"หลักการไม่แทรกแซงกิจการภายใน ไม่ใช่การเห็นชอบทุกเรื่องโดยปริยาย"
ก่อนการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อร่วมปรึกษาหาทางออกวิกฤตการเมืองในเมียนมา รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์ นายทีโอโดโร โลเปซ ล็อกซิน จูเนียร์ ทวีตข้อความว่า "อาเซียนยังใกล้ชิดกับเมียนมา แต่นโยบายการไม่แทรกแซงกิจการภายในประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ได้หมายความว่า ทุกเรื่องจะได้รับการรับรองโดยปริยาย หรือ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับสิ่งที่ผิด"
ขณะที่นายวิเวียน บาสลากริชนัน รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ พูดถึงจุดยืนของสิงคโปร์ ว่า ต้องการทุกฝ่ายในเมียนมาหันหน้าคุยกัน โดยมีอาเซียนทำหน้าที่สนับสนุน
ท่าทีของชาติสมาชิกอาเซียน ภายใต้การล็อบบี้ของนางเร็ตโน มาซุดี รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ที่ผลักดันให้มีการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนในวันนี้ (2 มี.ค. 64) โดยมีวันนะ หม่อง ลวิน รัฐมนตรีต่างประเทศที่ได้รับการแต่งตั้งหลังการรัฐประหารร่วมประชุมด้วย สร้างความไม่พอใจให้กับสมาชิกสภาผู้แทนที่ชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 63
พวกเขาบอกว่า การที่อาเซียนเข้าไปพัวพันกับตัวแทนรัฐบาลทหาร เป็นการสร้างความชอบธรรมให้รัฐบาลทหารที่พวกเขาเรียกว่า "กลุ่มก่อการร้าย"
ตัวแทนสมาคมศิษย์เก่าโครงการเยาวชนอาเซียนในเมียนมา บอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า อาเซียนควรจะคุยกับตัวแทนของนางอองซาน ซูจี ในต่างประเทศ แทนที่จะพูดคุยกับตัวแทนรัฐบาลทหารเมียนมา
"อาเซียนต้องเข้าใจว่า ประชาชนเมียนมาไม่ยอมรับการรัฐประหาร และการจัดการเลือกตั้งใหม่" ข้อความตอนหนึ่งในแถลงการณ์ของสมาคมโครงการเยาวชนอาเซียนที่ส่งถึงอาเซียน
สำหรับสถานการณ์ในเมียนมาวันนี้ รอยเตอร์สรายงานว่า ตำรวจที่เมืองกะเล ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเมียนมา ลั่นกระสุนจริงใส่ผู้ชุมนุม มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 คน และได้รับบาดเจ็บอีกประมาณ 20 คน
วันเดียวกันนี้ มีการจัดพิธีศพให้กับผู้ชุมนุมที่เสียชีวิตจากการใช้กระสุนจริงยิงใส่ผู้ชุมนุมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลายแห่งที่นครย่างกุ้ง รอยเตอร์ส รายงานว่า ประชาชนที่ร่วมขบวนศพนักศึกษาวัย 23 ปี ไปยังสุสาน พวกเขาพากันร้องเพลงปฏิวัติ
"ไม่มีความเมตตา มันคือการกดขี่ข่มเหง มีร่างผู้ชุมนุมเสียชีวิตอยู่ตรงโน้น อยู่ตรงนี้ วีรชนคนกล้าผู้สละชีวิตเพื่อประชาธิปไตย"
"หลักการไม่แทรกแซงกิจการภายใน ไม่ใช่การเห็นชอบทุกเรื่องโดยปริยาย"
ก่อนการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อร่วมปรึกษาหาทางออกวิกฤตการเมืองในเมียนมา รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์ นายทีโอโดโร โลเปซ ล็อกซิน จูเนียร์ ทวีตข้อความว่า "อาเซียนยังใกล้ชิดกับเมียนมา แต่นโยบายการไม่แทรกแซงกิจการภายในประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ได้หมายความว่า ทุกเรื่องจะได้รับการรับรองโดยปริยาย หรือ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับสิ่งที่ผิด"
ขณะที่นายวิเวียน บาสลากริชนัน รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ พูดถึงจุดยืนของสิงคโปร์ ว่า ต้องการทุกฝ่ายในเมียนมาหันหน้าคุยกัน โดยมีอาเซียนทำหน้าที่สนับสนุน
ท่าทีของชาติสมาชิกอาเซียน ภายใต้การล็อบบี้ของนางเร็ตโน มาซุดี รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ที่ผลักดันให้มีการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนในวันนี้ (2 มี.ค. 64) โดยมีวันนะ หม่อง ลวิน รัฐมนตรีต่างประเทศที่ได้รับการแต่งตั้งหลังการรัฐประหารร่วมประชุมด้วย สร้างความไม่พอใจให้กับสมาชิกสภาผู้แทนที่ชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 63
พวกเขาบอกว่า การที่อาเซียนเข้าไปพัวพันกับตัวแทนรัฐบาลทหาร เป็นการสร้างความชอบธรรมให้รัฐบาลทหารที่พวกเขาเรียกว่า "กลุ่มก่อการร้าย"
ตัวแทนสมาคมศิษย์เก่าโครงการเยาวชนอาเซียนในเมียนมา บอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า อาเซียนควรจะคุยกับตัวแทนของนางอองซาน ซูจี ในต่างประเทศ แทนที่จะพูดคุยกับตัวแทนรัฐบาลทหารเมียนมา
"อาเซียนต้องเข้าใจว่า ประชาชนเมียนมาไม่ยอมรับการรัฐประหาร และการจัดการเลือกตั้งใหม่" ข้อความตอนหนึ่งในแถลงการณ์ของสมาคมโครงการเยาวชนอาเซียนที่ส่งถึงอาเซียน
สำหรับสถานการณ์ในเมียนมาวันนี้ รอยเตอร์สรายงานว่า ตำรวจที่เมืองกะเล ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเมียนมา ลั่นกระสุนจริงใส่ผู้ชุมนุม มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 คน และได้รับบาดเจ็บอีกประมาณ 20 คน
วันเดียวกันนี้ มีการจัดพิธีศพให้กับผู้ชุมนุมที่เสียชีวิตจากการใช้กระสุนจริงยิงใส่ผู้ชุมนุมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลายแห่งที่นครย่างกุ้ง รอยเตอร์ส รายงานว่า ประชาชนที่ร่วมขบวนศพนักศึกษาวัย 23 ปี ไปยังสุสาน พวกเขาพากันร้องเพลงปฏิวัติ
"ไม่มีความเมตตา มันคือการกดขี่ข่มเหง มีร่างผู้ชุมนุมเสียชีวิตอยู่ตรงโน้น อยู่ตรงนี้ วีรชนคนกล้าผู้สละชีวิตเพื่อประชาธิปไตย"