ดีเอสไอยก "เชียงใหม่" เป็นจังหวัดนำร่องตรวจสอบปลอมบัตรประชาชน

การหารือ มีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่และตัวแทนจากระทรวงมหาดไทย เพื่อตรวจสอบทุจริตเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎร์ และสวมตัวทำบัตรประชาชน ส่วนหนึ่งเป็นการดำเนินการให้กับบุคคลต่างด้าว เพื่อให้สามารถอยู่ในประเทศไทยโดยไม่ผิดกฎหมาย รวมถึง อาชญากรที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ รวมถึงอาชญากรรมประเภทอื่น เพื่อใช้ในการฟอกตัวและหลบหนีคดี
 

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่าข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทย มีสำนักทะเบียนทั่วประเทศที่อาจเกี่ยวข้องกับการทำผิดเพียง 12 แห่ง หากเทียบเป็นอัตราส่วนยังถือว่าไม่มาก แต่สิ่งที่น่าตกใจคือพบการกระทำผิดต่อเนื่อง และมีการแปลงสภาพ จากความต้องการของชาวต่างด้าว เพื่อให้อยู่ในประเทศไทยได้ เป็นการก่ออาชญากรรมประเภทต่างๆ

ขณะที่รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ยอมรับว่า เชียงใหม่เป็นเหมือนศูนย์กลางของภาคเหนือ และพบปัญหาการทุจริตสวมบัตรประชาชน และการเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎร์ ซึ่งทางจังหวัดให้ความสำคัญ มีทั้งพบความผิดจริงของเจ้าหน้าที่และเกิดจากความผิดพลาด จากความไว้ใจ

ทั้งนี้การตรวจสอบจะเริ่มที่อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ ที่พบการเพิ่มชื่อเข้ามาในฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ กว่า 19,000 คน รวมเอกสารกว่า 100,000 แผ่น ซึ่งทั้ง 19,000 คน เป็นการแจ้งสถานะของต่างด้าวที่เข้ามาปยู่ในประเทศไทยก่อนปี 2542 ที่มีมติคณะรัฐมนตรีช่วงปี 2549 ในการแก้ปัญหาคนต่างด้าว เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย

ขณะที่การกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่ที่ทางดีเอสไอ กระทรวงมหาดไทย และจังหวัดเชียงใหม่ พบเบื้องต้นมี 5 คน แต่อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ จะมีการเรียกนายอำเภอ ปลัดอำเภอ รวมถึงนายทะเบียนท้องถิ่นทั่วจังหวัดเชียงใหม่หารือ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตเกี่ยวกับบัตรประชาชนและการเพิ่มชื่อ