เมียนมา ข้าวยากหมากแพง ข้าวสาร น้ำมันพืช ราคาพุ่งสูง
โครงการอาหารแห่งสหประชาชาติ (WFP) แสดงความวิตกกับราคาสินค้าอาหารที่แพงขึ้นมากในช่วงสองเดือนนับตั้งแต่กองทัพเมียนมาก่อการรัฐประหาร โดยเฉพาะสินค้าจำเป็นเช่น น้ำมันปาล์มสำหรับทำอาหาร ราคาที่จำหน่ายในนครย่างกุ้ง แพงขึ้น 20% ขณะที่ราคาข้าวสารที่เมืองมัณฑะเลย์ ในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมาแพงขึ้น 4%
เมืองในชนบทที่ห่างไกล เช่นที่ Bhamo และ Putao ในรัฐคะฉิ่น ราคาข้าวสารแพงขึ้นถึง 35%
น้ำมันเชื้อเพลิง เป็นสินค้าจำเป็นอีกตัวที่ราคาแพงขึ้นมาก เนื่องจากการนำเข้าติดขัดสืบเนื่องจากการนัดหยุดงานอย่างกว้างขวางของพนักงานธนาคาร ทำให้การทำเอกสารการชำระเงิน หรือการโอนเงินเพื่อจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ ไม่คล่องตัว
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขณะนี้แพงขึ้น 15% เทียบกับเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ยิ่งในเมืองที่ห่างไกลในรัฐยะไข่ ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในรัฐยะไข่ขยับขึ้นไปถึง 35%
สตีเฟ่น แอนเดอร์สัน ผู้แทน WFP ประจำเมียนมาแสดงตวามกังวลว่า หากวิกฤตการเมืองในเมียนมายืดเยื้อออกไป วิกฤติเศรษฐกิจจะยิ่งเลวร้ายซ้ำเติมคนเมียนมามากยิ่งขึ้น
ก่อนหน้าการรัฐประหาร เศรษฐกิจเมียนมาก็เจอปัญหารุมเร้าหนักอยู่แล้ว จากวิกฤตโควิด-19 มีคนตกงานมากมายจากการปิดตัวของโรงงาน เช่นเดียวกันคนเมียนมาที่ทำงานหาเงินในต่างประเทศก็เจอปัญหาตกงานจำนวนมากเช่นกัน ทำให้พวกเขาไม่สามารถส่งเงินไปจุนเจือญาติพี่น้องในเมียนมา
แอนเดอร์สัน บอกว่า ก่อนหน้าการระบาดไวรัสโควิด-19 ประมาณว่า 6 ใน 10 ครัวเรือนเมียนมา มีอาหารการกินไม่ครบถ้วนตามหลักโภชนาการ และเมื่อเจอวิกฤตโควิด-19 รุมเร้า ปัญหาเศรษฐกิจยิ่งรุนแรง ประมาณว่าทุก ๆ 4 ใน 5 ครอบครัว รายได้ลดลงประมาณ 50%
“ปัญหาเศรษฐกิจรุนแรงขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่าน เพราะขณะที่รายจ่ายค่าอาหารสินค้าจำเป็นสูงขึ้น รายได้คนเมียนมากลับลดลง คนจำนวนไม่น้อยไม่กล้าออกจากบ้านเพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย ในช่วงที่ทหาร ตำรวจ เพิ่มความรุนแรงในการปราบปรามผู้ชุมนุม” ผู้แทน WFP ประจำเมียนมา กล่าว
เมียนมา ข้าวยากหมากแพง ข้าวสาร น้ำมันพืช ราคาพุ่งสูง
โครงการอาหารแห่งสหประชาชาติ (WFP) แสดงความวิตกกับราคาสินค้าอาหารที่แพงขึ้นมากในช่วงสองเดือนนับตั้งแต่กองทัพเมียนมาก่อการรัฐประหาร โดยเฉพาะสินค้าจำเป็นเช่น น้ำมันปาล์มสำหรับทำอาหาร ราคาที่จำหน่ายในนครย่างกุ้ง แพงขึ้น 20% ขณะที่ราคาข้าวสารที่เมืองมัณฑะเลย์ ในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมาแพงขึ้น 4%
เมืองในชนบทที่ห่างไกล เช่นที่ Bhamo และ Putao ในรัฐคะฉิ่น ราคาข้าวสารแพงขึ้นถึง 35%
น้ำมันเชื้อเพลิง เป็นสินค้าจำเป็นอีกตัวที่ราคาแพงขึ้นมาก เนื่องจากการนำเข้าติดขัดสืบเนื่องจากการนัดหยุดงานอย่างกว้างขวางของพนักงานธนาคาร ทำให้การทำเอกสารการชำระเงิน หรือการโอนเงินเพื่อจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ ไม่คล่องตัว
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขณะนี้แพงขึ้น 15% เทียบกับเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ยิ่งในเมืองที่ห่างไกลในรัฐยะไข่ ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในรัฐยะไข่ขยับขึ้นไปถึง 35%
สตีเฟ่น แอนเดอร์สัน ผู้แทน WFP ประจำเมียนมาแสดงตวามกังวลว่า หากวิกฤตการเมืองในเมียนมายืดเยื้อออกไป วิกฤติเศรษฐกิจจะยิ่งเลวร้ายซ้ำเติมคนเมียนมามากยิ่งขึ้น
ก่อนหน้าการรัฐประหาร เศรษฐกิจเมียนมาก็เจอปัญหารุมเร้าหนักอยู่แล้ว จากวิกฤตโควิด-19 มีคนตกงานมากมายจากการปิดตัวของโรงงาน เช่นเดียวกันคนเมียนมาที่ทำงานหาเงินในต่างประเทศก็เจอปัญหาตกงานจำนวนมากเช่นกัน ทำให้พวกเขาไม่สามารถส่งเงินไปจุนเจือญาติพี่น้องในเมียนมา
แอนเดอร์สัน บอกว่า ก่อนหน้าการระบาดไวรัสโควิด-19 ประมาณว่า 6 ใน 10 ครัวเรือนเมียนมา มีอาหารการกินไม่ครบถ้วนตามหลักโภชนาการ และเมื่อเจอวิกฤตโควิด-19 รุมเร้า ปัญหาเศรษฐกิจยิ่งรุนแรง ประมาณว่าทุก ๆ 4 ใน 5 ครอบครัว รายได้ลดลงประมาณ 50%
“ปัญหาเศรษฐกิจรุนแรงขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่าน เพราะขณะที่รายจ่ายค่าอาหารสินค้าจำเป็นสูงขึ้น รายได้คนเมียนมากลับลดลง คนจำนวนไม่น้อยไม่กล้าออกจากบ้านเพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย ในช่วงที่ทหาร ตำรวจ เพิ่มความรุนแรงในการปราบปรามผู้ชุมนุม” ผู้แทน WFP ประจำเมียนมา กล่าว