ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

Parker Solar Probe พบ “มวลสารโคโรนา” วกกลับเข้าดวงอาทิตย์


แชร์

Parker Solar Probe พบ “มวลสารโคโรนา” วกกลับเข้าดวงอาทิตย์

https://www.thaipbs.or.th/now/content/3506

Parker Solar Probe พบ “มวลสารโคโรนา” วกกลับเข้าดวงอาทิตย์

ยาน Parker Solar Probe ของ NASA ได้เข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดที่เคยทำมาด้วยระยะห่างจากพื้นผิวแค่หกล้านกิโลเมตรเมื่อเดือนธันวาคมปี 2024 เผยกลไกสนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์ที่ไม่เคยพบมาก่อน นั่นคือ มวลสารโคโรนาไหลย้อนกลับคืนสู่ดวงอาทิตย์หลังระเบิด ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับความแม่นยำของการพยากรณ์พายุสุริยะเพื่อความปลอดภัยของทุกสรรพสิ่งในอนาคต

ภาพถ่ายจากยาน Parker Solar Probe ที่ถ่ายเมื่อเดือนธันวาคมปี 2024 ขณะที่ยานเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดของการปฏิบัติภารกิจ ได้เผยว่า สสารแม่เหล็กในมวลสารโคโรนา (Coronal Mass Ejection) เมื่อปลดปล่อยจากพื้นผิวของดวงอาทิตย์แล้ว ไม่ได้หลุดออกไปสู่อวกาศลึกไปทั้งหมด แต่บางส่วนกลับไหลย้อนกลับคืนสู่ดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนรูปร่างของชั้นบรรยากาศดวงอาทิตย์ในลักษณะที่ละเอียดอ่อนแต่ส่งผลต่อตำแหน่งและการระเบิดมวลสารโคโรนาในครั้งถัดไปได้

ภาพถ่ายจากกล้องของยาน Parker Solar Probe ที่มวลสารโคโรนากำลังไหลย้อนกลับเข้าสู่พื้นผิวของดวงอาทิตย์ ภาพจาก NASA

กล้อง WISPR (Wide-Field Imager for Solar Probe) ภายในตัวยานสังเกตเห็นถึงร่องรอยการระเบิดมวลสารโคโรนาที่เพิ่งเกิดขึ้นไปได้ไม่นาน และในร่องรอยของการระเบิดนั้น พบกลุ่มสสารดวงอาทิตย์ที่มีลักษณะเรียวยาวกำลังวกตัวตกลงกลับสู่ดวงอาทิตย์

ปรากฏการณ์ที่พบนั้นเรียกว่า Inflows (กระแสไหลเข้า) ซึ่งเคยมีการสังเกตเห็นจากระยะไกลโดยภารกิจอื่น ๆ เช่น ยาน SOHO หรือยาน STEREO มาก่อน แต่ภาพระยะใกล้พิเศษจากภายในชั้นบรรยากาศดวงอาทิตย์ของยาน Parker เผยถึงรายละเอียดและขนาดของสสารที่ไหลกลับในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

ภาพความละเอียดสูงช่วยให้นักวิทยาศาสตร์วัดความเร็วและขนาดของกลุ่มสสารที่ถูกดึงกลับได้อย่างแม่นยำผ่านกระบวนการรีไซเคิลสนามแม่เหล็ก (Magnetic Recycling) นักวิทยาศาสตร์พบว่าหลังการเกิด CME เส้นแรงสนามแม่เหล็กที่ขาดออกจะเชื่อมต่อกันใหม่ (Magnetic Reconnection) ทำให้เกิดสภาวะห่วงแม่เหล็ก (Magnetic Loops) ที่ทำหน้าที่ลากจูงสสารดวงอาทิตย์ไหลย้อนกลับเข้าสู่ศูนย์กลางของสนามแม่เหล็ก

ภาพวาดของยาน Parker Solar Probe ที่กำลังฝ่าเข้าไปแตะพื้นผิวของดวงอาทิตย์ ซึ่งเปิดให้เกิดการค้นพบมากมายอย่างการค้นพบในครั้งนี้ ภาพจาก NASA

กระบวนการรีไซเคิลสนามแม่เหล็กที่กล่าวมานี้จะส่งผลกระทบต่อพลวัตเหนือพื้นผิวของดวงอาทิตย์ อันส่งผลสืบเนื่องต่อตำแหน่งที่จะเกิดการเชื่อมต่อกันใหม่ของสนามแม่เหล็ก และเป็นจุดบ่งบอกว่าจะเกิดการระเบิดครั้งต่อไปที่ไหน ซึ่งอาจจะเป็นด้านหน้าหรือด้านตรงข้ามของดวงอาทิตย์ได้

การทราบตำแหน่งการระเบิดของมวลสารโคโรนาเป็นสิ่งจำเป็นต่อการพยากรณ์ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับโลก เพราะมวลสารโคโรนาที่พุ่งชนโลกตรง ๆ จะส่งผลกระทบต่อสนามแม่เหล็กโลกจนเกิดพายุสนามแม่เหล็ก ข้อมูลชุดใหม่นี้เป็นประโยชน์อย่างมากต่อการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์สำหรับพยากรณ์สภาพอวกาศ และเพื่อความปลอดภัยต่อเครือข่ายสาธารณูปโภคบนโลกและชีวิตในอวกาศจากพายุสุริยะ

ทั้งนี้ ยาน Parker Solar Probe จะยังคงปฏิบัติภารกิจบินวนรอบดวงอาทิตย์ต่อไป เพื่อเก็บข้อมูลในช่วงที่ดวงอาทิตย์กำลังเปลี่ยนผ่านจากช่วงที่มีกิจกรรมสูงสุด (Solar Maximum) สู่ช่วงต่ำสุด (Solar Minimum) ซึ่งคาดว่าจะได้พบกับปรากฏการณ์ทางดวงอาทิตย์ที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้นในระยะหลังจากนี้

เรียบเรียงโดย จิรสิน อัศวกุล
พิสูจน์อักษร ศุภกิจ พัฒนพิฑูรย์


อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS  

ที่มาข้อมูล : NASA

“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech

แท็กที่เกี่ยวข้อง

Parker Solar Probeยาน Parker Solar Probeมวลสารโคโรนามวลสารโคโรนาดวงอาทิตย์นาซาองค์การนาซาNASACoronal Mass Ejectionยานสำรวจดวงอาทิตย์สำรวจอวกาศอวกาศThai PBS Sci And Tech Thai PBS Sci & Tech Space - AstronomySpace
Thai PBS Sci & Tech

ผู้เขียน: Thai PBS Sci & Tech

🌎 "รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก" ไปกับ Thai PBS Sci & Tech • วิทยาศาสตร์ • เทคโนโลยี นวัตกรรม • ดาราศาสตร์ • Media Literacy • Cyber Security • Tips & Tricks • Trends

บทความ NOW แนะนำ