“พิชาย” วิเคราะห์ "เพื่อไทย" มาแน่ 230 เสียง ภูมิใจไทย 120 ประเมินเกินจริง

การเมือง
14 ธ.ค. 65
14:28
2,301
Logo Thai PBS
“พิชาย” วิเคราะห์ "เพื่อไทย" มาแน่ 230 เสียง ภูมิใจไทย 120 ประเมินเกินจริง
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
“ดร.พิชาย” ชี้ ส.ส.ย้ายพรรคแห่ซบภูมิใจไทยส่อวืดเก้าอี้กทม.-เขตเลือกตั้งตจว. เหตุคะแนนนิยมเพื่อไทยนำโด่งทุกพรรค มั่นใจสนามกทม. 2566 พื้นที่กทม.สู้รบ เพื่อไทย-ก้าวไกล

ยังไม่นิ่งกับตัวเลข 37 ส.ส.ที่จะย้ายพรรคเข้ามาสู่อ้อมอก “พรรคภูมิใจไทย” แม้นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะบอกว่า เรื่องปกติ พรรคการเมือง เป็นของคนทุกคน ใครมา ใครไป ห้ามไม่ได้

ไปให้หมดเลยก็ได้ ผมไม่ว่าอะไร ผมจะได้ปิดพรรค เสียงตัดพ้อของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวหลังเจอพลังดูดจากพรรคภูมิใจไทย พ่นพิษ ทำให้มี ส.ส.ตีจากถึง 14 คนทั้งในกทม.และต่างจังหวัด

หลายพรรคการเมืองอาจชอกช้ำและจุกอกจนพูดไม่ออก เนื่องจาก 16 ธค.นี้ พรรคภูมิใจไทยจะเปิดตัว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ใหม่พร้อมกับเปิดพรรคหลังปิดรีโนเวตมานาน อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ส.ส.ย้ายพรรคไม่ใช่เรื่องใหม่ก็จริง แต่ไม่ใช่สิ่งที่ควรมองข้าม

ย้ายซบ "ภูมิใจไทย" ส่อตายหมู่

ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผอ.หลักสูตรปริญญาเอก สาขาการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) มองปรากฏการณ์นี้ว่า เป็นการแสวงหาโอกาสทางการเมืองของบรรดา ส.ส. เพราะเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทย อาจทำให้เขามีโอกาสชนะการเลือกตั้งในเขตมากกว่าพรรคเดิมที่เคยสังกัด

พรรคภูมิใจไทยอาจจะมีโอกาสได้เป็นรัฐบาล การย้ายพรรคจะทำให้สถานภาพเปลี่ยนไป โดยเฉพาะโอกาสได้รับตำแหน่งทางการเมืองในอนาคต รวมทั้งความพร้อมในการสนับสนุนทรัพยากรที่มากกว่าพรรคเดิม

เหตุดังกล่าวทำให้พรรคภูมิใจไทย มีความได้เปรียบพรรคการเมืองอื่นหรือไม่ ผอ.หลักสูตรปริญญาเอก สาขาการเมืองฯ ให้ความเห็นว่า ส.ส.ที่จะย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทย ส่วนใหญ่จะมาจากพรรคพลังประชารัฐ มีทั้งส.ส.กทม.และส.ส.เขตในจังหวัดต่าง ๆ

สำหรับพรรคภูมิใจไทย แม้จะมี ส.ส.กทม.ย้ายเข้าไปหลายคน แต่ ดร.พิชาย อธิบายว่า ถ้าพิจารณาตามความเป็นจริง ส.ส. เขต 3 คนที่ย้ายจากพรรคพลังประชารัฐ ประเมินแล้วน่าจะสอบตกทั้งหมด เหตุผลคือ ภูมิใจไทยไม่มีคะแนนพรรคในกรุงเทพฯ เลย และเข้ามาก็ไม่มีน้ำยาอะไร

ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่ย้ายเข้าพรรคภูมิใจไทย 14 คน ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาถึง 5 คนหรือไม่

รวมทั้ง จ.ศรีสะเกษ แม้ ส.ส.เพื่อไทย ไปพรรคภูมิใจไทยหมด แต่อย่าลืมว่า จ.ศรีสะเกษ คะแนนนิยมพรรคเพื่อไทยยังสูงกว่าภูมิใจไทยหลายเท่า อีกส่วนหนึ่งเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทยในพื้นที่อีสานใต้ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่อิทธิพล และเป็นฐานที่ตั้งของพรรคภูมิใจไทย และอยู่ใกล้ จ.บุรีรัมย์

ด้วยอิทธิพลของพรรคภูมิใจไทย อาจจะครอบคลุมจ.ศรีสะเกษ ทำให้ ส.ส.ย้ายมาหลายคนในภาคอีสาน เชื่อว่า ส.ส.ส่วนหนึ่งน่าจะประเมินแล้วว่า นอกจากฐานเสียงส่วนตัวและทรัพยากรที่พรรคภูมิใจไทยให้ เขามีโอกาสในการชนะพรรคเพื่อไทยได้ จึงทำให้บรรดา ส.ส.กลุ่มนี้มองว่า ภูมิใจไทยเป็นพรรคที่มีศักยภาพสูงกว่าเพื่อไทย

ส่วนการเลือกตั้งระดับเขตในพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ ดร.พิชาย วิเคราะห์ว่า แม้คะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยจะสูงกว่าพรรคภูมิใจไทย แต่ก็ไม่ได้เป็นปัจจัยชี้ขาด ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เข้ามากำหนดชัยชนะด้วย บางพื้นที่การตัดสินใจในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ การเมือง ในระดับพื้นที่อาจประเมินแล้วเห็นว่า ชาวบ้านน่าจะเลือกทรัพยากรต่าง ๆ มากกว่า

อีสาน “เพื่อไทย” มาแรงนำโด่งทุกพรรค

ในภาคอีสานบางพื้นที่ต้องยอมรับว่า พรรคเพื่อไทยกำลังมาแรงและได้รับความนิยมสูง ทรัพยากรจะไม่มีพลังพอที่จะไปคัดง้างกระแสได้ ยกเว้นบางพื้นที่หรือจังหวัดใดที่กระแสยังก้ำกึ่งพรรคการเมืองอื่นก็ยังมีโอกาสใช้ทรัพยากรให้มามีอิทธิพลได้เหมือนกัน แต่ว่าก็ต้องต่อสู้กันเข้มข้น ไม่ได้ง่าย

อย่างไรก็ตาม หากสรุปผลจากการสำรวจกระแสทางการเมืองในเบื้องต้น ดร.พิชาย กล่าวว่า ทุกพรรคการเมืองมีโอกาสพ่ายพรรคเพื่อไทยสูงมาก ทั้ง ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลาง คะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยยังนำโด่งทุกพรรค

ยกเว้นในกทม.และปริมณฑล ซึ่งพบว่าเพื่อไทยกับก้าวไกลสูสีกันมาก ชนิดที่เรียกว่า หายใจรดต้นคอ ขณะที่พื้นที่ภาคใต้พรรคประชาธิปัตย์ยังนำ

ส่วนที่เหลือในจังหวัดอื่น ๆ เพื่อไทยกับภูมิใจไทย ได้เท่ากัน เช่นเดียวกับภาคกลาง ซึ่งพบว่าคะแนนนิยมของประชาชนที่มีต่อพรรคเพื่อไทยกับพรรคชาติไทยพัฒนาเท่ากัน โดยเฉพาะจังหวัดที่มีผู้สมัครเป็นผู้ก่อตั้งพรรค จังหวัดความนิยมของพรรคก็จะสูง เช่น พรรคภูมิใจไทย คะแนนนิยมในพื้นที่จ.บุรีรัมย์จะสูง เท่ากับพรรคชาติไทยพัฒนา ใน จ.สุพรรณบุรี

ภูมิใจไทยประเมินเกินจริงกวาด 120 ส.ส.ทั่วประเทศ

หากพรรคเพื่อไทยจะทำแลนด์สไลด์ 250 เสียงขึ้นไปอาจไม่ใช่เรื่องยาก

ดร.พิชาย บอกว่า ยังไม่แน่ เพราะในเขตเลือกกตั้งหลายพื้นที่ พรรคอื่นยังสามารถต่อสู้ได้ แต่พื้นที่แลนด์สไลด์จริงๆ คือ พื้นที่อีสานเหนือเกือบทั้งหมด และภาคเหนือตอนบน ซึ่งอาจจะแลนด์สไลด์ยกจังหวัดได้หลายจังหวัด

รวมทั้งกรุงเทพและปริมณฑล โดยเฉพาะในกทม.พรรคเพื่อไทยอาจได้ถึง 20 เสียง ประเมินแล้วพรรคเพื่อไทยจะได้ส.ส.ทั้งหมดอยู่ที่ 230-250 เสียง

ดร.พิชาย กล่าวอีกว่า การที่พรรคภูมิใจไทยประเมินว่าจะได้ส.ส.จำนวน 120 คนทั่วประเทศเป็นการประเมินเกินจริงไปมาก ตัวเลขที่เป็นได้น่าจะอยู่ที่ 50-60 คน

ดังนั้นพื้นที่กทม.ปี 2566 จะเป็นการชิงพื้นที่ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล โดยมีพรรคประชาธิปัตย์สอดแทรกเข้ามาได้สัก 1-2 คน เพราะการตัดสินใจของคน กทม.จะเน้นกระแสเป็นหลัก

ดังนั้นโอกาสที่พรรคภูมิใจไทยจะชนะการเลือกตั้งในกทม.จึงยาก แม้เขาจะประเมินว่าภายใต้ทรัพยากรที่มีอาจทำให้ชนะแต่หากลงไปดูรายละเอียดจะพบว่า ไม่ว่าจะมีทรัพยากรเท่าไหร่ แต่โอกาสชนะยากมาก

สัมภาษณ์พิเศษ : กิ่งอ้อ เล่าฮง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง