เมื่อวันที่ 4 พ.ย.2568 BBC รายงาน เหตุการณ์น่าเศร้าที่ไม่มีใครคาดคิดเกิดขึ้นในเมืองหลุยส์วิลล์ รัฐเคนทักกี เครื่องบินขนส่งสินค้าของบริษัท UPS ซึ่งกำลังมุ่งหน้าสู่ฮาวาย ประสบอุบัติเหตุตกหลังเทกออฟขึ้นจากพื้นสนามบินนานาชาติหลุยส์วิลล์ มูฮัมหมัด อาลี (Louisville Muhammad Ali International Airport) เพียงไม่กี่นาที ส่งผลให้เกิดเพลิงไหม้รุนแรงลุกลามไปยังอาคารใกล้เคียง
ยืนยันผู้เสียชีวิตแล้ว 7 คน และบาดเจ็บสาหัสอีก 11 คน โดยผู้ว่าการรัฐแอนดี เบเชียร์ ระบุว่าตัวเลขอาจเพิ่มขึ้น หลังยังตามหาคนงานสูญหายอีก 2 คน จากโรงงานรีไซเคิลน้ำมันที่ถูกเครื่องพุ่งชน
ไทม์ไลน์ของโศกนาฏกรรมเริ่มต้นราว 17:15 น. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ เครื่องบินรุ่น MD-11F ซึ่งบรรทุกพัสดุเต็มลำและเชื้อเพลิงกว่า 38,000 แกลลอน สำหรับเที่ยวบินไกล 4,300 ไมล์ หรือ 6,920 กม. เริ่มทะยานขึ้นจากรันเวย์ แต่เกิดปัญหากะทันหัน ทำให้เครื่องเสียการทรงตัว พุ่งชนพื้นและถล่มทะลุรั้วสนามบินตรงดิ่งสู่ย่านธุรกิจใกล้เคียง เปลวเพลิงลุกโชนทันทีจากน้ำมันที่รั่วไหล กลายเป็นลูกไฟยักษ์ที่มองเห็นได้ไกลหลายกิโลเมตร ควันดำหนาทึบพวยพุ่งขึ้นฟ้า สร้างความตื่นตระหนกให้ชาวเมืองที่กำลังรับประทานอาหารเย็น
ทีมดับเพลิงกว่า 100 นายจากหลุยส์วิลล์และพื้นที่ใกล้เคียง รีบเข้าพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์ แต่พื้นที่เกิดเหตุอันตรายมากเพราะซากเครื่องยังร้อนจัดและเสี่ยงระเบิดเพิ่ม ผู้ว่าฯ เบเชียร์ ออกคำเตือนผ่านโซเชียล "อย่าเข้าใกล้เด็ดขาด! มีสารไวไฟและเศษโลหะกระจาย" ทันทีหลังเกิดเหตุ
เจ้าหน้าที่ประกาศคำสั่งหลบภัยในที่พัก สำหรับชาวบ้านในรัศมี 5 ไมล์ เพื่อป้องกันควันพิษและเศษซาก แต่ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ลดเหลือแค่ 1 ไมล์ เมื่อทีมควบคุมเพลิงได้บางส่วน สนามบินหลุยส์วิลล์ซึ่งเป็นฮับสำคัญของ UPS ต้องปิดตัวชั่วคราวทั้งขาเข้า-ออก คาดเปิดใหม่เช้าวันพุธ 5 พ.ย.ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีผู้โดยสารติดค้างหลายร้อยคนต้องรอเที่ยวบินใหม่
ด้านยอดผู้เสียหาย ผู้ว่าฯ เบเชียร์ ยืนยันว่าลูกเรือทั้ง 3 คนบนเครื่อง นักบิน น่าจะอยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิต หลังทีมกู้ภัยค้นหาไม่พบสัญญาณชีพ แม้ UPS จะยังไม่ออกตัวเลขทางการ แต่รายงานเบื้องต้นชี้ว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นลูกเรือและคนงานในโรงงานที่ถูกชน ผู้บาดเจ็บ 11 รายส่วนใหญ่ถูกไฟคลอกและเศษโลหะกระแทก ส่งโรงพยาบาลท้องถิ่นซึ่งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ชาวเมืองหลายคนส่งข้อความเช็กความปลอดภัยให้ญาติ
ขณะที่การสืบสวนถึงสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้กำลังเร่งรัด สำนักงานความปลอดภัยการขนส่งแห่งชาติ (NTSB) ส่งทีม 28 คนเข้าพื้นที่ นำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องบินและเพลิงไหม้ ร่วมกับ FAA (สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติ) เพื่อตรวจซากเครื่องและกล่องดำ
NTSB คาดใช้เวลาหลายวันหรืออาจหลายสัปดาห์ กว่าจะสรุปสาเหตุเบื้องต้น ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าช่วงทะยานขึ้นคือจุดเสี่ยงสูงสุดของการบิน โดยเฉพาะเครื่องรุ่นเก่าแบบ MD-11F ผลิตโดย McDonnell Douglas ตั้งแต่ปี 2534 และพบว่าเครื่องลำนี้เคยบินโดยสารให้การบินไทย หรือ Thai Airways ก่อนย้ายมาทำหน้าที่ขนส่งให้ UPS ในปี 2549 ทั้ง UPS และ FedEx วางแผนปลดระวางรุ่นนี้ในทศวรรษหน้า เพื่อเปลี่ยนเป็นฝูงบินใหม่ที่ประหยัดน้ำมันกว่า
UPS ออกแถลงการณ์เสียใจลึกซึ้ง โดยระบุว่า เรารู้สึกเสียใจอย่างยิ่งกับเหตุการณ์นี้ ขอส่งกำลังใจถึงครอบครัวและชุมชนหลุยส์วิลล์ ซึ่งเป็นบ้านของพนักงานเรากว่า 20,000 คน บริษัทสั่งหยุดคัดแยกพัสดุที่ Worldport ชั่วคราว เพื่อให้ทีมกู้ภัยทำงานสะดวก และสัญญาจะให้ความร่วมมือในการสืบสวนเต็มที่
อ่านข่าวอื่น :
รู้จัก "ฟิล์มบอร์ด" ผู้คุมเข้มหนังต่างชาติ ห้ามบิดเบือนภาพลักษณ์ไทย
"มัมดานี" วัย 33 ปี ลั่น "หยุดทรัมป์" หลังนั่งนายกฯ นิวยอร์กที่อายุน้อยที่สุด











