วันนี้ (25 ส.ค.2568) นายเสริมวิทย์ พ่อของ นายอลงกต (ผู้เสียชีวิต) เปิดเผยกรณีพบชื่อและเลขบัตรประชาชนในใบสุทธิของ "หลวงพ่ออลงกต" ตรงกับลูกชายของตัวเอง โดยยืนยันว่าไม่รู้จักหลวงพ่ออลงกตเป็นการส่วนตัว แต่เคยได้ยินลูกชายมาเล่าให้ฟังว่า มีรุ่นพี่มาบอกว่าอยากใช้ชื่อนามสกุลเดียวกับลูกชาย แต่ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนานแล้ว ส่วนตัวก็ไม่ทราบว่าบุคคลที่พูดนั้นเป็นใคร ซึ่งที่ผ่านมาลูกชายไม่เคยมาเล่าหรือปรึกษาปัญหาอะไรให้ฟัง
ส่วนนายเฉลิมพลซึ่งทำงานอยู่ในมูลนิธิของวัดพระบาทน้ำพุนั้น ยอมรับว่าตัวเองรู้จักเพราะเป็นเครือญาติกันแต่ไม่ทราบว่านายเฉลิมพลเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ในมูลนิธิธรรมรักษ์ ของวัดพระบาทน้ำพุ รู้เพียงว่าทำงานให้หลวงพ่ออลงกต ส่วนเรื่องเลขบัตรประชาชนของลูกชายที่มีการไปเปิดบัญชีของวัดนั้น ตัวเองก็ไม่ทราบมาก่อน และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่ารู้สึกตกใจ แต่ก็ยังไม่ได้ดำเนินการทางคดีอะไร โดยอยู่ระหว่างพูดคุยว่าอาจจะมีการดำเนินการเรื่องการสวมสิทธิ์ใช้ บัตรประชาชนของลูกชาย
ด้านนายประยุทธ ประเทศเสนา รองประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาการที่บุคคจะใช้ชื่อของผู้อื่นหรือสวมสิทธิ์บัตรประชาชนของผู้อื่น มีอยู่ 3 กรณี คือ 1. เป็นผู้ต้องหากระทำความผิดที่อยู่ระหว่างหนี 2. เป็นบุคคลต่างด้าว 3. เป็นผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับคดีคอลเซนเตอร์ ซึ่งกรณีพระอลงกต เมื่อวิเคราะห์จากชื่อฉายาทางธรรมของเจ้าตัว น่าจะเกิดในวันเสาร์ ช่วงปี พ.ศ. 2503 ส่วนสาเหตุที่ต้องมีการใช้ชื่อผู้ตาย น่าจะมาจากความชอบส่วนตัว โดยประเด็นสำคัญคือการนำเลขบัตรประชาชน 13 หลักไปใช้ผู้กับบัญชีพร้อมเพย์ ว่า มีการนำไปใช้เพื่อหาประโยชน์ส่วนตัวหรือไม่ แต่จากการวิเคราะห์ส่วนตัวมองว่า พฤติกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้นยังไม่ใช่ความผิดที่ถึงขั้นปาราชิก
อ่านข่าว : ทอ.ตั้งชื่อ "PEACE BURAPHA" โครงการจัดซื้อ Gripen E/F ฝูงใหม่