ถึงแม้ว่าในขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. ยังไม่มีผลบังคับใช้ แต่ ผู้จัดการ กยศ. บอกว่า ขณะนี้ ผู้กู้หลายคน ชะลอการจ่ายเงินงวดแล้ว โดยมีเงินชำระหนี้คืนลดลงจากเฉลี่ยวันละ 50 ล้านบาท เหลือวันละ 10 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นชะลอการชำระหนี้อย่างมีนัยสำคัญ
กยศ. จึงเตรียมแผนรับมือความเสี่ยงกระทบสภาพคล่องกองทุนฯ โดยอาจจำกัดโควตาการให้กู้ ซึ่งอาจกระทบจำนวนผู้เข้าถึงเงินกู้ลดลง จนอาจนำไปสู่การกลับไปของบประมาณสนับสนุน พร้อมรวบรวมข้อเท็จจริง เสนอความเห็นต่อวุฒิสภาฯ ให้กลับไปใช้ร่างกฎหมาย กยศ. ฉบับรัฐบาล ซึ่งเสนอเก็บดอกเบี้ยร้อยละ 2 และเบี้ยปรับร้อยละ 1 เพื่อให้กองทุนมีสภาพคล่องเพียงพอ สำหรับเป็นหลักประกันว่าประชาชนทุกคน สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อการศึกษา และเป็นเงื่อนไขความรับผิดชอบและสร้างวินัยทางการเงิน
พร้อมย้ำว่า กองทุน กยศ. ไม่ได้เป็นกองทุนแสวงหาผลกำไรจากดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ แต่เป็นกองทุนหมุนเวียนที่พึ่งพาการชำระหนี้ จากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง
ร่างแก้ไข พ.ร.บ. กยศ. ไม่เพียงปรับปรุงการคิดดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ จากปัจจุบัน กฎหมายให้อำนาจ กยศ. คิดดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 แต่มีการเก็บจริงไม่เกินร้อยละ 1 และเบี้ยปรับ กำหนดเพดานเรียกเก็บได้ร้อยละ 18 แต่เก็บจริงร้อยละ 0.5 เท่านั้น
ร่างกฎหมายฉบับใหม่ ยังจะคืนหลักประกันให้ผู้ค้ำประกัน ผู้กู้ กยศ.ทั้งหมด และนำทรัพย์ที่ยึดมาแปลงหนี้เป็นทุน และปรับสัญญาการชำระหนี้ใหม่ เสมือนปลดแอกหนี้กยศ. ทั้งแผ่นดิน
ขณะที่นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ได้แสดงความเห็นถึงเรื่องนี้เช่นกัน โดยได้พูดในระหว่างเป็นประธานพิธีเปิดศูนย์ช่วยเหลือสังคมสงขลาปันสุข เทศบาลตำบลสำนักขาม จังหวัดสงขลา เปรียบเงินกู้ กยศ.เหมือนชีวิตจริงของตนเองและชาวบ้านทั่วไป ที่ไม่มีเงินเรียนหนังสือ ซึ่งเงินส่วนนี้ถือว่ามีความสำคัญมาก ดังนั้นจึงอยากฝากถึงคนกู้ ถ้ากู้แล้วก็ต้องคืน ถ้าไม่คืนพี่จบแต่น้องไม่มีเงินให้กู้เรียน

จากปกติที่กองทุนฯ เก็บเงินต้นและดอกเบี้ยได้เดือนละ 60 ล้านบาท แต่ปัจจุบันเก็บได้เพียง 10 ล้านบาทต่อเดือน สาเหตุที่ผู้กู้ไม่คืนเงินเนื่องจากไม่มีความพร้อม ฐานะยากจน แต่สำหรับคนที่มีเงินเดือน มีกำลังชดใช้ แต่กลับมีนักการเมืองนำเรื่องไม่มีดอกเบี้ยและค่าปรับไปใช้หาเสียง จึงทำให้คนกลุ่มนี้ไม่อยากใช้เงินคืนด้วย
ขณะที่ กยศ. ได้จัดอันดับสถานศึกษา ระดับอุดมศึกษาทั้งรัฐและเอกชน ที่มีวินัยการชำระเงินกู้ดีที่สุด จำนวน 25 อันดับ จากทั้งหมด 313 แห่ง อันดับ 1 ได้แก่ มหาวิทยาลัยพะเยา รองลงมา ได้แก่ มหาวิทยาลัยศิลปากร และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เป็นต้น
สำหรับปีการศึกษา 2565 กยศ. อนุมัติให้นักเรียน-นักศึกษากู้ยืมเงิน มากกว่า 630,000 คน คิดเป็นเงิน 38,000 พันล้านบาท และได้รับเงินชำระคืนประมาณ 27,000 พันล้านบาท จากจำนวนผู้อยู่ระหว่างการชำระเงินกู้ 3,500,000 คน