Loading...

แชร์

Copied!

“โคแฟค” ยกระดับทักษะนักข่าวหญิงไทย อัพสกิล Fact-Checking เรียนรู้ความปลอดภัยเมื่อลงสนามข่าว

28 ต.ค. 6819:28 น.
“โคแฟค” ยกระดับทักษะนักข่าวหญิงไทย อัพสกิล Fact-Checking เรียนรู้ความปลอดภัยเมื่อลงสนามข่าว
โคแฟคจัดอบรมโครงการส่งเสริมศักยภาพของนักข่าวหญิงและผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริง (Fact-Checker) มุ่งสร้างการเรียนรู้ ความปลอดภัย พร้อมอบรมความปลอดภัยสำหรับนักข่าวภาคสนาม เพื่อเตรียมความพร้อมในการทำงานในสถานการณ์เสี่ยงต่าง ๆ

คุณสุภิญญา กลางณรงค์ ผู้ร่วมก่อตั้งภาคีโคแฟค (COFACT Thailand) กล่าวถึงการอบรมควาปลอดภัยทางดิจิทัล และการตรวจสอบข่าวลวงสำหรับผู้สื่อข่าวหญิง #FactFreeFair Workshop for Women Journalists/Fact Checkers in thailand 2025 ว่า เกิดจากแนวคิดของพาร์ทเนอร์องค์กร Reporters Without Borders (ผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน) ที่ทำงานร่วมกันมา 2 ปี ที่ให้ความสำคัญกับผู้หญิงในวงการสื่อและ Fact – Checker ที่มีสัดส่วนน้อย เนื่องจากภาระหลายด้าน ทั้งการเป็นแม่ ภรรยา และงานบ้าน  

โครงการจึงเกิดขึ้นเพื่อต้องการส่งเสริมให้นักข่าวผู้หญิงได้พัฒนาความรู้ของตัวเอง ไม่ใช่แค่ทำงานและรับผิดชอบงานบ้านเท่านั้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของโคแฟค ที่มีทีมงานผู้หญิงจำนวนมาก เพราะเชื่อว่าผู้หญิงมีทักษะที่ดีในการเป็น Fact – Checker

“ผู้หญิงมีความละเอียดรอบคอบในมุมมองการตรวจสอบข้อมูล ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานสำคัญ อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงยังเผชิญความเสี่ยงทางกายภาพมากกว่า จึงต้องการเสริมสร้างความปลอดภัยให้พวกเขาทำงานได้อย่างมั่นใจและปราศจากความกังวล”คุณสุภิญญา กล่าว

แม้จะเน้นผู้หญิง แต่ไม่ได้กีดกันผู้ชายหรือ LGBT โครงการนี้เป็นการทดลองว่า หากเป็นผู้หญิงล้วน จะเป็นอย่างไร จะมีการสรุปบทเรียนในภายหลัง ว่าควรปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มองค์ประกอบอะไรบ้าง

นอกจากการเปิดโอกาสและเสริมพลัง (empowerment) แล้ว ยังสร้างความรู้สึกพี่น้อง (sisterhood) ให้ผู้เข้าร่วมเข้าใจกัน ไว้วางใจกัน และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เพื่อนำพลังใจกลับไปทำงานต่อ

“ปัจจุบันผู้หญิงที่ทำงานในด้านนี้ มักทำงานหนัก และต้องใช้เวลากับคอมพิวเตอร์ มือถือ และข้อมูลจำนวนมาก ทำให้เหนื่อยล้าง่าย การอบรมครั้งนี้จึงออกแบบให้เป็นการรีทรีต ให้พวกเขาได้พักผ่อนและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน เพื่อสร้างพลังในการทำงานต่อไป” คุณสุภิญญา กล่าว

คุณสุภิญญา กลางณรงค์ ผู้ร่วมก่อตั้งภาคีโคแฟค (COFACT Thailand)

คุณสุภิญญา กลางณรงค์ ผู้ร่วมก่อตั้งภาคีโคแฟค (COFACT Thailand)

คุณสุภิญญา มองว่า ผู้หญิงมีความละเอียดในบางประเด็นที่ผู้ชายอาจมองข้าม โดยเฉพาะเรื่องที่มีความซับซ้อนหลายชั้น (layered) เช่น เรื่องเพศสภาพและมายาคติต่าง ๆ ผู้หญิงมักมองเห็นรายละเอียดของปัญหาที่ซ้อนทับกัน

อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนอาจอยู่ที่เรื่องเทคนิคและการใช้เครื่องมือ ซึ่งหลายคนมักมีอคติว่า ผู้หญิงไม่เก่งเท่าผู้ชาย แต่ความจริงในยุคนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป

“บางสถานการณ์ผู้หญิงก็เข้าใจและเลือกตรวจสอบประเด็นที่ละเอียดมากขึ้น บางเรื่องที่คนอื่นมองว่าไม่เป็นประเด็น แต่ผู้หญิงอาจเห็นว่าเป็นประเด็นสำคัญ” คุณสุภิญญา กล่าว

ความแตกต่างระหว่างผู้สื่อข่าวกับ Fact – Checker

ผู้สื่อข่าวมักจะรายงาน 5W1H (ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เพราะอะไร) แต่ Fact – Checker ต้องหักล้างข้อเท็จจริง อธิบายว่าทำไมไม่จริง และนำเสนอสิ่งที่จริง

หลายครั้งต้องตรวจสอบเรื่องที่ดูไม่เป็นสาระ ซึ่งนักข่าวทั่วไปอาจสงสัยว่าทำไมต้องเสียเวลา แต่ความจริงคือเรื่องไร้สาระจำนวนมากกำลังสร้างความเข้าใจผิด ความสับสน และความเกลียดชังในสังคม นี่คือหน้าที่ของ Fact – Checker ที่ต้องมาเติมเต็มงานข่าว

“Fact – Checker ต้องมีความรู้เรื่องความปลอดภัย กฎหมาย เครื่องมือต่าง ๆ และวิธีคิดเช่นเดียวกับนักข่าว แต่ต้องเข้มงวดกว่าในการหักล้างข้อเท็จจริง” คุณสุภิญญา กล่าว

 

คู่มือความปลอดภัยสำหรับนักข่าวภาคสนาม

คุณสถาพร พงษ์พิพัฒน์วัฒนา  วิทยากรการรายงานข่าวในสถานการณ์ความขัดแย้งและภัยพิบัติ จากสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย แนะนำวิธีการแต่งตัว หรือเตรียมความพร้อมในการทำข่าวสถานการณ์การเมือง และน้ำท่วม รวมทั้งแนบวิธีการป้องกันตัวในการแชร์ข้อมูลในโซเชียล 

คุณสถาพร พงษ์พิพัฒน์วัฒนา วิทยากร การรายงานข่าวในสถานการณ์ความขัดแย้งและภัยพิบัติ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

คุณสถาพร พงษ์พิพัฒน์วัฒนา วิทยากร การรายงานข่าวในสถานการณ์ความขัดแย้งและภัยพิบัติ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

“การทำงานของนักข่าวภาคสนามเป็นอาชีพที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การรายงานข่าวในพื้นที่ชุมนุม ไปจนถึงพื้นที่ภัยพิบัติ ดังนั้นการเตรียมตัวให้พร้อมทั้งอุปกรณ์ การประเมินความเสี่ยง และความรู้ด้านความปลอดภัย จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ” คุณสถาพร  กล่าว

น้ำท่วม

ในกรณีของการรายงานข่าวการชุมนุมหรือผู้ชุมนุม นักข่าวอาจเผชิญกับความเสี่ยงจากการปะทะระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ การถูกโจมตีจากฝ่ายตรงข้าม การใช้สารเคมีควบคุมฝูงชน เช่น แก๊สน้ำตาหรือสเปรย์พริกไทย รวมถึงกระสุนยางและสถานการณ์โกลาหล อุปกรณ์ที่ควรเตรียมไว้ ได้แก่ หมวกกันน็อค แว่นตากันแก๊ส น้ำดื่ม ปากกา สมุดบันทึก ผ้าหรือสายรัดห้ามเลือด และชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น ทั้งนี้ควรใช้เสื้อเกราะเฉพาะในสถานการณ์ที่จำเป็นจริง เช่น มีการใช้กระสุนจริง เพราะการสวมใส่ในพื้นที่ทั่วไปอาจทำให้ภาพข่าวดูรุนแรงเกินจริง นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการแต่งตัวคล้ายเจ้าหน้าที่ เช่น เสื้อโปโล หรือกางเกงแทคติคอล ควรแต่งกายให้กลมกลืนกับผู้คนในพื้นที่ แต่ต้องมีป้าย “PRESS” ที่เห็นชัดเจนเสมอ

ส่วนการรายงานข่าวในพื้นที่น้ำท่วม นักข่าวต้องระมัดระวังเรื่องไฟดูด ไฟรั่ว การถูกน้ำพัด เหยียบของมีคมใต้น้ำ รวมถึงปัญหาความขัดแย้งของชาวบ้านในพื้นที่ อุปกรณ์ที่แนะนำให้พกติดตัว ได้แก่ ชุดเอี๊ยมกันน้ำ รองเท้าลุยน้ำ เชือกนิรภัย ถุงกันน้ำ เสื้อชูชีพ และยาหม่องหรือยาประจำตัว ข้อควรระวังคือไม่ควรใส่รองเท้าบูทธรรมดา เพราะเมื่อมีน้ำเข้าไปจะเดินลำบาก และไม่ควรลงพื้นที่คนเดียวโดยไม่มีเสื้อชูชีพ ควรประเมินความลึกและกระแสน้ำก่อนลงพื้นที่ทุกครั้ง

สำหรับนักข่าวหญิง ความเสี่ยงมีมากกว่านักข่าวทั่วไป ทั้งในเรื่องการถูกล่วงละเมิดทางเพศ การถูกติดตาม หรือการสตอล์กทั้งในชีวิตจริงและออนไลน์ เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิด ควรหลีกเลี่ยงการลงพื้นที่คนเดียว ใช้อีเมลและเบอร์โทรศัพท์ของหน่วยงานแทนข้อมูลส่วนตัว พกอุปกรณ์ฉุกเฉินและเลือกทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมทีมที่ไว้วางใจได้

เรื่องการแต่งกายก็มีความสำคัญเช่นกัน นักข่าวควรแต่งกายให้เหมาะสมกับลักษณะงาน เช่น ข่าวเทศกาลหรือสงกรานต์สามารถแต่งสบาย สีสันสดใสได้ ข่าวพระราชพิธีควรแต่งสุภาพเรียบร้อย หลีกเลี่ยงสีแดง ส่วนข่าวภัยพิบัติหรือม็อบควรแต่งเรียบง่าย เคลื่อนไหวสะดวก และมีป้าย PRESS ชัดเจน ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ เช่น เสื้อโปโลกับกางเกงแทคติคอล รวมถึงเสื้อเกราะในพื้นที่ไม่รุนแรง

อีกประเด็นสำคัญคือการสังเกตและป้องกันการถูกติดตาม หากสงสัยว่ามีคนหรือรถตาม ให้ลองขับหรือเดินย้อนเส้นทางเดิม หากยังตามอยู่ถือว่าไม่ปกติ ควรแจ้งหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงาน เปลี่ยนเส้นทางการเดินทาง บันทึกหลักฐาน และแจ้งเจ้าหน้าที่เมื่อจำเป็น

ม็อบการเมือง

“ในยุคดิจิทัล นักข่าวยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงในโลกออนไลน์ เช่น การถูกโจมตีจากความคิดเห็นทางการเมือง การรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัว หรือถูกกล่าวหาว่ามีอคติ การป้องกันคือหลีกเลี่ยงการโพสต์เนื้อหาที่อ่อนไหว ใช้ช่องทางติดต่อของหน่วยงานแทนข้อมูลส่วนตัว และควรประเมินผลกระทบของเนื้อหาก่อนเผยแพร่ โดยเฉพาะภาพข่าวที่อาจทำให้สถานการณ์ดูรุนแรงเกินจริง” คุณสถาพร  กล่าว

อุปกรณ์ฉุกเฉินพื้นฐานที่ควรพกติดตัว ได้แก่ ผ้าหรือผ้าพันแผล สายรัดห้ามเลือด น้ำดื่ม ปากกา สมุดบันทึก ปุ่มเสียงดังสำหรับนักข่าวหญิง แว่นตาป้องกัน และถุงกันน้ำสำหรับอุปกรณ์ทั้งหมด

“สุดท้าย สิ่งที่นักข่าวทุกคนควรจำไว้คือ ต้องประเมินความเสี่ยงก่อนทำงานทุกครั้ง พกเฉพาะอุปกรณ์ที่จำเป็นจริง แต่งกายให้เหมาะสมกับบริบท ไม่ลงพื้นที่เสี่ยงเพียงลำพัง โดยเฉพาะนักข่าวหญิง และที่สำคัญที่สุด หากสถานการณ์อันตรายเกินไปชีวิตของนักข่าวสำคัญกว่าข่าวเสมอ”คุณสถาพร  กล่าว