"วันเด็ก" 7-10 ม.ค.นี้ กทม.เจอฝุ่นจิ๋วพบจุดความร้อนไฟป่า 307 จุด

Logo Thai PBS
 "วันเด็ก" 7-10 ม.ค.นี้ กทม.เจอฝุ่นจิ๋วพบจุดความร้อนไฟป่า 307 จุด
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
กรมอนามัย เตือน "วันเด็ก" 7-10 ม.ค.นี้ กทม.เจอฝุ่น PM 2.5 คาดการณ์ระดับสีส้มมีผลกระทบต่อสุขภาพวันนี้ (7 ม.ค.) เกิน 31 พื้นที่ แนะพ่อแม่พาลูกเที่ยวกิจกรรมนอกสถานที่ต้องดูแลสุขภาพเด็ก "จิสด้า" เปิดข้อมูลพบจุดความร้อนแนวโน้มสูง 307 จุดกระจุกตัวเหนือ อีสาน

วันนี้ (7 ม.ค.2565) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISDA) รายงานว่า ข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) วันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา พบจุดความร้อนทั้งประเทศ จำนวน 307 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 139 จุด

โดยพบมากสุดในพื้นที่เกษตร 139 จุด พื้นที่เขตสปก. 63 จุด พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 43 จุด พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 34 จุด พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 17 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 11 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากสุด คือ ลพบุรี 29 จุด กาฬสินธุ์ 21 จุด นครสวรรค์ 20 จุด

จากภาพแสดงให้เห็นว่าจุดความร้อนเริ่มมีการกระจายตัวอยู่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากการเตรียมพื้นที่เพื่อการเกษตร

สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้าน พบมากสุดที่เมียนมา 418 จุด ไทย 307 จุด และกัมพูชา 286 จุด ข้อมูลจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ pm 2.5 ในพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณแนวชายแดน เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละออง และหมอกควันเข้ามา  

ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบวงกว้างกับระบบต่างๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะเศรษฐกิจ สังคม ซึ่งในอนาคตไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THOES-2 อย่างเต็มรูปแบบ หนึ่งในภารกิจสำคัญคือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้น หรือคาดว่าจะเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที และแม่นยำ เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่สามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรงได้ GISTDA ยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่ เพิ่มเติมได้ที่ https://fire.gistda.or.th

กทม.ฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 31 พื้นที่ 

ขณะที่ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ กรมควบคุมมลพิษ รายงานว่าผลการตรวจวัด PM2.5 ในประเทศอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ โดยพบเกินค่ามาตรฐานในกทม. สมุทรสาคร สมุทรปราการ นครปฐม และ ราชบุรี

  • ภาคเหนือ ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ตรวจวัดได้ 13-38 มคก.ต่อลบ.ม.
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ตรวจวัดได้ 13-48 มคก.ต่อลบ.ม.
  • ภาคกลางและตะวันตก เกินค่ามาตรฐาน 1 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 34-52 มคก.ต่อลบ.ม.
  • ภาคตะวันออก ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี ตรวจวัดได้ 22 - 38 มคก.ต่อลบ.ม.
  • ภาคใต้ ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ตรวจวัดได้ 8 - 21 มคก.ต่อ ลบ.ม.
  • กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล โดยสถานีตรวจวัดของ คพ. ร่วมกับ​ ​กทม.เกินค่ามาตรฐาน 31 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 34-82 มคก.ต่อลบ.ม.

เตือน "วันเด็ก" 7-10 ม.ค.นี้กทม.เจอฝุ่น

ทั้งนี้จากการประเมินฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5 คาดการณ์ว่าพื้นที่ กทม.-ปริมณฑล ในช่วง 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 7-10 ม.ค.นี้ มีแนวโน้มของระดับฝุ่นละอองที่สูงขึ้นอยู่ในระดับสีส้ม ที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะในโซนกรุงเทพเหนือ กรุงเทพกลาง กรุงธนเหนือ และกรุงธนใต้ เนื่องจากสภาพอากาศที่นิ่ง และลมอ่อน ในหลายพื้นที่ โดยจะมีแนวโน้มของสถานการณ์ดีขึ้นในวันที่ 11-13 ม.ค.นี้

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการจัดงานวันเด็ก เช่น กทม.นนทบุรี ปทุมธานี พ่อแม่ ผู้ปกครองที่มีแผนพาลูกไปเที่ยวหรือร่วมกิจกรรมในวันเด็กตามสถานที่ต่างๆ จึงต้องใส่ใจ ดูแลสุขภาพเด็กเป็นพิเศษ

การจัดกิจกรรมกลางแจ้ง เพื่อให้มีการระบายอากาศที่ดีในช่วงเฝ้าระวังโควิด-19 เช่น ลานกิจกรรม สนามกีฬา สวนสาธารณะ อาจทำให้มีการสูดฝุ่นเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย หากพบว่าค่าฝุ่นอยู่ในระดับสีส้ม สีแดง ควรให้เด็กหลีกเลี่ยงหรือลดเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้ง

หากต้องออกนอกอาคาร ให้เด็กสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากาก N95 แต่ต้องใส่ให้ถูกวิธี และเลือกขนาด ของหน้า กากให้เหมาะสมกับใบหน้าของเด็ก ห้ามสวมหน้ากากทุกชนิด ขณะที่ออกกำลังกาย หรือต้องใช้แรง ในการทำกิจกรรมอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้ร่างกายของเด็กต้องหายใจแรง และเร็วขึ้น ส่งผลให้ระบบ หัวใจและหลอดเลือดทำงานหนักมากขึ้น อาจเป็นอันตรายได้

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง