ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

กอดคอพรรคร่วมเดินหน้าต่อ 5 มรสุมลูกใหญ่เป็นเดิมพันประเทศ

การเมือง
13:54
103
กอดคอพรรคร่วมเดินหน้าต่อ 5 มรสุมลูกใหญ่เป็นเดิมพันประเทศ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
การพบปะหารือและถ่ายภาพ ร่วมกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ที่โรงแรมโรสวูด และส่วนหนึ่งถูกโพสต์ขึ้นสื่อโซเชียล ของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป้าหมายสำคัญ

คือหวังโชว์ความพร้อมเพรียงของพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อเดินหน้าไปต่อ ย่อมมีเสียงสนับสนุนจากแฟนคลับรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ที่อยากเห็นเดินหน้าฝ่าวิกฤติ แต่สำหรับกูรูการเมืองและประชาชนอีกส่วนหนึ่ง อาจมีความเห็นและรู้สึกแตกต่างกัน ด้วยเห็นว่า รัฐบาลกำลังเจอกับมรสุมใหญ่หลายลูกทั้งภายในและภายนอกประเทศในเวลาเดียวกัน แล้วจะ “เอาอยู่” หรือเปล่า

เพราะแต่ละเรื่องล้วนท้าทายสำหรับมือใหม่หัดขับ และจะส่งผลถึงความอยู่รอดของรัฐบาลโดยตรง ทั้งมรสุมใหญ่ 5 ลูกสำคัญ

เรื่องแรก การปฏิเสธข้อเสนอของหลายภาคส่วนให้ยุบสภา หรือให้นายกฯ ลาออก แต่ดึงดันเดินหน้าโดยปรับ ครม.แทน แต่การขาดเสียงจากพรรคภูมิใจไทย และอีก 2 พรรคใหญ่

ฝ่ายค้าน พรรคประชาชนให้ยุบสภาฯ และพรรคพลังประชารัฐ ให้นายกฯ ลาออก ทำให้แม้จะได้เสียง สส.พรรคไทยสร้างไทย 5-6 เสียง แต่จำนวนยังปริ่มน้ำ ไม่ต่างจากสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังเลือกตั้งปี 2562

ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ อยู่ในสภาพพรรคอกแตก แบ่งเป็น 2 ฝ่าย และวันก่อน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ที่มีเสียง สส.สนับสนุน 18 เสียง เพิ่งแสดงจุดยืนให้พรรคเพื่อไทยเปลี่ยนตัวนายกฯ เป็นนายชัยเกษม นิติศิริ อยู่หมาดๆ

แต่เมื่อวันอาทิตย์ ที่มีนัดหารือพรรคร่วม นายพีระพันธุ์ โผล่ไปร่วมด้วย และประกาศหนุน น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ ต่อ จึงโดนวิพากษ์จากนักสังเกตการณ์ทางการเมือง เรื่องจุดยืนที่เปลี่ยนไปมา เพราะจะมีผลต่อความน่าเชื่อถือสำหรับประชาชนด้วย

เรื่องที่ 2 กรณีถูกประธานวุฒิสภา นายมงคล สุระสัจจะ และ สว.36 คน ยื่นเรื่องต่อทั้งศาลรัฐธรรมนูญ ให้ศาลวินิจฉัยว่า ความเป็นนายกฯ ของ น.ส.แพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่ และยื่นต่อ ป.ป.ช. ไต่สวนปมฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง และมีพฤติการณ์ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และยังเรียกร้องให้ศาล สั่งยุติการทำหน้าที่นายกฯ ไว้ก่อน เมื่อศาลรับคำร้องไว้วินิจฉัย

นี่เป็นนิติสงครามของแท้ที่นายกฯ ต้องเผชิญ เพราะเป็นการถูกยื่นสอยจากเก้าอี้นายกฯ ไม่ต่างจากกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ปมตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี

เป็นการยื่นโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ จึงจะใช้เวลาดำเนินการไม่นาน และหากรับไว้พิจารณา น.ส.แพทองธารก็ต้องลุ้นว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อนชั่วคราวเหมือนพล.อ.ประยุทธ์ ปมเป็นนายกฯ ครบ 8 ปี หรืออาจไม่สั่งให้ยุติการทำหน้าที่ เหมือนกรณีนายเศรษฐา

เรื่องนิติสงคราม ยังไม่นับกรณีนายสมชาย แสวงการ อดีต สว.และพวก แจ้งความดำเนินคดี กับ น.ส.แพทองธาร ที่ บช.ก. กรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน เช่นกัน เข้าข่ายผิดความมั่นคงแห่งรัฐ

เรื่องที่ 3 ต้องเผชิญความท้าทายจากการนัดรวมพลชุมนุมใหญ่ ของกลุ่มพลังแผ่นดิน ที่เป็นการรวบตัวของกลุ่มพันธมิตรเดิมของนายสนธิ ลิ้มทองกุล กลุ่ม กปปส. กลุ่มหลอมรวมประชาชน ของนายจตุพร พรหมพันธ์ กลุ่มคปท.

