ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

สงขลาจัดแข่งขันประชันเสียงตั๊กแตน ชิงรางวัลวัว-เครื่องตัดหญ้า

ภูมิภาค
22:27
47
สงขลาจัดแข่งขันประชันเสียงตั๊กแตน ชิงรางวัลวัว-เครื่องตัดหญ้า
จ.สงขลา จัดแข่งขันประชันเสียงตั๊กแตน กีฬาพื้นบ้านสุดฮิตในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีตั๊กแตนนับ 1 พันตัวเข้าชิงชัย

วันนี้ (5 ต.ค.2568) ไทยพีบีเอสเกาะติดขอบสนามแข่งขันเสียงตั๊กแตนที่บ้านแลแมงออก อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา 

ซึ่งมีตั๊กแตนนับ 1,000 ตัว ถูกส่งเข้าชิงชัย โดยมีรางวัลใหญ่เป็น วัว โทรศัพท์มือถือ เครื่องตัดหญ้า ชุดเครื่องนอน พัดลม หม้อหุงข้าว และของรางวัลนับ 100 ชิ้น

โดยตั้งแต่ช่วงเย็น ที่เปิดให้มีการลงทะเบียน มีเจ้าของต่างนำตั๊กแตนมาสมัครในราคาตัวละ 50 บาท หรือชิงโชคคนละ 50 บาท ก่อนการแข่งขันจะเริ่มในเวลาประมาณ 21.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ชาวบ้านบอกว่า ตั๊กแตนมักเริ่มส่งเสียงร้องได้ดี

กติกาการแข่งขัน ทางคณะผู้จัดอธิบายว่า กรรมการ 1 คน จะฟังเสียงตั๊กแตนที่แขวนบนปางไม้ ประมาณ 50 ตัว

มีทั้งหมด 2 ยก ยกละ 1 นาที กรรมการแต่ละคน จะเดินจับเวลา 1 นาทีกับตั๊กแตนแต่ละตัวว่ามันร้องได้กี่ครั้ง แล้วจดบันทึกไว้ ทำจนครบ 50 ตัว และพัก 3 นาที เพื่อให้ตั๊กแตนได้พัก ก่อนจะเริ่มยก 2 ตัวละ 1 นาทีเช่นกัน เมื่อครบ 2 ยก คะแนนจะถูกรวมกัน ซึ่งตัวไหนร้องมากที่สุด ก็ได้รับชัยชนะไป

นายอาดัม ไซมิถัน คณะผู้จัดแข่งขันเสียงตั๊กแตน อ.สะบ้าย้อย ระบุว่า เพื่อไม่ให้ใครได้เปรียบเสียเปรียบ กรรมการทั้งหมด จะไม่ใช้คนในชุมชน เพื่อป้องกันข้อครหาว่าอาจไม่โปร่งใส และจะใช้กรรมการเป็นคนนอกชุมชน ที่มีประสบการณ์ในการฟังเสียง เช่นเคยเป็นกรรมการในการแข่งขันนกกรงหัวจุกมาก่อน

ซึ่งความยากของกรรมการตัดสินตั๊กแตน แตกต่างจากการแข่งนกกรงหัวจุดตรงที่การฟังเสียงต้องใช้แสงจากมือถือส่องไปยังกรงให้น้อยที่สุด และค่อยๆ เดินให้เงียบที่สุด จากตัวหนึ่งไปฟังเสียงอีกตัวหนึ่ง เพราะหากมีแสงมาก หรือ ส่งเสียงดัง หรือ เดินไปกระแทกปางไม้ ก็จะทำให้ตั๊กแตนตกใจ ไม่กล้าส่งเสียง กรรมการจึงต้องเชี่ยวชาญพอสมควร

การแข่งขันครั้งนี้ ทางคณะผู้จัดงาน ให้นำเฉพาะตั๊กแตนที่จับในชุมชน หรือละแวกใกล้เคียงมาแข่งขัน เนื่องจากพบว่ามีตั๊กแตนบางพันธุ์จากต่างถิ่น ที่มีความแข็งแรงและส่งเสียงร้องได้มาก ล่ารางวัลมาหลายสนาม จึงอยากให้การแข่งขันเป็นธรรมกับคนในชุมชนด้วย

