EN

แชร์

Copied!

ตรวจสอบแล้ว : โพสต์อ้างฝนถล่มภาคเหนือทะลุ 500 มม. จากอากาศยกตัวรุนแรงสุดขั้ว กรมอุตุฯ ชี้ตัวเลขสูงเกินจริง-เกิดขึ้นยาก

22 พ.ค. 6817:41 น.
1
สิ่งแวดล้อมและภัยพิบัติ#ข่าวบิดเบือน
ตรวจสอบแล้ว : โพสต์อ้างฝนถล่มภาคเหนือทะลุ 500 มม. จากอากาศยกตัวรุนแรงสุดขั้ว กรมอุตุฯ ชี้ตัวเลขสูงเกินจริง-เกิดขึ้นยาก

โพสต์อ้าง 23-27 พฤษภาคมนี้ ภาคเหนือจะเกิดกระแสอากาศยกตัวรุนแรงสุดขั้วถล่มทุกลุ่มน้ำ และฝนอาจทะลุ 500 มม. ด้านกรมอุตุนิยมวิทยายืนยัน เป็นเพียงฝนตกตามฤดูกาล และอ้างตัวเลขเกินจริง ย้ำว่า ประชาชนควรติดตามข้อมูลจากแหล่งข่าวทางการอย่างใกล้ชิด

 

Thai PBS Verify พบแหล่งที่มาจาก : Facebook

Thai PBS Verify พบโพสต์จาก กลุ่มสาธารณะ Facebook  ระบุว่า วันที่ 23-27 พฤษภาคม 2568 นี้ ฝนจะถล่มแบบรุนแรงภาคเหนือ ในระยะเวลา 4 วัน ปริมาณฝนสะสมทะลุถึง 500 มิลลิเมตร  โดยโพสต์ดังกล่าวระบุว่า หนักแล้ว!!! เกิดอะไรขึ้น แบบจำลอง ECMWF อัปเดทล่าสุด วิเคราะห์ลักษณะอากาศที่ไทยตอนบน แบบสุดโต่งมาก!!! โดยเฉพาะช่วงวันที่ 23-27 พฤษภาคม นี้ (โดยใกล้เคียงกับ GFS มาก)

มีแนวลมพัดสอบระดับบรรยากาศชั้นกลางรุนแรง บริเวณประเทศไทยตอนบน จะทำให้เกิดกระแสอากาศยกตัวรุนแรงสุดขั้ว ฝนถล่มหนักมากภาคเหนือทุกลุ่มน้ำ แต่เน้นลุ่มน้ำปิง น้ำน่าน เพราะใกล้แนวกระแสลมที่แรงมาก และแนวลมยกตัวขึ้น (มีลุ้นทะลุ 500มิลลิเมตร) (ในช่วงดังกล่าวนี้เลย โดยระยะเวลา แค่ 4 วัน)

 

………………เตรียมเรือ กันได้เลยสำหรับภาคเหนือ แบบจำลอง 2 แบบที่ต่างทวีปกัน วิเคราะห์ใกล้เคียงกันมาก (เมื่อวานผมได้วิเคราะห์ของ GFS ก็สุดโต่งมาก)

 

ส่วนพม่า จะเกิดน้ำท่วมใหญ่มาก มีหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงหมุนในพื้นที่แบบแช่

 

ย้ำว่าอันนี้คือแบบจำลอง ECMWF ที่กรมอุตุฯ ไทย ก็ใช้

ฝนตกหนักจริงจากร่องมรสุม

Thai PBS Verify ได้สอบถามไปยัง สมควร ต้นจาน รองโฆษกกรมอุตุนิยมวิทยา และผู้อำนวยกองพยากรณ์อากาศ กล่าวว่า ปัจจัยที่จะเกิดฝนใน ช่วงวันที่ 20-22 พฤษภาคม 2568 เป็นอิทธิพลของมรสุมที่พัดผ่านทะเลอันดามัน โดยมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดเสริมเป็นระยะ แม้ฝนอาจยังไม่รุนแรง แต่จะเริ่มสะสมในบางพื้นที่ (ลิงก์บันทึก)

จากนั้นในช่วงวันที่ 23–27 พฤษภาคม 2568 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะมีกำลังแรงขึ้นอย่างชัดเจน โดยพัดจากทะเลอันดามันเข้าสู่ประเทศไทย ประกอบกับการก่อตัวของหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลอันดามันและทะเลจีนใต้ ส่งผลให้เกิดร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดฝนตกหนักหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณฝั่งตะวันตกของภาคเหนือ เช่น แม่ฮ่องสอน ตาก ภาคตะวันตก เช่น ราชบุรี กาญจนบุรี อุทัยธานี รวมถึงภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และภาคตะวันออก เช่น จันทบุรี ระยอง 