และล่าสุด มีประกาศเข้าร่วมด้วยของนักศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง นำโดยองค์การนักศึกษา (อศ.มร.) และระบุว่า จะนัดหมายนักศึกษาทุกมหาวิทยาลัย เข้าร่วมด้วย ในวันที่ 28 มิ.ย.บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

แม้ที่ผ่านมา จะมีคำปรามาส “ม็อบจุดไม่ติด” แต่ครั้งนี้ บริบทและปัจจัยกระตุ้นอาจเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยเฉพาะกระแสความไม่พอใจของผู้คน ทั้งต่อนายกฯที่ พูดพาดพิงแม่ทัพภาค 2 ในการสนทนากับสมเด็จฮุน เซน และต่อพรรคร่วมรัฐบาล

เรื่องที่ 4 คือ การเดินเกมเล่นการเมืองระหว่างประเทศของกัมพูชา นำโดยสมเด็จฮุน เซน หลังจากเปิดคลิปเสียงถล่มนายกฯ ไทย จนกลายเป็นปมร้อนทัวร์ลงกระหน่ำ ตามด้วยคลิปคำสั่งไล่ล่าศัตรูทางการเมือง ที่หนีภัยเข้าประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย มีเปิดคลิป “เตียงนอนสีชมพู” นัยเคยช่วยเหลืออดีตนายกฯ ของไทย 2 คน เมื่อครั้งตกทุกข์ได้ยาก

กระทั่งกูรูทางการเมืองหลายคน ส่งสัญญาณเตือนตรงกันว่า อาจจะมีเปิดคลิปหรือข้อมูลความลับของคนระดับ “บิ๊ก” ของไทย ที่เข้าไปอาศัยบารมีหรือทำธุรกิจในกัมพูชา ซึ่งจะสะเทือนหลายคน รวมทั้งนายทักษิณและคนในตระกูลชินวัตร ที่เข้าไปทำธุรกิจมากมายในกัมพูชา

โดยเฉพาะด้านกิจการสื่อสารโทรคมนาคม ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากตระกูลของฮุนเซน และอาจจะมีหารือหรือข้อตกลงอะไรหรือไม่ กับเรื่องก๊าซธรรมชาติทางทะเล ในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา จนถูกตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้นายทักษิณ ถูกมองว่า “เงียบ” ในเรื่องนี้

ขณะที่ “ความเขี้ยว” และประสบการณ์อันโชกโชนของสมเด็จฮุนเซน หาคนทัดเทียมได้ยาก ล่าสุดยังได้ตอบโต้รัฐบาลไทยแบบไม่ลดราวาศอก เรื่องเรียกรักษาการ เอกอัครราชทูตไทยประจำพรมเปญ ไปพบ ให้รับหนังสือทางการทูตแสดงการประท้วงอย่างรุนแรง กรณีนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง ไปยื่นฟ้องสมเด็จฮุน เซน ปมเปิดเผยคลิปเสียงสนทนาว่า เป็นประเด็นการเมือง

เรื่องที่ 5 ปัญหาการเจรจาเรื่องกำแพงภาษีของประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ เพราะที่ผ่านมา ฝ่ายไทยแทบยังไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย แม้แต่วันนัดหมาย ซึ่งหากการเจรจาไม่เสร็จสิ้นภายใน 90 วันที่ทรัมป์ขยายเวลาให้ จะครบในวันที่ 8 ก.ค.จะส่งผลต่อสินค้าส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ และกระทบแรงงานในกิจการนั้น ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย

เพียงมรสุมใหญ่ 5 เรื่อง ยังไม่นับเรื่องแก้ปัญหาเศรษฐกิจ จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงต่อเนื่อง จะส่งผลกระทบต่อการเดินหน้าต่อของรัฐบาลน.ส.แพทองธาร ½ อย่างไม่ต้องสงสัย การกอดคอเดินหน้า “ลุยไฟ” ต่อโดยไม่สนใจอะไรของพรรคร่วมฯ

แทนที่จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่กลับอาจจะทำให้ทุกอย่าง พลิกผันและแย่ลง ถึงขั้นไปต่อไม่ได้เช่นกัน

วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส

อ่านข่าว : ย้อนรอยนมโรงเรียน 33 ปี ชิงสิทธิ งบฯ หมื่นล้าน

"เขมร" ปิดด่าน คนกัมพูชาเดือดร้อน จากศรีสะเกษต้องไปข้ามกลับที่ช่องจอม

“คลัง” ถก เอกชน เตรียมยกระดับการค้าชายแดน “ไทย-กัมพูชา”