วันนี้ (19 พ.ย.2568) นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกฯ แถลงโต้กรณีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร หลังออกมาระบุว่า หากฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตาม ม.151 จะทำให้นายกฯไม่สามารถใช้อำนาจยุบสภาได้ทันที โดยระบุว่า
นายวันมูหะมัดนอร์ เป็นประธานสภาฯมาตั้งแต่ปี 40 และเป็นประธานสภาฯมาหลายครั้ง กรณีครั้งล่าสุดที่มีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ซึ่งมีปัญหาว่าญัตติไม่ถูกต้องไปพูดถึงคนนอก คือ บิดา นายกฯก็ไม่ยอมรับญัตตินั้น และประธานสภาฯก็ไม่บรรจุโดยต้องใช้เวลาอยู่หลายวันที่ให้ฝ่ายค้านต้องไปแก้ญัตติ นั่นคือ "แนวทางปฏิบัติที่ทำกันมา"
รวมถึง ข้อบังคับการประชุมสภา ข้อ 176 เขียนชัดเจนว่า เมื่อประธานสภาได้รับญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วให้ทำการตรวจสอบ หากมีข้อบกพร่องให้ประธานสภาฯแจ้งให้ผู้เสนอญัตติทราบภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับญัตติ และในวรรค 2 บอกว่า เมื่อประธานสภาฯ ตรวจสอบความถูกต้องของญัตติแล้วให้บรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุม เป็นเรื่องเร่งด่วนและแจ้งให้นายกฯทราบ
แปลว่าต้องมีการตรวจสอบว่า ญัตตินั้น ครบถ้วน ถูกต้องสมบูรณ์ ทำกันอย่างนี้ มาจนถึงรัฐบาลที่แล้ว แต่พอมาถึงรัฐบาลนี้กลับบอกไม่ได้ พอรับปั๊บ ฝ่ายค้านยื่นปั๊บ ยุบสภาฯ ไม่ได้เลย ด้วยความเคารพ คิดว่าไม่ถูกต้อง
นายบวรศักดิ์ ยังกล่าวว่า ตนเองเขียนมาตรานี้เองในรัฐธรรมนูญปี 2540 ก่อนหน้านั้นตั้งแต่ปี 2475 - 2534 ไม่มีบทบัญญัติห้ามยุบสภา ทั้งที่มีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว เพราะเคยเกิดเหตุการณ์ขึ้นในปี 2538 ซึ่งมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ คณะรัฐมนตรีทั้งคณะและมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 17 - 18 ธ.ค.2538 แต่นายกฯ ชิงยุบสภาฯเมื่อเวลา 12.00 น. ของวันที่ 19 ธ.ค.38 เป็นเวลา 1 ชั่วโมงครึ่งก่อนการลงมติ จึงเสนอให้บัญญัติมาตรานี้ไว้เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างอำนาจอภิปรายไม่ไว้วางใจอันเป็นการตรวจสอบรัฐบาลของสภาฯ และอำนาจของฝ่ายบริหารในการถ่วงดุลสภาด้วยการยุบสภาฯ
นายบวรศักดิ์ กล่าวยอมรับว่า หากพิจารณาแต่ตัวหนังสือของ ม.151 ที่ใช้คำว่า "เมื่อได้มีการเสนอญัตติตามวรรคหนึ่งแล้ว จะมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรไม่ได้" ก็อาจตีความแบบง่ายได้ว่า "ห้ามยุบสภาฯ" แต่ต้องอ่านให้จบวรรค เพราะมีการเขียนไว้ด้วยว่า "เว้นแต่จะมีการถอนญัตติ หรือ การลงมติไม่ได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง" ทำให้เข้าใจได้ว่า จะเริ่ม "ห้ามยุบสภาฯ" ได้ต่อเมื่อญัตตินั้นถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ บรรจุระเบียบวาระและแจ้งให้นายกฯทราบตามข้อบังคับการประชุม
ดังนั้น การตีความเรื่องนี้ต้องตีความรัฐธรรมนูญประกอบข้อบังคับการ ประชุมสภาด้วย และจะพูดว่า รัฐธรรมนูญซึ่งใหญ่กว่าข้อบังคับเพียงอย่างเดียวคงไม่ถูกต้องเพราะการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะทำได้หรือไม่ ต้องใช้ข้อบังคับการประชุมสภาข้อ 62 ซึ่งบอกว่า "การถอนชื่อจากการเป็นผู้ร่วมกันเสนอญัตติใด หรือจากการเป็นผู้รับรองกระทำได้เฉพาะก่อนที่ประธานสภาสั่งบรรจุญัตติเข้าระเบียบวาระการประชุม ในกรณีที่ประธานสภาสั่งบรรจุญัตตินั้นเข้าระเบียบวาระการประชุมแล้วจะถอนชื่อได้ต่อเมื่อได้รับการยินยอมของที่ประชุม"