พื้นที่เหล่านี้มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก เนื่องจากหลายพื้นที่มีสภาพดินที่อุ้มน้ำเต็มแล้ว โดยเฉพาะในภาคเหนืออย่างลำปาง เชียงใหม่ เชียงราย และแม่สอด หากมีฝนตกซ้ำจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงของภัยพิบัติ

ขณะที่ในช่วงวันที่ 28–31 พฤษภาคม แม้ฝนจะยังคงตกต่อเนื่อง แต่ความรุนแรงจะลดลง อย่างไรก็ตาม ฝนที่สะสมอาจทำให้เกิดน้ำท่วมในบางพื้นที่ที่มีระบบระบายน้ำไม่เพียงพอ นอกจากนี้ยังต้องระวังคลื่นลมแรงในทะเลอันดามันและอ่าวไทย ซึ่งอาจส่งผลต่อกิจกรรมทางทะเล ทั้งนี้ ช่วงปลายเดือนถึงต้นเดือนมิถุนายน ฝนจะเริ่มลดลงเข้าสู่สภาพฝนตามฤดูกาล แต่ประชาชนควรเฝ้าระวังและติดตามประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยตามภูเขาและใกล้ทางน้ำไหล

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปริมาณฝนสะสม 500 มิลลิเมตรใน 4 วันในภาคเหนือ

จากกรณีที่มีการกล่าวอ้างว่า ภาคเหนือของประเทศไทย จะมีปริมาณฝนสะสมถึง 500 มิลลิเมตร ในระยะเวลา 4 วัน ช่วงวันที่ 23-27 พฤษภาคม 2568 นี้ ทางรองโฆษกฯ ได้ชี้แจงว่า ตัวเลขดังกล่าวถือเป็นปริมาณฝนที่สูงมาก และเกิดขึ้นได้ยากมากในบริเวณภาคเหนือในช่วงเวลาดังกล่าว หากเกิดขึ้นก็อาจจะมีฝนตกสะสมเฉลี่ยวันละร้อยกว่ามิลลิเมตร

“โดยทั่วไป ปริมาณฝนในระดับ 500 มิลลิเมตรภายในไม่กี่วันมักจะพบในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งได้รับอิทธิพลจากพายุโซนร้อนหรือมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในบริเวณชายฝั่งอันดามัน เช่น ระนอง พังงา และภูเก็ต หากปริมาณฝนสะสม 500 มิลลิเมตรภายใน 4 วัน หมายความว่าต้องตกเฉลี่ย วันละ 100 กว่า ซึ่งหากเป็นแบบนั้น ต้องเป็นระดับพายุ เช่น กรณีที่ภาคเหนือรับอิทธิพลจากพายุยางิ” สมควร ต้นจาน รองโฆษกกรมอุตุนิยมวิทยาและผู้อำนวยกองพยากรณ์อากาศ 

สรุปสถานการณ์ฝนในภาคเหนือ (แม่ฮ่องสอน ตาก ฯลฯ)

  • ช่วงวันที่ 23–27 พฤษภาคม จะมีหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงเข้ามาปกคลุม ทำให้มีฝนตกหนักสลับเบา บางวันมีปริมาณฝนสะสมหลักสิบสลับหลักร้อยมิลลิเมตร
  • หากหย่อมความกดอากาศต่ำพัฒนาเป็นพายุดีเปรสชันหรือไซโคลน อาจดึงความชื้นเข้ามา ทำให้เกิดฝนเพิ่มขึ้นในบางพื้นที่ แต่ฝนที่ตกจริงอาจไม่ถึง 400–500 มิลลิเมตร ตามที่มีการกล่าวอ้าง
  • กรณีที่รุนแรงที่สุด ปริมาณฝนสะสมในพื้นที่ภาคเหนือช่วง 4 วันอาจอยู่ที่ประมาณ 200–300 มิลลิเมตร ซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างสูงแล้ว

ตัวอย่างปริมาณฝนสะสมสูงจากเหตุการณ์ในอดีต

  • พายุโซนร้อน “ปลาบึก” เคยทำให้เกิดฝนตกสะสม มากกว่า 600 มิลลิเมตรภายใน 24 ชั่วโมง ที่ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช
  • กรณีพายุ “ยางิ” เคลื่อนตัวเข้ามาและแช่ตัวอยู่พื้นที่ 2–3 วัน สร้างฝนสะสมสูงในภาคเหนือ

