ครอบครัวนางโจ ค็อกซ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดทางภาคเหนือของอังกฤษจัดพิธีรำลึกถึงเธอ ซึ่งถูกสังหารโหดด้วยการยิงและแทงซ้ำจนเสียชีวิตบนถนนในพื้นที่เลือกตั้งของเธอเองในจังหวัดเวสต์ยอร์คเชียร์ ใกล้กับเมืองลีดส์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (16 มิ.ย.2559)
นางค็อกซ์อายุ 41 ปีและมีบุตร 2 คน โดยเธอเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของฝ่ายสนับสนุนให้สหราชอาณาจักรคงอยู่เป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ต่อไปในการประชามติที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ หรืออีกแค่ 4 วันข้างหน้า ซึ่งนอกจากการสังหารนางค็อกซ์จะสร้างความตกใจให้กับชาวอังกฤษทั่วประเทศแล้วยังปรากฏว่าได้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในความคิดเห็นของชาวอังกฤษอย่างรุนแรง
ผลการสำรวจของบริษัท "เครียสลี่" บริษัทเทคโนโลยีในกรุงลอนดอนที่ทำการสำรวจเป็นเจ้าแรกวันหลังการสังหารนางค็อกซ์ปรากฏว่า จำนวนชาวอังกฤษที่ต้องการให้สหราชอาณาจักรเป็นสมาชิกอียูต่อไปลดต่ำลงจากร้อยละ 40 มาเหลือแค่ร้อยละ 32 เท่านั้น โดย"เครียสลี่"ยังพบด้วยว่าประชากรชาวอังกฤษจะมีมติร้อยละ 52 ซึ่งเกินครึ่งให้สหราชอาณาจักรถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป
สำหรับผู้ก่อเหตุสังหารนางค็อกซ์นั้นคือนายโธมัส แมร์ ชาวอังกฤษอายุ 52 ปี ซึ่งถูกจับกุมได้ในเวลาต่อมา โดยในการนำตัวไปขึ้นศาลผัดแรกเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเมื่อวานนี้ปรากฏว่านายแมร์ก็ตอบซ้ำย้ำวนเวียนอยู่แค่ว่า เขาชื่อ"ความตายของคนทรยศ" และ"เสรีภาพของสหราชอาณาจักร" โดยวันพรุ่งนี้นายแมร์ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาฆ่าคนตาย ทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัสและพกพาอาวุธปืนและมีดไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรจะถูกนำตัวมาขึ้นศาลเป็นผัดที่ 2 ทั้งนี้มีพยานที่เห็นเหตุการณ์เปิดเผยว่า นายแมร์ตะโกนคำว่า"สหราชอาณาจักรต้องมาก่อน"ขณะกำลังสังหารนางค็อกซ์