ศึกพรีเมียร์ ลีก คู่คืนวันจันทร์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดรังโอลด์ แทรฟฟอร์ด พบกับ ลิเวอร์พูล เกมนี้ เอริก เทน ฮาร์ก ส่ง ราฟาเอล วาราน ยืนเซ็นเตอร์คู่กับ เลอานโดร มาร์ติเนส ส่วนแนวรุกมี แรชฟอร์ด, ชานโช และ อิลังกา
ส่วน ลิเวอร์พูล ใช้ 3 ประสานแดนหน้าอย่าง หลุยส์ ดิอาซ, โม ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ส่วนแฟนบอลเข้ามาชมนัดนี้อย่างหนาตา ไม่ได้เป็นไปตามคำเรียกร้องของแฟนบอลบางส่วนที่ต้องการจะประท้วงด้วยการไม่เข้าไปชมนัดนี้
เกมนี้ แมนฯยู เจ้าบ้านออกนำไปก่อน 1-0 จาก จอร์ดอน ชานโช ที่ได้บอลโล่ง ๆ ในกรอบเขตโทษก่อนจะเลือกมุมยิงเข้าไปอย่างใจเย็น
ครึ่งหลัง แมนฯยู มาได้ประตูนำ 2-0 จากจังหวะที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จับบอลลั่น จนบอลไปเข้าทาง มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้หลุดเข้าไปยิงสวนตัว อลิซง เข้าไป และเป็นประตูแรกของ แรชฟอร์ด นับตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา
ลิเวอร์พูล มาได้ประตูไล่มาเป็น 1-2 จาก โม ซาลาห์ ในช่วง 5 นาทีสุดท้าย แต่ก็ไม่ทัน
จบเกม แมนฯยู คว้า 3 คะแนนแรกได้สำเร็จ และเป็นการหยุดสถิติไม่แพ้ใครใน พรีเมียร์ ลีก ของลิเวอร์พูลไว้ที่ 21 เกม เลื่อนขึ้นมาอยู่ที่ 14 ขณะที่ลิเวอร์พูลเล่น 3 นัด ไม่ชนะใครเลย ตอนนี้ตกลงมาอยู่ที่ 16 ของตาราง
หลังการแข่งขัน เอริก เทน ฮาร์ก ให้สัมภาษณ์กับ สกาย สปอร์ต ระบุว่า นักเตะของเขาถ้าจะเล่นให้ดีก็เล่นได้ เพราะคุณภาพของทีมไม่ได้เป็นรองใครอยู่แเล้ว
แต่ที่ผ่านมาพวกเขามีปัญหาเรื่องทัศนคติและความมั่นใจในตัวเอง ผลการแข่งขันจึงออกมาไม่เป็นใจ และยังเจอความกดดันเป็นของแถมอีกด้วย
ทางด้าน เยอร์เกน คล็อปป์ ให้สัมภาษณ์ว่า แมนฯยูมีความกระหายในชัยชนะมากกว่า ลิเวอร์พูลมีฟอร์มที่เอาแน่เอานอนไม่ได้
นอกจากนี้ คล็อปป์ ยังตำหนิที่ลูกทีมจ่ายบอลเสียมากเกินไปแถมยังตัดสินใจพลาดในหลาย ๆ จังหวะ แต่นอกเหนือจากนั้นเขาพอใจที่ลูกทีมสร้างสรรค์โอกาสในกรอบเขตโทษของ แมนฯยูได้ดี
นอกจากนี้ คล็อปป์ บอกว่า เขาไม่ได้รู้สึกกดดันอะไร แต่ก็ยอมรับว่า ไม่พอใจกับผลงาน และอันดับตาราง
แท็กที่เกี่ยวข้อง: