภูมิต้านทานที่ผิวหนังน้อย จำเป็นจะต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้นได้แก่ กลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคผิวหนังเรื้อรัง เช่น ภูมิแพ้ตัวเอง ลมพิษ สะเก็ดเงิน สามารถป้องกันก่อนเกิดอาการเหล่านี้ได้ด้วยการลดการไปยังบริเวณที่มีฝุ่นหนาแน่น หรือสวมเสื้อผ้าที่ปกคลุกร่างกาย ทาโลชั่นหรือครีม ทำความสะอาดผิวเพื่อลดการสัมผัสฝุ่น PM 2.5 โดยตรงได้

5. อาการต้องระวังของโรคหัวใจและหลอดเลือดจากฝุ่น PM 2.5
มลพิษทางอากาศหรือฝุ่นในอากาศนับเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้ทำให้เกิดโรคหัวใจได้ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด กระตุ้นการอับเสบในหลอดเลือด เพิ่มความเสี่ยงหัวใจขาดเลือด ทำให้การไหลเวียนของเลือดผิดปกติ นำไปสู่อาการหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หัวใจเต้นผิดจังหวะ ถือเป็นโรคร้ายแรงที่ส่งผลถึงชีวิตได้
อาการที่ต้องระวังของโรคที่เกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด เป็นสัญญาณเตือนที่ต้องใส่ใจมีดังนี้
- เจ็บหน้าอกโดยไม่ทราบสาเหตุ ลักษณะเจ็บแน่นคล้ายถูกรีบรัดหรือกดทับ
- เหนื่อยง่ายหรือหายใจลำบาก เหงื่อออก จะเป็นลม หน้าซีด
- ใจสั่นหรือหัวใจเต้นผิดปกติ หอบเหนื่อย คลื่นไส้
อาการเหล่านี้อาจคล้ายกับโรคอื่น ๆ อย่างโรคกรดไหลย้อนหรือกระดูกซี่โครงอักเสบ จึงไม่ควรละเลย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง มีภาวะโรคอ้วน มีพฤติกรรมสูบบุหรี่จัด หรือไขมันในเส้นเลือดสูงกว่าปกติ ควรเร่งพบแพทย์โดยเร็ว สามารถป้องกันได้ด้วยการสวมหน้ากาก หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งช่วงฝุ่น PM 2.5 หนาแน่น
6. อาการตาแดง เคืองตาจากฝุ่น PM 2.5
ฝุ่น PM 2.5 การรับมือโดยปกติมักจะเป็นการสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการสูบดมเข้าไป แต่ฝุ่น PM 2.5 ก็มีผลต่อดวงตาได้ด้วย ทำให้แม้สวมหน้ากากก็ไม่สามารถป้องกันผลกระทบของฝุ่น PM 2.5 ต่อดวงตาได้ อาการที่ควรระวังเกี่ยวกับดวงตาได้แก่ อาการระคายเคืองตา ตาแดง ตาแห้ง ภูมิแพ้ขึ้นตา และเปลือกตาบวม เยื่อบุตาอักเสบ
ทั้งนี้ อาการเกี่ยวกับดวงตามีหลายปัจจัยร่วม โดยเฉพาะวัยทำงานที่ต้องใช้ดวงตามากเป็นพิเศษ ความเสี่ยงของอาการที่เกี่ยวกับดวงตาจึงเกิดได้มากเป็นพิเศษ เป็นภัยเงียบที่ควรระวัง หากเกิดอาการเกี่ยวกับดวงตา ล้างตาเมื่อเกิดการคะคายเคือง หยอดน้ำตาเทียมช่วยลดอาการ และสามารถเข้ารับการปรึกษากับจักษุแพทย์ในตรวจดวงตาได้
7. อาการเกี่ยวกับปอดจากฝุ่น PM 2.5
ฝุ่น PM 2.5 มีผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจโดยตรง หากได้รับเข้าสู่ร่างกายเป็นเวลานาน ทำให้เกิดโรคที่เกี่ยวกับระบบเดินทางหายใจ เช่น หลอดลมอักเสบเรื้อรัง โรคหืด และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังได้ อาการที่ควรเฝ้าระวังได้แก่ ไอเรื้อรัง หายใจติดขัดหรือเหนื่อยง่ายผิดปกติ เจ็บแน่นที่หน้าอก หายใจมีเสียงหวีด มีเสมหะมากผิดปกติ หรือเสมหะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือเขียว
หากมีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านโรคปอดและระบบทางเดินหายใจ สามารถป้องกันได้ด้วยการสวมหน้ากาก N95 งดสูบบุหรี่หรือหลีกเลี่ยงการสูดควัน งดกิจกรรมกลางแจ้งในพื้นที่ฝุ่นเกินเกณฑ์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของปอด
ฝุ่น PM2.5 ยังส่งผลกระทบทางสุขภาพเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคอีกมากมาย ทั้งโรคในระบบทางเดินหายใจ มะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ ตั้งแต่มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม จนถึงมะเร็งเพาะปัสสาวะ ยังมีความเสี่ยงโรคอื่น ๆ ทั้งโรคหลอดเลือดสมอง หัวใจเต้นผิดจังหวะ ทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้ ทุกคนจึงควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เฝ้าระวังฝุ่น PM 2.5 ติดตามสถานการณ์ฝุ่น สวมหน้ากากป้องกันพร้อมหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งกันด้วย
อ้างอิง
- กรมควบคุมโรค
- คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
- sciencedaily.com



















