อพยพออกจากย่างกุ้งหนีการปราบปรามรุนแรง
การปราบปรามในนครย่างกุ้ง ที่ยกระดับรุนแรงขึ้นนับตั้งแต่เกิดเหตุลอบวางเพลิงโรงงานนักลงทุนจีนหลายแห่งที่เขตนิคมอุตสาหกรรม Hlaingthaya เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม ส่งผลให้กองทัพเมียนมายกระดับการปราบปราม สังหารประชาชน 73 ศพ ที่ย่างกุ้ง
รัฐบาลทหารเมียนมามีคำสั่งกฎอัยการศึกในนครย่างกุ้งตั้งแต่วันอาทิตย์ (14 มี.ค. 64) หลังจากนั้นก็มีการปราบปรามรุนแรงขึ้น การอพยพหลบหนีความรุนแรงจึงเริ่มต้นขึ้นที่ Hlaingthaya ตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ 15 มีนาคม
ตำรวจ ทหาร ได้บังคับประชาชนรื้อถอนเครื่องกีดขวางตามท้องถนนในนครย่างกุ้ง พร้อมคำขู่ว่าหากไม่ปฏิบัติตามจะต้องเจอกับไม้แข็ง
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่ารถราหนาแน่นบนถนนสายหลักทางทิศเหนือของนครย่างกุ้ง เนื่องด้วยประชาชนจำนวนมากที่อพยพเข้ามาทำงานในเมืองเศรษฐกิจหลักของเมียนมา เดินทางหนีการปราบปรามอย่างรุนแรง กลับบ้านเกิดในชนบท
"ฉันไม่รู้สึกปลอดภัยเลย บางคืนก็ไม่สามารถหลับตานอนได้ เพราะความกลัว" ชาวเมียนมาคนหนึ่งที่ประสบกับความตายของเพื่อนบ้านที่ถูกทหารสังหาร บอกกับเอเอฟพี
"ฉันรู้สึกวิตกกังวลตลอดเวลาว่า สถานการณ์ที่ย่างกุ้งจะเลวร้ายยิ่งขึ้นทุกวัน สถานการณ์ตรึงเครียดมาก มีการจับกุมประชาชนตามท้องถนนทุกวัน" ผู้หญิงคนนี้ บอกว่า เธอซื้อตั๋วรถโดยสารเตรียมเดินทางออกจากย่างกุ้งภายในวันสองวันนี้
ผู้ชายอีกคนที่ทำงานในร้านขายทองคำที่ย่างกุ้ง บอกกับเอเอฟพี ว่า "เดินทางถึงบ้านในชนบทเรียบร้อยแล้วรู้สึกปลอดภัย ต่างจากตอนที่อยู่ในย่างกุ้ง เครียดและรู้สึกไม่ปลอดภัย
Irrawaddy รายงานว่า เมื่อค่ำวันพฤหัสบดี (18 มี.ค. 64) เวลาประมาณ 20.15 น. ทหาร ตำรวจ ยิงปืนใส่อาคารศูนย์สูตินารีโรงพยาบาล SSC ในนครย่างกุ้ง กระสุนทะลุกระจกอาคารชั้นสอง ซึ่งเป็นที่พักหญิงที่เพิ่งคลอดบุตร และเด็กทารกแรกเกิด แต่ไม่มีรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ
หมายเหตุภาพ AFP ตำรวจ ทหาร ตามท้องถนนในนครย่างกุ้ง ติดตามปราบปรามจับกุมผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลทหาร เมื่อวันที่ 19 มีนาคม
แท็กที่เกี่ยวข้อง:
อพยพออกจากย่างกุ้งหนีการปราบปรามรุนแรง
การปราบปรามในนครย่างกุ้ง ที่ยกระดับรุนแรงขึ้นนับตั้งแต่เกิดเหตุลอบวางเพลิงโรงงานนักลงทุนจีนหลายแห่งที่เขตนิคมอุตสาหกรรม Hlaingthaya เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม ส่งผลให้กองทัพเมียนมายกระดับการปราบปราม สังหารประชาชน 73 ศพ ที่ย่างกุ้ง
รัฐบาลทหารเมียนมามีคำสั่งกฎอัยการศึกในนครย่างกุ้งตั้งแต่วันอาทิตย์ (14 มี.ค. 64) หลังจากนั้นก็มีการปราบปรามรุนแรงขึ้น การอพยพหลบหนีความรุนแรงจึงเริ่มต้นขึ้นที่ Hlaingthaya ตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ 15 มีนาคม
ตำรวจ ทหาร ได้บังคับประชาชนรื้อถอนเครื่องกีดขวางตามท้องถนนในนครย่างกุ้ง พร้อมคำขู่ว่าหากไม่ปฏิบัติตามจะต้องเจอกับไม้แข็ง
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่ารถราหนาแน่นบนถนนสายหลักทางทิศเหนือของนครย่างกุ้ง เนื่องด้วยประชาชนจำนวนมากที่อพยพเข้ามาทำงานในเมืองเศรษฐกิจหลักของเมียนมา เดินทางหนีการปราบปรามอย่างรุนแรง กลับบ้านเกิดในชนบท
"ฉันไม่รู้สึกปลอดภัยเลย บางคืนก็ไม่สามารถหลับตานอนได้ เพราะความกลัว" ชาวเมียนมาคนหนึ่งที่ประสบกับความตายของเพื่อนบ้านที่ถูกทหารสังหาร บอกกับเอเอฟพี
"ฉันรู้สึกวิตกกังวลตลอดเวลาว่า สถานการณ์ที่ย่างกุ้งจะเลวร้ายยิ่งขึ้นทุกวัน สถานการณ์ตรึงเครียดมาก มีการจับกุมประชาชนตามท้องถนนทุกวัน" ผู้หญิงคนนี้ บอกว่า เธอซื้อตั๋วรถโดยสารเตรียมเดินทางออกจากย่างกุ้งภายในวันสองวันนี้
ผู้ชายอีกคนที่ทำงานในร้านขายทองคำที่ย่างกุ้ง บอกกับเอเอฟพี ว่า "เดินทางถึงบ้านในชนบทเรียบร้อยแล้วรู้สึกปลอดภัย ต่างจากตอนที่อยู่ในย่างกุ้ง เครียดและรู้สึกไม่ปลอดภัย
Irrawaddy รายงานว่า เมื่อค่ำวันพฤหัสบดี (18 มี.ค. 64) เวลาประมาณ 20.15 น. ทหาร ตำรวจ ยิงปืนใส่อาคารศูนย์สูตินารีโรงพยาบาล SSC ในนครย่างกุ้ง กระสุนทะลุกระจกอาคารชั้นสอง ซึ่งเป็นที่พักหญิงที่เพิ่งคลอดบุตร และเด็กทารกแรกเกิด แต่ไม่มีรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ
หมายเหตุภาพ AFP ตำรวจ ทหาร ตามท้องถนนในนครย่างกุ้ง ติดตามปราบปรามจับกุมผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลทหาร เมื่อวันที่ 19 มีนาคม
แท็กที่เกี่ยวข้อง: