สิงคโปร์ลงทุนรายใหญ่ที่สุดในเมียนมา เพิ่มขึ้น 10 เท่าในช่วง 5 ปี
นายวิเวียน บาลากริชนัน รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ ชี้แจงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า สิงคโปร์มีสถานะเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเมียนมา ในปี 2563 มีโครงการลงทุนที่ได้รับการอนุมัติรวม 24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยที่ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาในช่วงรัฐบาลเอ็นแอลดี ที่นักลงทุนสิงคโปร์มีการลงทุนเพิ่มขึ้น 10 เท่า
นายบาลากริชนัน กล่าวว่า การลงทุนในเมียนมาเป็นการตัดสินใจด้วยเหตุผบทางธุรกิจ ไม่ใช่ด้วยการชี้นำจากฝ่ายการเมืองหรือรัฐบาล “ที่ผ่านมานักลงทุนมองเห็นโอกาสทางธุรกิจในช่วงที่กำลังมีการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตย”
แชนแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า นายบาลากริชนัน ย้ำว่า นักลงทุนต้องแยกธุรกิจออกจากการเมือง คือตัดสินใจลงทุนด้วยเหตุผลทางธุรกิจ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้ต้องยึดหลักการนี้ เป็นสำคัญ
รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ พูดถึงแนวทางแก้ไขวิกฤตการเมืองในเมียนมา ว่า การรักษาความสัมพันธ์กับเมียนมา เป็นวิธีแก้ไขวิกฤตให้คลี่คลาย ไม่ใช่วิธีการโดดเดี่ยวเมียนมา
“อาเซียนจะทำงานใกล้ชิดกับพันธมิตรทุกฝ่าย ทั้งสหประชาชาติ สหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ช่วยกันประคับประคอง สนับสนุนให้ทุกฝ่ายในเมียนมาหันหน้าพุดคุยกันเพื่อหาทางให้เมียนมากลับคืนสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยโดยเร็ว”
“ผมเชื่อว่าอาเซียน จะมีบทบาทที่สร้างสรรค์ ช่วยกันประคับประคองให้เมียนมากลับคืนสู่ภาวะปรกติที่มีเสถียรภาพ” รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์แถลงในที่ประชุมสภาผู้แทนฯ
แท็กที่เกี่ยวข้อง:
สิงคโปร์ลงทุนรายใหญ่ที่สุดในเมียนมา เพิ่มขึ้น 10 เท่าในช่วง 5 ปี
นายวิเวียน บาลากริชนัน รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ ชี้แจงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า สิงคโปร์มีสถานะเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเมียนมา ในปี 2563 มีโครงการลงทุนที่ได้รับการอนุมัติรวม 24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยที่ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาในช่วงรัฐบาลเอ็นแอลดี ที่นักลงทุนสิงคโปร์มีการลงทุนเพิ่มขึ้น 10 เท่า
นายบาลากริชนัน กล่าวว่า การลงทุนในเมียนมาเป็นการตัดสินใจด้วยเหตุผบทางธุรกิจ ไม่ใช่ด้วยการชี้นำจากฝ่ายการเมืองหรือรัฐบาล “ที่ผ่านมานักลงทุนมองเห็นโอกาสทางธุรกิจในช่วงที่กำลังมีการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตย”
แชนแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า นายบาลากริชนัน ย้ำว่า นักลงทุนต้องแยกธุรกิจออกจากการเมือง คือตัดสินใจลงทุนด้วยเหตุผลทางธุรกิจ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้ต้องยึดหลักการนี้ เป็นสำคัญ
รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ พูดถึงแนวทางแก้ไขวิกฤตการเมืองในเมียนมา ว่า การรักษาความสัมพันธ์กับเมียนมา เป็นวิธีแก้ไขวิกฤตให้คลี่คลาย ไม่ใช่วิธีการโดดเดี่ยวเมียนมา
“อาเซียนจะทำงานใกล้ชิดกับพันธมิตรทุกฝ่าย ทั้งสหประชาชาติ สหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ช่วยกันประคับประคอง สนับสนุนให้ทุกฝ่ายในเมียนมาหันหน้าพุดคุยกันเพื่อหาทางให้เมียนมากลับคืนสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยโดยเร็ว”
“ผมเชื่อว่าอาเซียน จะมีบทบาทที่สร้างสรรค์ ช่วยกันประคับประคองให้เมียนมากลับคืนสู่ภาวะปรกติที่มีเสถียรภาพ” รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์แถลงในที่ประชุมสภาผู้แทนฯ
แท็กที่เกี่ยวข้อง: