ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ศบ.ทก.เผย เริ่มจ่ายเงินเยียวยาประชาชน "อุบลราชธานี" จังหวัดแรก 26 ส.ค.

การเมือง
20:00
150
ศบ.ทก.เผย เริ่มจ่ายเงินเยียวยาประชาชน "อุบลราชธานี" จังหวัดแรก 26 ส.ค.
ศบ.ทก.เผย สำนักปลัดฯ สำนักงานนายกฯ จ่ายเงินเยียวยาประชาชน "อุบลราชธานี"​​ จังหวัดแรกพรุ่งนี้ (26 ส.ค.) พร้อมขออภัยเยียวยาล่าช้า ชี้กัมพูชายังละเมิดข้อตกลงหยุดยิง หลังพบ BHQ รอบวางทุ่นระเบิด ระบุ กองทัพ-รัฐบาลพร้อมดูแลความมั่นคง

วันนี้ (25 ส.ค.2568) พล.ร.ต.สุรสันต์​ คงสิริ​ โฆษกกระทรวงกลาโหม​ ในฐานะโฆษก​ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา​ (ศบ.ทก.)​ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุม ​​ศบ.ทก.​ ประจำวันจันทร์ที่​ 25 ส.ค. 2568

พล.ร.ต.สุรสันต์​ กล่าวว่า​ สถานการณ์บริเวณชายแดนในช่วงที่ผ่านมาถือว่าทั้งสองฝ่ายยังตรึงกำลังในฐานที่ตั้งไม่ปรากฏการเคลื่อนไหวของกำลังที่สำคัญ อยู่ในช่วงเวลาดังกล่าวมีการตรวจพบการลักลอบวางทุ่นระเบิดของทหารหน่วย BHQ​ ของกัมพูชา ในพื้นที่อธิปไตยของไทย แม้ว่าฝ่ายไทยจะได้ผลักดันกลับไปแล้ว​ แต่ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าทางฝ่ายกัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของ GBC อย่างต่อเนื่อง​ โดยฝ่ายไทยยังคงดำรงการเข้าตรวจและระวังป้องกันกำลังของฝ่ายไทยเช่นกัน

ขณะเดียวกันในช่วงเช้าวันนี้ มีการจัดการประชุม RBC วาระ 1 โดยกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และภูมิภาคทหารที่ 5 ของกองทัพบกกัมพูชาจัดให้มีการประชุมความร่วมมือส่วนภูมิภาคสมัยวิสามัญ ณ​ ด่านชายแดนถาวรบ้านผักกาด​ อ.โป่งน้ำร้อน​ จ.จันทบุรี โดยมีการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันซึ่งจากผลการประชุมทั้งสองฝ่ายเห็นชอบปฏิบัติตามข้อตกลง 13 ข้อของการประชุม GBC เมื่อ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา​ และได้มีประเด็นทั้งสองฝ่ายเสนอความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและการปราบปรามสแกมเมอร์หรือขบวนการ​คอลเซนเตอร์ โดยฝ่ายไทยยังเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาแสดงความจริงใจในการร่วมกันผลักดันภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่ยังคงตกค้างอยู่ในพื้นที่ ตลอดจนเรื่องของการปราบปรามเครือข่ายสแกมเมอร์หรือขบวนคอลเซนเตอร์ตามแนวชายแดน ซึ่งต้องรอทางฝ่ายกัมพูชาตัดสินใจและแสดงความจริงใจ

ขณะเดียวกัน ศบ.ทก.ขอบคุณประชาชนชาวไทยทุกคนที่ได้ส่งกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ทหาร​ ตำรวจ​ พลเรือน​ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ทุกนายในการดำรงรักษาที่มั่นอธิปไตยของชาติตามข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2568 ซึ่งหนึ่งในสัญลักษณ์ของการแสดงออกถึงอธิปไตยของไทยคือการเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดเสาซึ่งฝ่ายไทยโดยกองกำลังสุรนารีโครงสร้างเสาธงสแตนเลสถาวรโดยชุดทหารช่างจากกองพันทหารช่างที่ 6 กองพลทหารราบที่ 6 และกองพลทหารราบที่ 11 ร่วมกันสร้างขึ้นโดยใช้ระยะเวลาถึง 3 วัน 3 คืน ท่ามกลางสายฝนบนยอดภูมะเขือเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญและไทยสามารถรักษาที่มั่นดังกล่าวได้อย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์โดยได้เกิดปรากฏการณ์ที่คนไทยเรามีความเชื่อศรัทธาคือพระอาทิตย์ทรงกลด​ ในระหว่างการปฏิบัติการก่อนที่จะมีพิธีอัญเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดเสาเมื่อ 23 ส.ค. 2568

ขณะเดียวกันกองบัญชาการกองทัพไทย​ โดยหน่วยพัฒนาเคลื่อนที่ที่ 53 ได้ปรับปรุงเส้นทางยุทธวิธีของการปฏิบัติงานกองกำลังสุรนารี​ พื้นที่ภูมะเขือและซำแต อ.กันทรลักษ์​ จ.ศรีสะเกษ โดยหน่วยได้จัดกำลังพลชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็วจำนวน 10 นาย​ พร้อมยุทโธปกรณ์เข้าดำเนินการขนย้ายสิ่งของและรื้อถอนร้านสะดวกซื้อสาขาสถานีบริการน้ำมันบ้านผือ​ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะตามแนวชายแดนเมื่อ 24 ก.ค.​ จากจรวด BM 21 โจมตี

พร้อมเน้นย้ำว่าทางกองทัพไทยและรัฐบาลพร้อมดูแลความมั่นคงของชาติและยืนเคียงข้างประชาชนในทุกสถานการณ์โดยพร้อมเข้าช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนและฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเพื่อให้ชุมชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยปกติโดยเร็วที่สุด

เริ่มจ่ายเงินเยียวยา จ.อุบลราชธานี 26 ส.ค. ต่อด้วยบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ

ขณะที่การเยียวยาประชาชน​ สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้แจ้งความคืบหน้าในที่ประชุม ศบ.ทก.​มีการสั่งจ่ายเงินเยียวยาช่วยเหลือประชาชนไปแล้ว โดยในวันพรุ่งนี้ 26 ส.ค. ทางสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจะนำงบประมาณสั่งจ่ายไปยังพื้นที่ใน จ.อุบลราชธานี เป็นจังหวัดแรก​ ที่จะได้รับเงิน ต่อจากนั้นเป็น จ.บุรีรัมย์​ สุรินทร์​ และศรีสะเกษจะทยอยรับตามลำดับไป ซึ่งขึ้นอยู่บนหลักฐานและเอกสารต่างๆของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ​ หากสามารถยื่นเอกสารได้อย่างครบถ้วนเงินก็จะถึงได้อย่างเร็วขึ้น

โดยสำนักปลัดฯ​ ยืนยันว่าได้เล็งเห็นถึงปัญหาข้อขัดข้องและความล่าช้าในการสั่งจ่ายงบประมาณออกไปถึงประชาชน ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขให้กระบวนการสั่งจ่ายมีความรวดเร็วเพิ่มมากยิ่งขึ้นจึงต้องขออภัยประชาชน

ขณะที่กันความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ในช่วงเวลาที่ผ่านมามีการตรวจพบการเข้ามาโจมตีระบบทางไซเบอร์ ทั้งระบบคอมพิวเตอร์ต่างๆ และมีการแฮกข้อมูล ซึ่งไม่ได้นิ่งนอนใจ​ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ได้ดำเนินการเฝ้าระวังและตรวจสอบภัยคุกคามทางไซเบอร์ตลอด 24 ชั่วโมง​ ทุกวัน กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเหตุการณ์ติดตามสถานการณ์และความเสียหายที่เกิดขึ้นและจะร่วมกับทาง ศบ.ทก.​กำหนดมาตรการที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินการระหว่างประเทศต่อไป​ บนข้อมูลที่มีหลักฐานชัดเจน หากตรวจพบเหตุการณ์ภัยคุกคามทางไซเบอร์ สามารถแจ้งศูนย์ประสานการรักษาระบบคอมพิวเตอร์แห่งชาติ​ (Thai Search)

รมว.ต่างประเทศ บินเจนีวา 26–28 ส.ค.  

ด้านนายนิกรเดช กล่าวว่า นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ จะเดินทางไปเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ระหว่าง วันที่ 26-28 ส.ค. ซึ่งครั้งนี้เป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงต่อประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการกระทำที่กัมพูชาวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในเขตอธิปไตยของไทย จนเกิดเหตุการณ์ทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากระเบิดแล้วหลายครั้ง ซึ่งขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศและเป็นการละเมิด อนุสัญญาออตตาวาอย่างร้ายแรง

โดย รมว.ต่างประเทศ จะเข้าพบกับหน่วยงานสำคัญ ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นทุ่นระเบิด รวมถึงคณะกรรมการอนุสัญญาออตตาวา เรายืนยันด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์และให้เห็นว่าไทยยึดมั่นในความเปิดเผยอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายโน้มน้าวให้กัมพูชาปฏิบัติตามพันธกรณีอย่างจริงจังและร่วมมือกับไทยในการเก็บกู้ระเบิดตามแนวชายแดน ทั้งนี้ไทยยังคงยืนหยัดดำเนินการเชิงรุกโดยพร้อมให้ความร่วมมือกับกลไกสากลทุกขั้นตอนเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจและจริงใจว่าไทยไม่มีสิ่งใดต้องปกปิด

นอกจากนี้ รมว.ต่างประเทศ ยังมีกำหนดเข้าพบสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชน เพื่อย้ำว่าการดำเนินการทั้งหมดของไทยตั้งอยู่บนพื้นฐานสิทธิมนุษยชนและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (IHL) ซึ่งขอใช้โอกาสนี้แสดงถึงการกระทำของกัมพูชาที่ขัด ต่อหลัก จริยธรรมไม่ว่าจะเป็นการโจมตีเป้าหมาย พลเรือน โดยการนำเด็ก มาใช้ในคลิปวีดีโอ รวมถึงการเปิดการใช้พื้นที่ชุมชนในฐานที่มั่นทางทหาร หรือนำคนชรา ให้ออกมาเป็นด่านหน้าซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่คำนึงถึงหลักมนุษยธรรมและขัดต่อกติกาสากลอย่างสิ้นเชิง

นายนิกรเดช​ ย้ำว่า​ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ต้องได้รับความคุ้มครองสูงสุด ประเทศไทยจะยังคงร่วมมือกับประชาคมโลกอย่างใกล้ชิดเพื่อให้กัมพูชาปฏิบัติตามพันธะกรณีของอนุสัญญาออตตาวาและหลักการสากลเฉพาะโดยกฎหมาย มนุษยธรรมระหว่างประเทศและหลักสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจัง

ขณะที่น.อ.กฤษณัส กาญจนกุล ผู้ช่วยเลขานุการ คณะทำงานบูรณาการระบบอากาศยานไร้คนขับ และระบบต่อต้านอากาศยานไร้คนขับกองทัพอากาศ ชี้แจง แนวปฏิบัติเมื่อตรวจพบโดรนในพื้นที่ต่างๆ กองทัพอากาศได้มีการกำหนดห้ามบินโดนในพื้นที่สำคัญ ที่ตั้งทางทหาร และหน่วยงานราชการ ตลอดจนพื้นที่ตามแนวชายแดน โดยทุกพื้นที่ที่บินโดรน จะต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงาน การบินพลเรือน โดยต้องมีการลงทะเบียน และบินได้เฉพาะกลางวันเท่านั้น

ขณะเดียวกันหน่วยงานด้านความมั่นคงทั้งหมดได้บูรณาการการต่อต้านโดรน และสกัดกั้น รวมถึงการทำลาย และมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร โดยร่วมมือกับทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง ทั้งนี้หากพบการใช้งานโรนที่เข้าข่ายผิดกฎหมายสามารถแจ้ง วันเวลา สถานที่พบเห็น และภาพถ่ายหรือวิดีโอคลิป ไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยเร็ว

อ่านข่าว : ทอ.ตั้งชื่อ "PEACE BURAPHA" โครงการจัดซื้อ Gripen E/F ฝูงใหม่

"มนพร" เผยเร่งผลักดัน กม. 3 ฉบับ เดินหน้ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย

แบงก์ยืนยัน "พระอลงกต" ใช้ใบสุทธิ-เลข 13 หลักคนตายเปิดบัญชี