"การบวช" ในพระพุทธศาสนาเป็นประเพณีที่หยั่งรากลึกในวัฒนธรรมไทยมานานนับพันปี เป็นมากกว่าพิธีกรรมทางศาสนา แต่เป็นการเปลี่ยนผ่านชีวิตจากความเป็นฆราวาสสู่หนทางแห่งความบริสุทธิ์และการหลุดพ้นจากกิเลส คำว่า "การบวช" ในภาษาบาลีแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลัก ได้แก่
- การบรรพชา (ปพฺพชฺชา) หมายถึงการบวชเป็นสามเณร อันเป็นการละทิ้งความชั่วและเริ่มต้นฝึกฝนตนเอง
- การอุปสมบท (อุปสมฺปทา) เป็นการบวชเป็นพระภิกษุที่มีศีล 227 ข้อ เพื่อมุ่งสู่การปฏิบัติธรรมอย่างเต็มรูปแบบ
การบวชจึงเปรียบเสมือนการทิ้งวิถีชีวิตเดิม เพื่อก้าวสู่หนทางใหม่ที่มุ่งเน้นการขัดเกลาจิตใจและการรักษาศีล
ในสมัยพุทธกาล การบวชมีถึง 8 รูปแบบ ตั้งแต่การที่พระพุทธเจ้าทรงประทานการอุปสมบทให้แก่พระสาวก เช่น พระอัญญาโกณฑัญญะ ซึ่งเป็นการสืบทอดศาสนทายาทในระยะแรกโดยตรง ต่อมา พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้พระสาวกสามารถบรรพชาและอุปสมบทกุลบุตรได้เอง ทำให้การสืบทอดศาสนามีความเป็นระบบมากขึ้น การบวชในยุคนั้นมุ่งเน้นการเรียนรู้พระธรรมวินัยอย่างลึกซึ้ง เรียกว่า "การบวชเรียน" ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการรักษาพระพุทธศาสนาให้คงอยู่
ความสำคัญ-เหตุผล "การบวช" ในสังคมไทย
ในสังคมไทย การบวชไม่เพียงเป็นการปฏิบัติศาสนกิจ แต่ยังมีความหมายทางวัฒนธรรมและสังคมอย่างลึกซึ้ง เหตุผลที่คนไทยนิยมบวชมีหลากหลาย ดังนี้
- ทดแทนบุญคุณบิดามารดา
คนไทยเชื่อว่าการบวชเป็นบุญใหญ่ที่ช่วยให้พ่อแม่ สมาชิกครอบครัว ได้เกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์ ซึ่งเป็นการแสดงความกตัญญูต่อผู้ให้กำเนิด การบวชเพื่อทดแทนคุณถือเป็นประเพณีที่ฝังรากลึกในสังคมไทย โดยเฉพาะในช่วงวัยหนุ่มที่มักบวชก่อนแต่งงานหรือเริ่มต้นชีวิตการทำงาน

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
- สร้างบุญกุศล-หักล้างบาป
มีความเชื่อของสังคมไทยว่า การบวชเป็นการสร้างบุญใหญ่ที่ช่วยชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ ลดวิบากกรรมจากหนักให้เป็นเบา หรือจากเบาให้หายไป ผู้บวชที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมสามารถสะสมบุญเพื่อส่งผลดีในชาติปัจจุบันและชาติหน้า
- ศึกษาพระธรรมวินัย
การบวชเปิดโอกาสให้ผู้บวชได้เรียนรู้คำสอนของพระพุทธเจ้าในเชิงลึก ทั้งในด้านศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาตนเองและช่วยเหลือผู้อื่น
- ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม
ในอดีต การบวชเป็นช่องทางให้บุคคลจากทุกชนชั้นมีโอกาสยกระดับสถานะทางสังคม โดยเฉพาะผู้ที่มาจากครอบครัวยากจนสามารถได้รับการยอมรับผ่านการเป็นพระสงฆ์
- สืบทอดพระพุทธศาสนา
การบวชช่วยรักษาความเจริญของพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืน โดยเฉพาะการบวชเป็นพระภิกษุที่รักษาศีล 227 ข้อ ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามพระวินัยอย่างเคร่งครัด