ดังนั้น เมื่อต้องไปดูข้อบังคับการประชุม ก็ต้องเอาข้อ 62 มาใช้ ประกอบรัฐธรรมนูญ ม.151 วรรคสอง จะเอาเฉพาะข้อ 62 มาใช้ข้อเดียว แต่ไม่นำข้อบังคับการประชุมข้อ 176 มาใช้ด้วยก็ดูจะประหลาด เพราะเลือกใช้เฉพาะข้อบังคับที่เป็นประโยชน์
อันไหนไม่เป็นประโยชน์ก็ไม่ใช้ โดยมาบอกว่ารัฐธรรมนูญใหญ่กว่า
นายบวรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อบังคับข้อ 176 ซึ่งอยู่ในหมวด 9 ส่วนที่ 1 การเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจบัญญัติว่า "เมื่อประธานสภาได้รับญัตติตามข้อ 175 แล้ว ให้ทำการตรวจสอบ หากมีข้อบกพร่องให้ประธานสภาแจ้งให้ผู้เสนอทราบภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับญัตติ" และ วรรคสองระบุว่า "เมื่อประธานสภาได้ตรวจสอบความถูกต้องของญัตติแล้วให้บรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมเป็นเรื่องด่วนและแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบ"
สาเหตุที่ข้อ 176 เขียนแบบนี้ เพราะในอดีตญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ยื่นนั้นมีความไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน ไม่สมบูรณ์หลายประการ เช่นกรณี ล่าสุดญัตติที่ยื่นต่อรัฐบาล น.ส.แพทองธาร สั่งให้ไปแก้หลายครั้ง หรือ สมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จำนวน 3 ครั้ง แต่ทุกครั้งมีการถอนชื่อทำให้ญัตตินั้นไม่ครบจำนวนผู้ยื่น
นอกจากนี้ เมื่อไม่นานนี้ สว.จำนวน 21 คน เข้าชื่อกันยื่นต่อประธานวุฒิสภาให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของ สว.136 คน สิ้นสุดลง ปรากฏว่า พอตรวจสอบลายมือชื่อ ปรากฏว่า มี 3 รายชื่อไม่ถูกต้อง ทำให้การเข้าชื่อดังกล่าว มีจำนวนไม่ครบตามที่รัฐธรรมนูญทำให้คำร้องนั้นตกไป
นายบวรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้เมื่อมีการยื่นตาม ม.151 วรรคสอง เฉย ๆ โดยแจ้งให้นายกฯทราบโดยไม่ตรวจสอบหรือไม่ คำตอบก็ชัดเจนในตัวอยู่แล้วว่า ถ้าประธานสภาฯแจ้งให้นายกฯทราบโดยไม่ตรวจสอบ คนที่เสนอประธานสภาฯฝ่ายกฎหมายหรือใครก็แล้วแต่ ก็ทำให้ประธานสภาฯทำผิดข้อบังคับ เพราะญัตติดังกล่าวอาจมีข้อบกพร่อง ไม่สมบูรณ์ และไม่อาจสามารถบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนได้
ต่อไปก็จะอาศัยการยื่นญัตติไม่สมบูรณ์ ทำให้อำนาจยุบสภาฯของรัฐบาลเสื่อมสูญไปทันที ญัตติยื่นจำนวนคนไม่ครบ มีคนบอกว่า ตัวเองยังไม่ได้ลงชื่อ แล้วนับแล้วว่าเวลานั้นเป็นเวลาห้ามยุบสภาฯ รับรองระบบรัฐสภาปั่นป่วนแน่
นายบวรศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ประธานสภาฯควรตีความตามที่เคยทำมา ซึ่งเป็นการตีความตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับที่ชอบแล้ว แต่ฝ่ายกฎหมายที่มาเสนอต่อประธานสภาฯในคราวนี้ดูแปลก ๆ
อ่านข่าว : "บวรศักดิ์" ถกฝ่ายมั่นคงปม MOU 43-44 ตอบสื่อ "ถึงเวลาจะพูด"
"ปกรณ์วุฒิ" คาดใช้เวลา 2 วันอภิปรายนโยบายรัฐบาล "อนุทิน"
"ณัฐพงษ์" เผยจัด 20 สส.อภิปราย ร่างแก้รัฐธรรมนูญ