"การแข่งขันตั๊กแตน เคยมีในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มานาน แต่ก็หายไปในช่วงเกือบ 20 ปีแล้ว โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์ความไม่สงบ ซึ่งการกลับมาฟื้นวิถีชีวิตเก่าแก่ถือเป็นเรื่องดี เพราะจะสร้างให้เกิดความร่วมมือสามัคคีของคนในชุมชน ได้มีกิจกรรมร่วมกันรวมถึงส่งเสริมความร่วมมือระหว่างคนนอกชุมชนที่เข้าร่วมแข่งขัน และทำให้คนในชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น เช่น เด็กๆ ต่างชอบจับตั๊กแตนตามป่ามาขาย เมื่อจัดงานก็มีพ่อค้าแม่ค้ามาขายอาหาร และยังทำให้เกิดใหม่ในการทำกรงตั๊กแตนขาย"

น.ส.สุภัตรา สาแลยาวอ คณะผู้จัดแข่งขันเสียงตั๊กแตน อ.สะบ้าย้อย กล่าวว่าตอนกีฬานี้กลับมาฮิต มีไอเดียว่าทำกรงขายน่าจะดี เลยเอากะลามะพร้าวมาทำ เป็นรูปร่างต่างๆ ขายตั้งแต่ 150 , 200 และ 300 บาท สำหรับบางกรงที่ต้องใช้เทคนิคเยอะ เช่น เอากะลามาทำเป็นรูปมด และเพิ่มขนาดให้กรงใหญ่ขึ้น ตอนนี้มีรายได้ดีมาก ทำเท่าไรก็ไม่พอขาย มีจองล่วงหน้าเยอะเลย ทำไม่ทัน

ขณะที่นายมะรอนี สุหลงเต๊ะ พ่อค้าทำกรงตั๊กแตน กล่าวว่า การกลับมาจัดการแข่งขันประชันเสียงตั๊กแตน หลังวิถีชีวิตนี้ห่างหายไปนานจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ อาจเป็นเพราะมีการเริ่มต้นจัดกันในชุมชนเล็กๆ และมีการเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ จนกลายเป็นไวรัล ทำให้หลายพื้นที่ เริ่มมีการจัดกิจกรรมนี้ขึ้นมาใหม่

โดยตั๊กแตนส่วนใหญ่ ที่นำมาแข่งขันจะเป็นการหาจากในป่าสวนยางพารา หรือพงหญ้าต่างๆ คนที่หาตั๊กแตนก็ต้องคอยฟังเสียงของพวกมัน ก่อนจับ ชาวบ้านบอกว่า ส่วนใหญ่มี 2 สีคือ ตัวสีเขียว และสีน้ำตาล ซึ่งตัวสีเขียวมักจะส่งเสียงร้องดีกว่า

แต่บางคนมีความคิดเห็นที่แตกต่างไปว่าหากเลี้ยงดี ตัวสีน้ำตาลก็จะร้องมาก ทำให้เมื่อจับมาได้แล้ว ต่างคนต่างก็เลี้ยงดูอย่างดี ทั้งการเลี้ยงด้วยใบไผ่ ใบสับปะรด หรือแม้แต่แอปเปิล แล้วแต่เคล็ดลับของแต่ละคน

"จับตั๊กแตนในสวนยางมาเลี้ยงได้ 1 เดือนแล้ว เอาใบสับปะรดและแอปเปิลให้กิน 

ส่วนรางวัลใหญ่ๆ จากการประชันเสียงตั๊กแตน อาจเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่จูงใจให้กีฬาพื้นบ้านประเภทนี้ กลับมาฮอตฮิต เพราะแม้ค่าสมัครจะมีแค่ 40-50 บาทในแต่สนาม แต่รางวัลสูงสุดในบางชุมชนแจกทั้งรถยนต์ วัวนับ 10 ตัว เครื่องซักผ้า พัดลม ทีวี โทรศัพท์มือถือ หรือแม้แต่ทองคำในสนามใหญ่ที่มีตั๊กแตนส่งเข้าแข่งขันประมาณ 3,000-5,000 ตัว

ทำให้หลายชุมชนฟื้นวิถีชีวิตแข่งขันเสียงตั๊กแตน จนกลายเป็นกระแสขึ้นในพื้นที่ปลายด้ามขวานขณะนี้

อ่านข่าว :

เปิดแล้ว! "ปั๊มน้ำมัน-ร้านสะดวกซื้อ" ที่ถูกเขมรยิง ยังไร้เยียวยาจากรัฐบาล

“ทอ.เชียงใหม่” เพิ่มมาตรการเข้ม “โคมลอย” ปรับเวลาให้บริการช่วง “ยี่เป็ง”