วันนี้ (7 ก.ย.2565) นายเสรี ศุภราทิตย์ ผอ.ศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ ม.รังสิต กล่าวในรายการ Newsroom Daily ของไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า สถานการณ์น้ำในกรุงเทพฯ น่าเป็นห่วง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งพร่องน้ำ เพราะตลอดเดือน ก.ย. - ต.ค. จะยังมีฝนตกหนักเกิดขึ้นใกล้เคียงกับเหตุการณ์เมื่อวานนี้อีก
อ่านเพิ่ม : คาดฝนถล่มกรุงฯ อีก ก.ย.-ต.ค. เสี่ยงน้ำท่วมรุนแรง
อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้กรมชลประทานจะลดการระบายน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา เพื่อประทังความเดือดร้อนของกรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่ยังไม่สามารถช่วยได้ เพราะผลของการลดการระบายน้ำจะเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า ไม่ใช่ตอนนี้
นายเสรี กล่าวว่า วันนี้ที่ จ.อยุธยา มีฝนตกหนัก น้ำฝนจะไหลไปยังคลองรังสิต ซึ่งขณะนี้มีน้ำอยู่จำนวนมาก แม้จะพร่องน้ำแล้ว ขณะเดียวกันคลองเปรมประชากรก็ประสบปัญหาเดียวกัน ดังนั้น ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมคลองต้องเฝ้าระวังตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมีแผนบริหารจัดการน้ำที่ชัดเจน และแจ้งแผนต่อประชาชน เพื่อลดความกังวล
ประชาชนอยากรู้ว่า เดือน ก.ย.มีแผนจัดการอย่างไร ฝนตกลงมาจะเอาน้ำไปไหน จะสูบน้ำได้เท่าไหร่
นายเสรี ทิ้งท้ายว่า ตอนนี้ประชาชนต้องช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุด ในพื้นที่ลุ่มต่ำต้องเตรียมกระสอบทรายและเครื่องสูบน้ำ พร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่จะตกลงมาอีก
คนอยุธยาตั้งคำถาม? การจัดการนำของกรมชลฯ
นายเสรี ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำใน จ.อยุธยา พบว่าขณะนี้คนอยุธยามีความกังวลเรื่องการบริหารจัดการน้ำของกรมชลประทาน พร้อมตั้งคำถามว่า ทำไมกรมชลประทานผันน้ำไปทาง จ.สุพรรณบุรี เพียงแค่ 20-30 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งแตกต่างจาก จ.อยุธยา ที่ผันน้ำมากถึง 1,600 - 1,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ย้อนดูข้อมูลการผันน้ำปีที่ผ่านมา พบว่า ปริมาณน้ำฝนน้อยกว่าขณะนี้ 3 เท่าตัว กรมชลประทานผันน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 300 - 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ผันน้ำไปทาง จ.สุพรรณบุรี 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และผันไปแม่น้ำน้อย 140 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ถ้ากรมชลฯ ให้เหตุผลว่า คนสุพรรณบุรียังไม่เกี่ยวข้าว ขณะนี้คนอยุธยาก็ยังไม่เกี่ยวเช่นกัน ทำไมถึงปล่อยน้ำมามาก