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
ทำไมต้องบวชช่วงเข้าพรรษา ?
ช่วงเข้าพรรษา ซึ่งตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ในปีนี้ตรงกับวันที่ 11 ก.ค.2568 เป็นช่วงเวลาพิเศษที่พระภิกษุต้องจำพรรษาอยู่ประจำที่วัดเป็นเวลา 3 เดือนตามพระวินัย เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางที่อาจทำลายพืชผลหรือสัตว์เล็ก ๆ ในช่วงฤดูฝน ด้วยเหตุนี้ การบวชช่วงเข้าพรรษาจึงถือเป็นโอกาสทองสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างบุญกุศลและพัฒนาตนเองอย่างเต็มที่ การบวชในช่วงนี้มีความพิเศษหลายประการ ได้แก่
- สภาพอากาศเหมาะสม ฤดูฝนในประเทศไทยมีอากาศเย็นสบาย ไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป ทำให้เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรมและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
- ครูบาอาจารย์พร้อมสอน พระสงฆ์ผู้เป็นครูบาอาจารย์ส่วนใหญ่จะจำพรรษาอยู่ที่วัด ทำให้พระใหม่มีโอกาสได้รับคำแนะนำและการถ่ายทอดธรรมะอย่างใกล้ชิด
- บรรยากาศคึกคัก ช่วงเข้าพรรษามีผู้บวชจำนวนมาก ทั้งสามเณรและพระภิกษุ สร้างบรรยากาศการเรียนรู้และปฏิบัติธรรมร่วมกันอย่างมีชีวิตชีวา
- ญาติโยมร่วมทำบุญ ในช่วงนี้ ญาติโยมมักมาทำบุญที่วัดบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในวันพระและวันสำคัญ ทำให้พระใหม่มีโอกาสฟังเทศน์ แลกเปลี่ยนความรู้ และสร้างความสัมพันธ์กับชุมชน
ความนิยม "การบวช" พุทธกาลถึงปัจจุบัน
ถึงแม้ว่าการบวชจะมีความสำคัญ แต่ในยุคปัจจุบัน ความนิยมในการบวชลดลงอย่างเห็นได้ชัด ผู้คนมักเลือกบวชในระยะเวลาสั้น ๆ เช่น 3, 7, 15 วัน หรือ 1 เดือน เนื่องจากข้อจำกัดทางเศรษฐกิจและสังคม เช่น ความรับผิดชอบในการทำงาน การเลี้ยงดูครอบครัว และภาระทางการเงิน
นอกจากนี้ ข้อมูลจากวารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์ เรื่องการบวชเป็นศาสนทายาทในพุทธศาสนาแบบเถรวาท โดยพระมหาทวี วิสารโท ระบุว่า มีข่าวเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระภิกษุหรือสามเณรบางรูป เช่น การละเมิดศีลหรือการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม ส่งผลให้พุทธศาสนิกชนบางส่วนเสื่อมศรัทธา บางคนมองว่าการบวชเป็นการเอาเปรียบสังคม หรือเป็นภาระ เนื่องจากต้องพึ่งพาการถวายปัจจัยจากญาติโยม
อย่างไรก็ตาม ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ลดทอนคุณค่าของการบวชที่ทำด้วยจิตศรัทธา การบวชที่ตั้งใจและปฏิบัติตามพระวินัยยังคงเป็นหนทางสำคัญในการสืบทอดพระพุทธศาสนาและพัฒนาจิตใจ

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
ศาสนกิจของสงฆ์
เมื่อบวชเป็นพระภิกษุแล้ว ผู้บวชต้องปฏิบัติตาม กิจวัตร ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติประจำวันเพื่อขัดเกลากิเลสและฝึกฝนตนเองกิจวัตรเหล่านี้รวมถึง
- การลงอุโบสถ การรวมตัวกันของพระสงฆ์ในวันพระเพื่อสวดปาฏิโมกข์และพิจารณาศีล
- การบิณฑบาต รับอาหารจากญาติโยมเพื่อฝึกความถ่อมตนและความพอเพียง
- การสวดมนต์เช้า-เย็น เพื่อเจริญสติและระลึกถึงพระธรรม
- การปัดกวาดอาวาส ทำความสะอาดวัดเพื่อฝึกความรับผิดชอบและความเป็นระเบียบ
- การรักษาผ้าครอง ดูแลผ้าไตรจีวรให้สะอาดและเรียบร้อยตามพระวินัย
- การพิจารณาปัจจัย 4 ไตร่ตรองถึงความจำเป็นของอาหาร ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค และเครื่องนุ่งห่ม เพื่อลดความยึดติด
- การปรนนิบัติพระอาจารย์ เพื่อแสดงความเคารพและเรียนรู้
- การปลงอาบัติ สารภาพและแก้ไขข้อผิดพลาดตามพระวินัย
นอกจากนี้ พระภิกษุต้องรักษา สิกขาบท 227 ข้อ ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติที่พระพุทธเจ้าบัญญัติเพื่อความเรียบร้อยของคณะสงฆ์ เช่น การงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การพูดเท็จ และการประพฤติผิดในกาม
ถ้าจะบวชต้องเตรียมตัว-ค่าใช้จ่ายอย่างไร
- กำหนดวันและฤกษ์ เลือกวันที่เหมาะสม โดยมักเลือกช่วงเข้าพรรษาหรือวันสำคัญทางศาสนา
- ติดต่อวัดและพระอุปัชฌาย์ เพื่อขอคำแนะนำและกำหนดพระอุปัชฌาย์ที่เป็นผู้บวชให้
- ฝึกท่องบทสวด "คำขานนาค" ซึ่งเป็นบทสวดในพิธีอุปสมบท
- จัดเตรียมสถานที่และปัจจัย รวมถึงอาหารสำหรับเลี้ยงพระและแขก เครื่องบวช เช่น ผ้าไตรจีวร และของใช้จำเป็น
- พิธีการ เริ่มด้วยการปลงผมนาค ขอขมาบิดามารดา และดำเนินพิธีอุปสมบทในโบสถ์
- ค่าใช้จ่ายในการบวชขึ้นอยู่กับขนาดของงาน โดยเฉลี่ย
- พิธีปลงผม 1,000-2,000 บาท
- พิธีอุปสมบทและเลี้ยงเพลพระ 5,000-10,000 บาท
- เหรียญโปรยทาน 500-1,000 บาท
- นางรำหรือแตรวง 5,000-10,000 บาท
- ชุดเครื่องบวช 3,000-15,000 บาท

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
อานิสงส์ "การบวช"
การบวชในพระพุทธศาสนาถือเป็นมหากุศลที่ให้ผลบุญยาวนานถึง 64 กัป หากผู้บวชและผู้สนับสนุนไม่เคยทำอนันตริยกรรม หรือ กรรมหนัก เช่น ฆ่าพ่อแม่ หรือทำให้สงฆ์แตกแยก อานิสงส์ที่สำคัญ ได้แก่
- ยกระดับสถานะจากฆราวาสกลายเป็นส่วนหนึ่งของพระรัตนตรัยที่ได้รับการเคารพจากมนุษย์และเทวา
- ศึกษาธรรมะ ได้เรียนรู้คำสอนของพระพุทธเจ้าเพื่อพัฒนาตนเองและช่วยเหลือผู้อื่น
- มีโอกาสบรรลุธรรมในระดับต่างๆ จนถึงมรรค ผล นิพพาน
- สะสมบุญกุศล แม้ไม่บรรลุธรรมในชาตินี้ บุญจากการบวชจะเป็นรากฐานสู่การบรรลุธรรมในชาติหน้า
- ตัดรอนวิบากกรรม ช่วยลดกรรมหนักให้เบาลง หรือทำให้หายไป
- ส่งเสริมความก้าวหน้า บุญจากการบวชช่วยสนับสนุนความเจริญในหน้าที่การงานและชีวิต
- ปิดอบายภูมิ เปิดทางสู่สุคติภูมิให้ตนเองและบิดามารดา
- สืบทอดพระพุทธศาสนา ช่วยให้ศาสนาคงอยู่และสร้างความสามัคคีในพุทธบริษัท
การบวชในพระพุทธศาสนาเป็นมากกว่าพิธีกรรม แต่เป็นการปฏิบัติตนเพื่อความบริสุทธิ์และการสืบทอดคำสอนของพระพุทธเจ้า แม้ว่าความนิยมการบวชในยุคสมัยใหม่จะลดลงจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคม แต่คุณค่าทางจิตวิญญาณและอานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่ยังคงเป็นแรงจูงใจสำคัญ การบวชช่วงเข้าพรรษาเป็นโอกาสทองที่มอบทั้งบุญกุศลและโอกาสในการพัฒนาตนเองอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะบวชเพื่อทดแทนคุณพ่อแม่ สร้างบุญ หรือรักษาศาสนา
การบวชคือหนทางที่นำไปสู่ความเจริญทั้งในชาตินี้และชาติหน้า สาธุ

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
แหล่งที่มา : วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์ ปีที่ 6 ฉบับที่ 1 มกราคม-มีนาคม 2560, บทความวิจัย การส่งเสริมการปฏิบัติกิจวัตรของพระสงฆ์ไทยในยุค 4.0, งานบวช พิธีกรรมเคียงคู่คนไทยพุทธศาสนา, ประโยชน์ของการบรรพชาและอุปสมบท, บวชในช่วงเข้าพรรษา ดีอย่างไร