วันนี้ (14 มี.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นัดอ่านคำพิพากษาในคดี น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน ผอ.กองการศึกษาอบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ถูก ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือผู้กองเหน่ง อดีตทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ฆาตกรรมและนำศพไปทิ้งใกล้ฐานทหาร ชายแดนไทยกัมพูชา จ.อุบลราชธานี เมื่อเดือน ก.ค.2560 ซึ่งเจ้าหน้าที่และญาติต้องใช้เวลาตามหาศพนานกว่า 3 เดือน
ทั้งนี้ ศาลพิพากษาประหารชีวิต จำเลยที่ 1 คือ ร.อ.ศุภชัย ภาโส ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน กักขังหน่วงเหนี่ยวจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ลักทรัพย์ ปลอมแปลงเอกสาร เนื่องจากมีพยานหลักฐานแน่นหนา ชี้ชัดว่าเป็นคนลักพาตัว และลงมือฆาตกรรม น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน แล้วนำศพไปทิ้งอำพรางในป่า พร้อมให้ชดใช้ค่าเสียหาย 2 ล้านบาท
ส่วนจำเลยที่ 2-4 ได้แก่ นางสุชาวดี ปทุมอินทร์ นายวิทูรย์ ท้าวแก้ว และนายประกรรษวัต คณะพันธ์ ซึ่งมีส่วนในการลักทรัพย์ ปลอมแปลงเอกสาร แต่ไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม ศาลมีคำสั่งยกฟ้อง
แม้คดีนี้จะไม่มีประจักษ์พยานที่เห็นเหตุการณ์และจำเลยที่ 1 ให้การปฎิเสธทั้งในชั้นพนักงานสอบสวนและชั้นศาล แต่ตำรวจใช้หลักฐานทางเทคโนโลยีสัญญาณโทรศัพท์ที่พบว่า ผู้เสียชีวิตอยู่กับจำเลยที่ 1 ก่อนหายตัวไป ซึ่งสัญญาณโทรศัพท์ของผู้เสียชีวิตและจำเลยที่ 1 อยู่ด้วยกัน ห่างจากบริเวณจุดพบโครงกระดูก ผอ.อ้อย เพียง 3 กิโลเมตร เป็นหลักฐานสำคัญที่อัยการรวมถึงทนายซึ่งเป็นโจทย์ยื่นฟ้องร่วมกับครอบครัวใช้ในการต่อสู้คดีซึ่งศาลได้ทำการสืบพยานฝ่ายโจทย์ จำนวน 77 ปาก ส่วนจำเลยไม่มีการเบิกความพยานมีเพียงจำเลยเป็นผู้ให้การในชั้นศาล เพียงคนเดียว
ส่วนสาเหตุในการก่อเหตุครั้งนี้คือปัญหาหนี้สินซึ่งจำเลยที่ 1 ยืมเงินผู้ตายไปหลายแสนบาทแต่ไม่ส่งคืน ก่อนผู้ตายจะพยายามติดตามทวงหนี้ก่อนถูกฆาตกรรม
ขณะที่ ครอบครัว น.ส.จุฑาภรณ์ เดินทางมาฟังคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ โดย หมายปอง อุ่นอ่อน พี่สาว ผอ.อ้อย ระบุว่า ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาครอบครัวต้องทุกข์ใจจากการเสียชีวิตของ ผอ.อ้อย เพราะเป็นเสาหลักของครอบครัวจึงต้องการให้จำเลยรับโทษสูงสุด คือ ประหารชีวิต