ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

จาก "ผู้ให้" สู่ "ผู้บีบ" เกาหลีใต้ระงับงบช่วยเหลือกัมพูชา ปมแก๊งสแกมเมอร์

สังคม
12:23
320
จาก "ผู้ให้" สู่ "ผู้บีบ" เกาหลีใต้ระงับงบช่วยเหลือกัมพูชา ปมแก๊งสแกมเมอร์
ความสัมพันธ์ "เกาหลีใต้–กัมพูชา" กำลังเผชิญจุดเปลี่ยนสำคัญ หลัง "เกาหลีเทา" ที่ปักหลักในกัมพูชาก่ออาชญากรรมเพิ่มสูง จน รบ.เกาหลีใต้ ต้องตอบโต้ด้วยการระงับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและออกคำเตือนพลเมือง ผู้เชี่ยวชาญหวั่นปัญหาบานปลายเป็นวิกฤตการทูตระดับภูมิภาค

ดร.ไพบูลย์ ปีตะเสน ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีศึกษา และอดีตประธานศูนย์เกาหลีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิเคราะห์ถึงความสัมพันธ์ระหว่าง "เกาหลีใต้–กัมพูชา" ที่ซับซ้อนและเปราะบาง โดยเฉพาะประเด็น "แก๊งสแกมเมอร์" ที่มีทั้งชาวเกาหลี และ กัมพูชา กลายเป็นปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติครั้งใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สัมพันธ์ที่ผ่านพ้นสงคราม สู่พันธสัญญา ODA

การที่เกาหลีใต้เปิดศึกกดดันรัฐบาลกัมพูชาอย่างรุนแรงในประเด็นแก๊งสแกมเมอร์ที่คุกคามพลเมืองนั้น มีรากฐานมาจากความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการทูตที่มีมายาวนาน โดย 2 ประเทศนี้เริ่มต้นความสัมพันธ์ทางการทูตตั้งแต่ปี 1970 ก่อนจะถูกตัดขาดในปี 1975 เนื่องจากอิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์ที่เข้ามาในกัมพูชา และฟื้นฟูความสัมพันธ์อีกครั้งในปี 1997

สิ่งที่ผลักดันให้เกาหลีใต้มีความสัมพันธ์เชิงลึกกับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ พันธสัญญา ODA (Overseas Development Aids) เนื่องจากในอดีตเกาหลีใต้เคยเป็นประเทศที่บอบช้ำจากสงครามและได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกาและสหประชาชาติ (UN) มาโดยตลอด เมื่อเติบโตเป็นประเทศร่ำรวยตั้งแต่ทศวรรษ 1990 เกาหลีใต้จึงจำเป็นต้องพลิกบทบาทจาก "ผู้รับ" เป็น "ผู้ให้" คอยส่งความช่วยเหลือแก่ประเทศที่ด้อยกว่า ตามข้อตกลงที่กำหนดให้ต้องช่วยเหลือประเทศอื่นคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จาก GDP ทุกปี

ในการวางยุทธศาสตร์ ODA นั้น เกาหลีใต้พิจารณาว่ากลุ่มประเทศในอาเซียน โดยเฉพาะ 5 ประเทศที่มีพุทธศาสนา (ไทย ลาว เมียนมา กัมพูชา และเวียดนาม) มีความเหมาะสมที่สุด เนื่องจากความคล้ายคลึงทางศาสนาทำให้ง่ายต่อการสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์

"กัมพูชา" จึงเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับเงินช่วยเหลือมหาศาลจากเกาหลีใต้ โดยเฉพาะในโครงการพื้นฐานต่าง ๆ เช่น โครงการด้านการศึกษา, สาธารณสุข, คมนาคม, พลังงาน, และทรัพยากรน้ำ รวมถึง 11 โครงการที่เกี่ยวข้องกับลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งกำลังเป็นประเด็นทางการเมืองภายในเกาหลีใต้ขณะนี้ นอกจากนี้ เกาหลีใต้ยังมีแรงงานกัมพูชาที่เข้าทำงานอย่างถูกกฎหมายมากถึง 40,000–50,000 คน ซึ่งแรงงานเหล่านี้สามารถสร้างรายได้ให้ตัวเองได้สูงถึง 100,000–120,000 บาท/เดือน ความช่วยเหลือเหล่านี้ทำให้เกาหลีใต้มีอิทธิพลอย่างสูงต่อกัมพูชาในเชิงเศรษฐกิจ

อ่านข่าว : เกาหลีใต้ระงับโครงการช่วยกัมพูชา-จ่อคว่ำบาตรธุรกิจพัวพันอาชญากรรม

ทั้งนี้ ODA (Official Development Assistance) คือความช่วยเหลือทางการพัฒนาต่างประเทศจากรัฐบาลประเทศพัฒนาแล้ว (เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น EU) ไปยังประเทศกำลังพัฒนา ในรูปเงินทุน เทคนิค หรืออื่นๆ เพื่อลดความยากจน ส่งเสริมเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และความยั่งยืน ตามเกณฑ์ OECD ที่กำหนดให้ไม่เกิน 0.7% ของ GNP ผู้บริจาค มุ่งโครงการไม่แสวงกำไร เช่น สร้างโครงสร้างพื้นฐาน สุขภาพ การศึกษา และบรรเทาภัยพิบัติ ในปี 2022 มูลค่ารวม 200 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ช่วยกว่า 150 ประเทศ

จุดแตกหัก โศกนาฏกรรมพลเมือง-เมืองหลวงแห่งอาชญากรรม

ดร.ไพบูลย์อธิบายว่า ปัญหาพลเมืองเกาหลีสูญหายในกัมพูชาเริ่มปรากฏตัวเลขสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ จากการแจ้งความ 21 คนในปี 2023 ตัวเลขได้พุ่งขึ้นกว่า 10 เท่า เป็น 221 คน ในปี 2024 และเพิ่มขึ้นเป็น 330 คน ณ เดือนสิงหาคม ปี 2025

ชนวนสำคัญที่ทำให้รัฐบาลต้องดำเนินการอย่างถึงที่สุดคือ การเสียชีวิตของพลเมืองเกาหลี 2 คน ได้แก่ นักศึกษาวัย 22 ปีที่ถูกทารุณกรรมจนเสียชีวิต และการพบศพหญิงวัย 30 ปี ถูกทิ้งไว้บริเวณชายแดนกัมพูชา รัฐบาลเกาหลีใต้เชื่อว่านี่ไม่ใช่คดีอาชญากรรมทั่วไป แต่เป็นภัยคุกคามที่ต้องตรวจสอบอย่างจริงจัง

ในเกาหลีใต้มักขนานนามกัมพูชาว่า "The City of Crime" หรือ "เมืองหลวงแห่งอาชญากรรม" เนื่องจากเป็น "สวรรค์" สำหรับอาชญากรเกาหลีที่หนีคดี อาชญากรเหล่านี้มักไม่ถูกส่งตัวกลับ ซึ่งรวมถึงคดีทุจริตและการค้ายาเสพติด

"เหยื่อ" ส่วนใหญ่เป็นชาวเกาหลีที่มีความรู้ด้านไอทีและคอมพิวเตอร์ ถูกหลอกด้วยค่าตอบแทนสูงถึง 500,000 บาท/เดือน เมื่อถูกหลอกไปแล้วจะถูกยึดอิสรภาพและบังคับให้ทำงาน เช่น แฮกข้อมูลทางการเงิน หรือบางรายหากใช้งานไม่คุ้มก็จะถูกขายต่อไปยังแก๊งอื่น นอกจากนี้ ยังมีปรากฏการณ์ "เกาหลีสีเทา" ซึ่งเป็นชาวเกาหลีหลายพันคนที่ "เต็มใจ" เข้าร่วมแก๊งสแกมเมอร์ โดยพวกเขาจะใช้ภาษาและวัฒนธรรมเกาหลีในการชักจูงเหยื่อรายใหม่ และไม่ต้องการกลับประเทศ เพราะพวกเขาอยู่ดีกินดีในกัมพูชา

อ่านข่าว : "เกาหลีใต้" เผยพลเมืองไม่กลับจาก "กัมพูชา" ปีละหลายพันคน

เมื่อ "สีแดง" บนธงชาติคือเสถียรภาพของรัฐบาล

การที่เกาหลีใต้ใช้ปฏิบัติการตอบโต้แบบไม่ไว้หน้าใครอย่างรวดเร็วกับกัมพูชานั้น ดร.ไพบูลย์ชี้ว่า มีพื้นฐานทางการเมืองที่แข็งแกร่ง นั่นคือ สำหรับเกาหลีใต้แล้ว "สีแดง" บนธงชาติเท่ากับ "พลเมือง" ดังนั้น ความปลอดภัยของพลเมืองทุกคนจึงเป็นหัวใจหลักและเท่ากับเสถียรภาพของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง

รัฐบาลปัจจุบันภายใต้การนำของ ปธน.อี แจ มยอง จากพรรคเสรีประชาธิปไตย (DP) ซึ่งเพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้เพียง 4 เดือน มีความต้องการสร้างผลงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการถูกบังคับใช้แรงงานในต่างแดน ซึ่งสอดคล้องกับพื้นเพส่วนตัวของประธานาธิบดีที่เคยเป็นเด็กยากจน ต้องทำงานใช้แรงงานตั้งแต่ประถมและถูกเอาเปรียบจากนายจ้าง ทำให้เขามีปมในใจในการต่อสู้เพื่อสิทธิแรงงาน

