จากกรณีการจัดแคปเปญฉีดวัคซีนเข็ม 3 ที่เผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ โดยอ้างอิงข้อมูลจากโรงพยาบาลอุดรธานี ที่ประกาศว่าผู้ที่จะมารับวัคซีน แอสตราฯ เข็มที่ 3 จะต้องพาคู่มารับวัคซีนซิโนแวค เข็ม 1 จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ และหลายคนตีความว่าผู้ที่จะไปรับวัคซีนแอสตราฯ จะต้องพาบุคคลที่ไม่เคยรับวัคซีนมารับวัคซีนซิโนแวค เข็มที่ 1
กรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 9 พ.ย.2564 นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ชี้แจงถึงการสื่อสารกรณีผู้ที่จะไปฉีดบูทเข็ม 3 จะต้องมากับคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนในวันที่ 11/11 นั้นเป็นแผนที่ยังไม่ได้ตกผลึก เพราะตอนนี้หลายคนอยากได้วัคซีนเข็ม 3 ซึ่งเป้าหมายสำคัญ ต้องฉีดให้บุคลากรด่านหน้าก่อน โดยเฉพาะบุคลากรด่านหน้าที่รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มก่อนหน้านี้ ส่วนประชาชนที่จะมาฉีดเข็มแรกไม่ได้บังคับแต่เป็นการขอความร่วมมือ
นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ยังระบุว่า แคมเปญวัคซีน 11 /11 เป้าหมายคาดว่าจะมีผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็ม 1 และเข็ม 2 ไม่น้อยกว่า 25,000 คน การจะฉีดให้ได้เท่าที่ตั้งเป้าหมายจำเป็นที่จะต้องกำหนดวิธีการ คือ ประชาชนมีความสะดวกก็มีการฉีดวัคซีนแบบเชิงรุกในสถานที่เดินทางไปสะดวก ซึ่งการกำหนดวันก็จะเป็นลักษณะให้ประชาชนเตรียมตัวให้พร้อมและจดจำวันได้ง่าย
ขณะที่ชาว จ.อุดรธานีบางส่วน เห็นด้วยกับมีแคมเปญฉีดวัคซีนวันที่ 11/11 คิดว่าแคมเปญนี้ดีเพราะว่าผู้สูงวัยที่เดินทางเข้ามาเองไม่ได้ หรือไม่มีลูกหลานพามาก็จะได้เดินทางมาด้วยกันได้
แท็กที่เกี่ยวข้อง: