อีกไม่กี่อึดใจ เราก็จะก้าวเข้าสู่ปี 2569 กันแล้ว เรามุ่งหวังจะให้อนาคต-เส้นทางชีวิตดำเนินไปแบบใด โลกจะเปลี่ยนขนาดไหนไม่มีใครรู้ ปีใหม่..อนาคตเราจะเป็นเช่นไร? Thai PBS และ Thai PBS Sci & Tech ขอพาไป “อ่านอนาคตให้ออก” หรือที่รู้จักในคำว่า “Future Literacy” นิยามจาก UNESCO แม้คำนี้จะมีมาหลายปีแล้ว แต่นิยามนี้ยังใช้ได้ในยุคปัจจุบัน นำมาช่วยอัปเกรด Mindset รับมือกับเซอร์ไพรส์ได้ทันเวลา ผ่านการใช้จินตนาการ การวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน และสำรวจความเป็นไปได้ของโลกที่หลากหลาย พาหลุดออกจากกรอบความคิดเดิม ๆ

ยุคนี้ความไม่แน่นอนกลายเป็นเรื่องปกติที่ดูเหมือนจะแน่นอน หวยจะออกแบบไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่อัปเดตจนตาลาย วิกฤตที่โลกเจอแบบไม่ทันตั้งตัว หรือการเปลี่ยนแปลงที่เข้ามาเขย่าวงการที่เราทำอยู่ ใครที่คิดว่าทักษะเอาตัวรอดในโลกใหม่เป็นเรื่องของเด็กไอทีหรือสายวิทย์เท่านั้น ขอให้คิดใหม่ เพราะทักษะที่สุดจะสำคัญที่ทุกคนต้องมีติดตัวตอนนี้คือ Future Literacy หรือการ “อ่านอนาคตให้ออก”

ในเรื่องนี้ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ให้ความรู้ว่า จริง ๆ แล้ว Future Literacy ไม่ใช่หมอดู หรือการดูหมอ แต่เป็นนิยามจาก UNESCO ที่ช่วยอัปเกรด Mindset ให้เรารับมือกับเซอร์ไพรส์ได้ทันเวลาก่อนตลาดวาย ผ่านการใช้จินตนาการ การวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน สำรวจความเป็นไปได้ของโลกที่หลากหลาย มันคือการพาเราหลุดออกจากกรอบความคิดเดิม ๆ คอมฟอร์ตโซนเดิม ๆ ที่มองว่า “ฉันก็ทำของฉันแบบนี้มาตลอด ไม่เห็นจะต้องไขว่คว้าอะไร” กลายเป็นเริ่มมองหา “อนาคตที่เราอยากไปให้ถึง” แล้วมองย้อนกลับมาว่า “วันนี้ต้องเริ่มทำอะไร” เพื่อไปถึงจุดนั้นให้ได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นสายอาร์ตตัวแม่ คนทำคอนเทนต์ นักการตลาดไฟแรง หรือมนุษย์เงินเดือนที่กำลังไต่เต้า ทักษะนี้คือ Tool Kit ติดตัวที่ทรงพลังมาก
- สายครีเอทีฟ/ดีไซน์ คุณจะกล้า “คิดนอกกรอบ” สร้างสรรค์ผลงานหรือบริการที่โลกไม่เคยเห็นมาก่อน
- สายธุรกิจ/การเงิน คุณจะมองเห็น “Game Changer” วางแผนการเงิน การลงทุนแบบรอบคอบ รับมือกับความผันผวนได้แบบไม่สะดุ้ง
สำหรับทุกคน มันคือใบเบิกทางสู่ “ความยืดหยุ่น” (Agility) และความสามารถในการปรับตัวให้ทันทุกเทรนด์
เมื่อเรามี Future Literacy เราจะเป็น “ผู้กำหนดทิศทาง” ที่มองเห็นทางเลือกใหม่ ๆ และมีแรงบันดาลใจที่จะ ลงมือสร้างอนาคตที่ดีกว่า ให้กับตัวเองตั้งแต่ตอนที่กำลังอ่านโพสต์นี้ ดังนั้น Future Literacy เป็นทักษะแห่งอนาคต ที่ผสมผสานของมุมมองอันหลากหลาย + ความสามารถในการปรับตัว + การลงมือทำอย่างสร้างสรรค์ สิ่งนี้คือทักษะที่จะช่วยให้เราทุกคนเอาตัวรอดได้ในยุคปัจจุบันและอนาคต

ทริกพัฒนา Future Literacy
1. ฝึกการ “Reveal” (เปิดเผย)
- ทบทวนสมมติฐาน: เข้าใจอคติและความเชื่อที่เรามีต่ออนาคต
- ตั้งคำถาม: ถามตัวเองว่า "ทำไมเราถึงคิดว่าอนาคตจะเป็นแบบนี้?"
2. ฝึกการ “Reframe” (ปรับกรอบ)
- มุมมองใหม่: ลองมองอนาคตในหลายๆ มิติและมุมมองที่ไม่คุ้นเคย
- รับฟังความหลากหลาย: ฟังความคิดเห็นจากคนต่างสาขา, วัฒนธรรม, และวัย (รวมถึงเด็ก) เพื่อได้มุมมองใหม่ๆ
- ค้นหาโอกาส: มองหา "ทางเลือก" และ "ความเป็นไปได้" ที่ซ่อนอยู่ในความเปลี่ยนแปลง
3. ฝึกการ “Rethink” (คิดใหม่)
- สังเคราะห์ข้อมูล: นำแนวคิดใหม่ๆ ที่ได้มาประมวลผล
- สร้างกรอบยืดหยุ่น: พัฒนาความคิดที่พร้อมปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์
- มองอนาคตระยะยาว: ลองจินตนาการถึง 10, 20, 50 ปีข้างหน้า เพื่อปลดล็อกไอเดียสร้างสรรค์

ทักษะเสริมที่จำเป็น
- Critical Thinking & Problem Solving: คิดวิเคราะห์และแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผล
- Creativity & Innovation: คิดนอกกรอบและสร้างสรรค์สิ่งใหม่
- Adaptability & Resilience: ยืดหยุ่นและปรับตัวเข้ากับความไม่แน่นอนได้ดี
- Data Literacy & Tech Savvy: เข้าใจและใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด
- Lifelong Learning: เรียนรู้ตลอดชีวิต

สิ่งที่ควรลงมือทำ
- อ่านและติดตาม: หาข้อมูลแนวโน้มอนาคตจากแหล่งต่าง ๆ เช่น UNESCO, World Economic Forum, ETDA
- เรียนรู้ข้ามศาสตร์: สนใจเรื่องราวและศาสตร์ที่แตกต่างจากตัวเอง (เช่น ศิลปะ, ปรัชญา)
- มีส่วนร่วม: เข้าร่วมกิจกรรมชุมชน, งานศิลปะ หรือโครงการที่ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลง
- สร้างแผนที่อนาคต: เชื่อมโยงเป้าหมายรายวันเข้ากับภาพรวมชีวิตระยะยาว
อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : unesco, นางสาวณฐพรรณ พวงยะ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech




