รัฐบาลจึงแสดงออกถึงเอกภาพทางการเมืองอย่างสูง เนื่องจากพรรค DP คุมเสียงข้างมากในรัฐสภาที่มากถึง 190 ที่นั่งจาก 300 ที่นั่ง ทำให้การออกคำสั่งและการประสานงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว เกาหลีใต้ส่งผู้เชี่ยวชาญระดับสูง คิม จิน-อา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศคนที่ 2 ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและการทูตเชิงปฏิบัติการ เข้าเจรจาโดยตรงกับ นายกฯ ฮุน มาเนต และสามารถนำพลเมืองเกาหลีใต้ 64 คนกลับประเทศได้ทันที

อ่านข่าว : ชาวเกาหลีใต้ 64 คนกลับถึงบ้านเกิด หลังถูกกัมพูชาคุมตัวฐานต้องสงสัยเอี่ยวอาชญากรรมออนไลน์

อย่างไรก็ตาม เกาหลีใต้ตั้งคำถามถึง "ความจริงใจ" ของกัมพูชาในการปราบปราม เนื่องจากมีการแจ้งล่วงหน้าก่อนการบุกทลายรังแก๊ง ทำให้การทลายรังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้แม้แต่คนเดียว และพบเพียงเศษบุหรี่และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป การกดดันอย่างหนักทำให้กัมพูชาต้องยอมรับเงื่อนไขสำคัญที่เกาหลีใต้เรียกร้อง นั่นคือ การจัดตั้ง "Korea Desk" เสมือนการตั้งโต๊ะทำงานถาวรของเจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีในเขตที่มีชาวเกาหลีอาศัยอยู่ในประเทศกัมพูชา เพื่อให้เจ้าหน้าที่เกาหลีสามารถเข้าไปสอบสวนร่วมกับตำรวจกัมพูชาได้ ซึ่งถือเป็นการยอมผ่อนปรนอำนาจอธิปไตยอย่างมาก

"ODA" ดาบเศรษฐกิจ "บีบ" กัมพูชา

รัฐบาลเกาหลีใต้เดินหน้าใช้มาตรการทางการทูตผ่านการใช้มาตรการทางเศรษฐกิจเพื่อ "บีบ" กัมพูชาอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการใช้เงิน ODA เป็นเครื่องมือในการเจรจา

  • ตัดงบ ODA ยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว

โดยรัฐบาลเกาหลีใต้ได้ประกาศ ระงับความช่วยเหลือให้งบโครงการพัฒนาลุ่มน้ำโขง 11 โครงการแก่กัมพูชา ที่รัฐบาลชุดก่อน (ยุค อดีต ปธน.ยุน ซอกยอล) เคยอนุมัติอย่างเร่งด่วนในวงเงินหลายหมื่นล้านบาท การตัดสินใจนี้ยังถูกใช้เป็นประเด็นการเมืองภายในประเทศเพื่อโจมตีรัฐบาลเก่า เนื่องจากโครงการดังกล่าวถูกตั้งคำถามว่าอาจเกี่ยวข้องกับ "ลัทธิรวมชาติ" (Unification Church) ที่ไปสร้างโบสถ์ในกัมพูชา ซึ่งอาจใช้เงินบริจาคของโบสถ์ ที่เป็นเงินที่ไม่มีที่มา เป็นช่องทางในการฟอกเงิน

  • พื้นที่สีดำ คว่ำบาตรการเดินทาง

เกาหลีใต้ประกาศ "Code Black" ซึ่งหมายถึงการสั่งพลเมืองเกาหลีใต้ห้ามเดินทางไปยัง 5 เขตในกัมพูชาที่เป็นฐานของสแกมเมอร์ และมีแนวโน้มที่จะขยายการแบนการเดินทางไปทั้งประเทศในที่สุด

  • ประสานงานระดับภูมิภาค

ในขณะที่ คิม จิน-อา รมช.ต่างประเทศ คนที่ 2 เข้าเจรจากับนายกฯ กัมพูชา ในวันเดียวกัน ปธน.เกาหลีใต้ ก็ได้ต่อสายคุยกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ ไทย อ.ไพบูลย์มองว่านี่เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนแก่กัมพูชาว่า หากไม่ให้ความร่วมมือ เกาหลีใต้ก็พร้อมที่จะขอความช่วยเหลือจากประเทศเพื่อนบ้าน ลาว เวียดนาม ที่มีชายแดนติดกับกัมพูชา ซึ่งล้วนแต่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเกาหลีใต้ เพื่อร่วมกันกดดันกัมพูชา

อ่านข่าว : นายกฯ ต่อสายคุย ปธน.เกาหลีใต้ ยันไทยพร้อมร่วมมือปรามสแกมเมอร์

ความตื่นตระหนกของชาวเกาหลีไม่ได้จำกัดอยู่แค่กัมพูชา แต่ขยายวงไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะประเทศไทย เนื่องจากนักท่องเที่ยวเกาหลี "รู้สึกไม่มั่นใจในความปลอดภัยและชีวิตทรัพย์สิน" ในภูมิภาคนี้ ผลกระทบที่เห็นชัดคือ ทัวร์ของเกาหลีใต้ที่จะเข้ามาเที่ยวประเทศไทย โดยเฉพาะช่วงฤดูเล่นกอล์ฟ (พ.ย.-ก.พ.) ถูกยกเลิกไปแล้วกว่าร้อยละ 50 และสายการบินหลักของเกาหลี (Korean Air และ Asiana) ยังอนุญาตให้ยกเลิกเที่ยวบินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ฟรี

คิม จิน-อา รมช.ต่างประเทศ คนที่ 2 (ผู้หญิง)

คิม จิน-อา รมช.ต่างประเทศ คนที่ 2 (ผู้หญิง)

คิม จิน-อา รมช.ต่างประเทศ คนที่ 2 (ผู้หญิง)

ถอดบทเรียนสำหรับไทย จุดที่ต้องยืนหยัดและกลยุทธ์ "พี่น้อง" ระยะยาว

ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ประเทศไทยต้องเรียนรู้จากความเด็ดขาดของเกาหลีใต้ และนำมาปรับใช้ในการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านและปกป้องผลประโยชน์ของชาติ

1. ยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นตัวตั้งและมือสะอาด ทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ฝ่ายค้าน ภาคธุรกิจ หรือภาคประชาสังคม จะต้องรวมศูนย์จิตใจโดยมี "ประเทศชาติเป็นตัวตั้ง" ก่อนผลประโยชน์อื่นใด และผู้ที่มีอำนาจในการประกาศนโยบายจะต้อง "มือสะอาด" ไม่มีผลประโยชน์ได้เสียกับคู่กรณี

2. สื่อสารเชิงรุกเพื่อการันตีความปลอดภัย รัฐบาลไทยต้องออกมาสื่อสารกับชาวโลกและนักท่องเที่ยวเกาหลีด้วยเสียงดัง ๆ ว่า ไทยพร้อมการันตีความปลอดภัย 100% ในประเทศ เพื่อแยกภาพลักษณ์ประเทศไทยให้ออกจากกัมพูชา และฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวที่กำลังยกเลิกการเดินทาง

3. กำหนดจุดที่ "ถอยไม่ได้" ต่อเพื่อนบ้าน ไทยต้องตระหนักว่ากัมพูชาเป็นเพื่อนบ้านที่จะต้องอยู่ร่วมกันไปตลอดชีวิต จึงควรวางแผนแก้ไขปัญหาในระยะยาวด้วยความใจเย็น ไม่เร่งรีบ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องกำหนดจุดที่ "ถอยไม่ได้" และใช้กลยุทธ์ที่รอบด้าน ความสัมพันธ์ควรเป็นแบบ "ลิ้นกับฟัน" หรือแบบ "พี่น้อง" เหมือนเกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้ ที่มีช่วงทะเลาะและช่วงสมานฉันท์ตามสถานการณ์ ไทยไม่ควรเงียบเฉย แต่ต้องส่งเสียงดังและแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนต่อประชาคมโลกเพื่อรับผิดชอบต่อพลเมือง และหากพลเมืองไทยเสียชีวิต รัฐบาลต้องติดตามทวงสิทธิ์อย่างจริงจัง เหมือนที่เกาหลีใต้ทำ

4. แยกแยะผู้นำกับประชาชน ควรแยกแยะระหว่างชนชั้นปกครองของกัมพูชาและประชาชนกัมพูชา รักษาความสัมพันธ์อันดีในระดับประชาชนไว้ เนื่องจากโดยพื้นฐานแล้วคนไทยไม่ได้เกลียดชังชาวกัมพูชา แต่เห็นใจและเคยเอื้อเฟื้อช่วยเหลือกันมาโดยตลอด โดยความตึงเครียดส่วนใหญ่มักถูกกดทับด้วยนโยบายของภาคชนชั้นปกครองเท่านั้น

อ่านข่าวอื่น :

AWS ล่ม! เว็บใหญ่-แอปธนาคารหยุดชะงัก กระทบล้านผู้ใช้งานทั่วโลก

เกาหลีใต้รับเถ้ากระดูก นศ.ชันสูตรพบรอยช้ำถูกทุบตี ไม่พบอวัยวะถูกตัด