อย่างไรก็ตามในพื้นที่ภาคเหนือนั้น จากคำกล่าวอ้างที่ว่าฝนจะตกสะสมถึง 400–500 มิลลิเมตร ใน 4 วัน ถือเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากมาก เว้นแต่จะได้รับอิทธิพลโดยตรง จากพายุเขตร้อนที่เคลื่อนตัวเข้ามา และปกคลุมพื้นที่เป็นเวลานาน ทำให้เกิดฝนตกต่อเนื่องทั้งวันในบริเวณกว้าง ซึ่งในลักษณะนี้จะต้องมีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด หากเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องในระดับ 100–200 มิลลิเมตรต่อวันติดต่อกัน 3–4 วัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการประกาศแจ้งเตือนภัยอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ ขณะนี้ยังไม่พบสัญญาณว่าพายุรุนแรงจะเคลื่อนเข้าสู่พื้นที่โดยตรง แต่ประชาชนควรติดตามข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสภาพอากาศยังมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

เกณฑ์ปริมาณฝนที่ควรรู้

  1. ฝนเล็กน้อย (Light Rain) ฝนตกมีปริมาณตั้งแต่ 0.1 มิลลิเมตร ถึง 10.0 มิลลิเมตร
  2. ฝนปานกลาง (Moderate Rain) ฝนตกมีปริมาณตั้งแต่ 10.1 มิลลิเมตร ถึง 35.0 มิลลิเมตร
  3. ฝนหนัก (Heavy Rain) ฝนตกมีปริมาณตั้งแต่ 35.1 มิลลิเมตร ถึง 90.0 มิลลิเมตร
  4. ฝนหนักมาก (Very Heavy Rain) ฝนตกมีปริมาณตั้งแต่ 90.1 มิลลิเมตร ขึ้นไป

แบบจำลองพยากรณ์อากาศ

สำหรับคำกล่าวอ้างที่ว่าใช้แบบจำลองพยากรณ์จากศูนย์ ECMWF หรือ ศูนย์พยากรณ์อากาศระยะกลางแห่งยุโรป (European Centre for Medium-Range Weather Forecasts – ECMWF) ซึ่งเป็นหนึ่งในแบบจำลองที่มีความน่าเชื่อถือสูงที่สุดในระดับโลก

ทางโฆษกฯ ขอย้ำว่า การพยากรณ์อากาศจำเป็นต้องติดตามการอัปเดตข้อมูลเป็นระยะ เนื่องจากสภาพอากาศมีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แม้แบบจำลองจะมีความแม่นยำสูง แต่ก็ไม่สามารถฟันธงล่วงหน้าได้ 100% ทั้งนี้ ประชาชนควร ติดตามข้อมูลจากแหล่งทางการ เช่น เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา หรือ Facebook กรมอุตุนิยมวิทยาเพื่อรับข้อมูลที่ถูกต้อง ทันสถานการณ์ และมีการวิเคราะห์จากนักอุตุนิยมวิทยาโดยตรง

ส่วนความคืบหน้าล่าสุด จากประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา

เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 23-27 พฤษภาคม 2568) ฉบับที่ 3 (123/2568) ดังนี้

ในช่วงวันที่ 23-27 พฤษภาคม 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับจะมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทยตอนบนและภาคใต้ตอนบน จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก มีดังนี้

ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม 

 

กระบวนการตรวจสอบ

ตรวจสอบและรับการยืนยันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับการยืนยันจากกรมอุตุนิยมวิทยา

 

ผลกระทบจากการได้รับข้อมูลเท็จ

1. สร้างความตื่นตระหนกโดยไม่จำเป็น
2.สร้างความเข้าใจผิดในข้อมูล
2. กระทบต่อความเชื่อมั่นในหน่วยงานทางการ
4. ทำให้แหล่งข้อมูลเท็จได้รับความน่าเชื่อถือ

ข้อแนะนำเมื่อได้ข้อมูลเท็จนี้ ?

  1. ตรวจสอบข้อมูลกับแหล่งข้อมูลทางการ
    เช่น กรมอุตุนิยมวิทยา
  2. ดูบริบทของการพยากรณ์
    แบบจำลอง (model) เช่น ECMWF หรือ GFS มีการอัปเดตบ่อย และมักใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ของนักอุตุนิยมวิทยา