วันนี้ (28 เม.ย.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มภาคเอกชน ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าไทย สมาคมธนาคารไทย และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จะเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อชี้แจงแผนงานกระจายวัคซีน COVID-19 ของภาคเอกชน โดยหนึ่งในข้อเสนอคือขอนำเข้าวัคซีนเองเพื่อความรวดเร็ว เเละหวังว่าจะลดผลกระทบเศรษฐกิจได้
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่า แผนงานสำคัญคือการขอนำเข้าวัคซีนเอง โดยได้รับการผ่อนปรนระเบียบเงื่อนไขและอนุมัติจาก อย. ซึ่งเป้าหมายของภาคเอกชนคือ 10-15 ล้านโดส เพื่อช่วยรัฐจัดหาวัคซีนให้ได้ 20-30 ล้านโดส ภายในเดือน มิ.ย.นี้
ขณะที่การนิคมอุตสาหกรรมฯ ทั้งของรัฐและเอกชนทั่วประเทศมีโรงงานประมาณ 5,000 โรงงาน ได้ตอบรับเป็นคลินิกวัคซีนนอกสถานที่ โดยจะฉีดให้พนักงานของนิคมฯ เองเพื่อลดการเดินทาง
รวมทั้งคลินิกเสริมความงามมีประมาณ 50 แห่งที่พร้อมจะเป็นสถานที่ฉีดวัคซีน มีความพร้อมด้านแพทย์และพยาบาล โดยมั่นใจว่าหากสามารถทำได้ตามแผนจะบรรเทาความเสียหายต่อเศรษฐกิจได้
เสนอเพิ่มพื้นที่ทำแซนด์บ็อกซ์ "หัวหิน-ชะอำ"
ขณะที่นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยว่า เตรียมรายงานความคืบหน้าการจัดทำพื้นที่แซนด์บ็อกซ์ใน จ.ภูเก็ต พร้อมเสนอฉีดวัคซีนให้ได้ 100% เพื่อเสนอภาพความเชื่อมั่นและพื้นที่ปลอดภัยนำร่อง
ส่วนการเปิดประเทศในวันที่ 1 ก.ค.นี้ จะทันหรือไม่นั้น ไม่ใช่จุดมุ่งหมายหลัก แต่พื้นที่ต้องเดินหน้าเตรียมความพร้อม โดยจะเสนอเพิ่มพื้นที่ทำแซนด์บ็อกซ์อีก 2 แห่งคือ หัวหิน และชะอำ
นอกจากนี้จะเสนอการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีท่องเที่ยว อย่างน้อย 3,000 ล้านบาท สำหรับธุรกิจรายย่อยกู้ในวงเงิน 30,000-100,000 บาท ขณะเดียวกันจะฟื้นเรื่องแนวคิด Labor Bank รวบรวมข้อมูลแรงงานด้านการท่องเที่ยว เพื่อช่วยกลุ่มที่ตกงานและกลุ่มที่ต้องเปลี่ยนทักษะงาน
แท็กที่เกี่ยวข้อง: