วันนี้ (29 ก.ย.2566) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ปาฐกถาพิเศษ “Next Chapter ประเทศไทย” ที่โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ภายในงาน “ถอดรหัสลงทุน ก้าวข้ามวิกฤต” จัดโดยหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ
นายเศรษฐากล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ในปัจจุบัน ปัญหาสังคม ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ก็เป็นปัญหาใหญ่ ปัญหาการต่างประเทศ ก็เช่นกัน ซึ่งประเด็นที่จะพูดในวันนี้ก่อนเป็นประเด็นแรก คือปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหาสังคมเป็นปัญหาใหญ่ของรัฐบาลที่หมักหมมมายาวนาน
ไม่อยากจะบอกว่า ถูกปล่อยปะละเลยการแก้ปัญหา แต่เป็นปัญหาที่ยากและใหญ่ มีหลายมิติ ทำให้การแก้ปัญหาได้ไม่ตรง จึงต้องเริ่มด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้มีการวางโรดแมปไปแล้ว แต่ยังไม่สมบูรณ์ ทุกคนต้องช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ใช่การแก้ปัญหาของคนใดคนหนึ่ง
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสูงที่สุดประเทศหนึ่ง คนรวยก็รวยมาก คนจนก็จนมาก ถ้าให้รัฐบาลออกมาตรการ เป็นคำสั่งแก้ปัญหา คิดว่าแก้ปัญหาไม่ถูกจุด เพราะต้องแก้ปัญหาด้วยจิตใต้สำนึกของทุกคน
ขอวิงวอนให้ทุกคนเข้าใจ และเชื่อว่าทุกคนรู้อยู่แล้วว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความไม่เสมอภาค ความไม่เท่าเทียมในทุกมิติ ไม่ว่าจะสิทธิเสรีภาพในการเลือกเพศสภาพ เลือกการประกอบอาชีพ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ขอให้ช่วยกันสนับสนุนแสดงความเห็นในเชิงบวก
ในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา หรืออาจนานกว่านั้น ตนขอบคุณในฐานะคนไทย เมื่อเรามีความเห็นต่าง มีความไม่พอใจในการกระทำของอีกฝ่าย แทนที่จะพูดจากันด้วยภาษาที่ทุกคนรับฟังกันได้อย่างสบายหู มีสีหน้าที่ดูแล้ว มีมิตรภาพบนความเห็นต่าง ตนว่าจะเป็นการกระทำที่ดีกว่า
ปัจจุบันนี้ การให้ความสำคัญกับโซเชียลมีเดียเยอะ คนพูดเยอะ มีการใช้คำพูดที่บาดหัวใจ ฟังแล้วสะอื้นได้พอสมควร ถึงแม้ว่าจะมีความคิดเห็นแตกต่างกันเล็กน้อย แต่บางครั้งก็เป็นเรื่องอ่อนไหวจริง ๆ แต่ผลกระทบในเชิงลึกมีมาก สังคมมีความแตกแยก มีการแบ่งพรรคพวกที่ชัดเจน
เรามีวิธีการที่สื่อสารกันได้หลายวิธี ซึ่งแต่ละคนมีวิธีการสื่อสารที่แตกต่างกันไป คำพูด คำจา แต่ละคำมีความหมายลึกซึ้ง ปัญหาไม่ได้เพิ่งเกิด 2-3 ปี แต่เกิดมานานแล้ว หลายคนอาจจะบอกว่า การใช้ภาษารุนแรงนั้นชัดเจน แต่อาจจะมีวิธีอื่นแก้ปัญหา ตนอยากให้มองอีกมุมหนึ่ง ถ้าทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา แล้วหันเข้าหากัน
ก่อนหน้านี้ผมเป็นคนพูดห้วน สั้น แต่จากนี้ไปต้องพูดให้ยาวขึ้น ผมเป็นคนที่ชัดเจนมาตลอด หากรู้จัก ผมเป็นพูดน้อย ได้ใจความ แต่มายืนอยู่ตรงนี้ตัวเองก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่อาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งเกิดขึ้น เราเองต้องมีการปรับปรุงตัวเอง เพื่อลดความขัดแย้งลงไปในการพูดจา
ตนไม่ได้ต้องการว่าใครหรือตอบโต้ใครทั้งสิ้น การใช้คำว่าปฏิรูปสังคายนา ล้างบาง ขอยกตัวอย่างคำพูดเหล่านี้ ตนว่าทุก ๆ คนก็มีความภูมิใจในองค์กรของตัวเอง ทุกคนเข้าใจในความหวังดีขององค์กรตัวเอง และทุกองค์กรมีทั้งคนดีและไม่ดี แต่เราใช้คำพูดที่รุนแรง
วิธีการที่ก่อให้เกิดการแบ่งพรรคพวกที่ชัดเจน เป็นวิธีการที่แก้ไขปัญหาหรือเปล่า หรือการแก้ไขปัญหาอยู่ที่การกระทำ และการพูด การเอาสถาบันต่าง ๆ มาพูดในที่สว่าง มีคำพูดที่รุนแรง เชื่อว่าไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่การแก้ไขปัญหาคือพูดคุยกัน ในภาษาที่ทุกคนยอมรับได้ แต่ไปเน้นหนักที่การกระทำ และกระบวนการแก้ไขปัญหาที่จะทำให้สังคมนั้นดีขึ้น
เชื่อว่าไม่ต้องพูดเยอะในเรื่องนี้ แต่ทุกคนตระหนักดีอยู่แล้ว การกระทำตัวของทุกคนในสังคม มีส่วนช่วยให้สังคมลดความเหลื่อมล้ำ ในเรื่องของการใช้โซเชียลมีเดียอวดแสดงตนว่าเหนือท่าน หลายๆเรื่องหากลดลงไปได้บ้าง คนที่อยู่ชายขอบของสังคมเขาก็จะมีความสบายใจขึ้น เชื่อว่าทุกคนในที่นี้ อาจจะรวมถึงตน ไม่สายเกินไปในการช่วยเยียวยาสังคมให้ดีขึ้น จากการกระทำของพวกเราทุกคน
ผมพูดไปหลายวงแล้วไม่อยากเน้นเยอะ เดี๋ยวจะหาผมมีอคติกับเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่ผมไม่สบายใจจริง ๆ กับเรื่องนี้ เราต้องรับผิดชอบต่อสังคม ถือเป็นส่วนหนึ่ง ที่เราจะนำประเทศเดินไปข้างหน้า ควบคู่กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้เป็นฉบับที่ประชาชนมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น
นายเศรษฐา ยังกล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจทุกคนเข้าใจดี GDP เพื่อนบ้านที่โตกว่าเราถึงสองเท่า ปัญหาเศรษฐกิจพี่น้องประชาชนเดือดร้อน ถ้าไม่มีการเยียวยาหรือบริหารจัดการ จะเรียกว่าประชานิยมหรือนโยบายหาเสียงอะไรก็ได้ แต่มีอีกหลายสิบล้านคนที่เดือดร้อนอยู่กับปัญหาปัจจุบัน
รัฐบาลนี้มาเพื่อประชาชน อะไรที่ทำได้ เราทำก่อน เช่น การลดค่าไฟ หลายคนเข้าใจว่าพยายามทำอยู่ เช่น การพักหนี้เกษตรกร หลายคนคงไม่เข้าใจถึงความเดือดร้อนของเกษตรกร พักหนี้มาแล้ว 13 ครั้งภายใน 9 ปี แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ซึ่งเราไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก แต่ความจำเป็นที่ต้องพักตอนนี้ เพราะเกษตรกรเดือดร้อนมาก ทำให้มีขวัญและกำลังใจในการทำงานต่อ
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มีหลายตลาดที่เรายังด้อยกว่าประเทศอื่น อาชีพเกษตรกรเป็นอาชีพที่ต้องพึ่งดินฟ้าอากาศมาก เราไม่มีความประสงค์เรื่องการจำนำข้าว หรือประกันราคาข้าว โดยรัฐบาลจะใช้ตลาดนำนวัตกรรมเสริม ยกเว้นจะมีภัยพิบัติร้ายแรงที่เราต้องช่วยจุนเจือเกษตรกร ไม่ขอพูดเรื่องรัฐบาลก่อนๆ
นายกรัฐมนตรียังแสดงความเป็นห่วงเรื่องน้ำท่วมและภัยแล้งว่า การบริหารจัดการน้ำแบ่งเป็น 4 ส่วน คือ การบริโภค ระบบนิเวศ อุตสาหกรรม และเกษตรกรรมซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด และในปีนี้ฝนตกช้าและตกน้อย และสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ตกลงมาก็ตกหลังเขื่อน จึงได้กำชับเรื่องการเก็บน้ำ ได้สั่งการกรมชลประทาน ต้องไม่ให้เกิดขึ้นและควบคู่กับการเกษตรกรรมทั้งหมด
นายกรัฐมนตรียังได้ชี้แจงถึงการเดินทางไปประชุมสหประชาชาติ ที่สหรัฐอเมริกาว่า มีโอกาสพบผู้นำหลายประเทศ และประกาศให้ชาวโลกรู้ว่า ประเทศไทยเปิดแล้วในการทำธุรกิจกับทุกประเทศ เราจะมีผู้นำและรัฐบาลเดินทางไปพบปะกับทุกประเทศ เพื่อเร่งเจรจาขยายข้อตกลง FTA เป็นการเปิดประเทศให้นักลงทุนเข้ามา
และจากการที่ได้พบตัวแทนหลายบริษัท เช่น ไมโครซอฟ เทสล่า กูเกิ้ล ก็ให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับการลงทุนของประเทศไทยที่ไม่ได้พึ่งจาก GDP ของภาคเกษตรเพียงอย่างเดียว ซึ่งไทยไม่ใช่มีเพียงวัฒนธรรม ภูเขา ทะเล หรือ สถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น แต่เรายังมีโรงเรียนนานาชาติ สถานพยาบาลไว้รองรับ
ส่วนเรื่องของสนามบินก็เป็นเรื่องสำคัญ ไม่เช่นนั้นความเจริญก็จะกระจุกตัวอยู่ที่กรุงเทพฯ หรือภูเก็ตเท่านั้น ซึ่งในการท่องเที่ยวไม่ใช่เน้น แต่จำนวนนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ทำอย่างไรให้เขาอยู่ในประเทศไทยนานขึ้น
ทุกกระทรวงต้องร่วมมือกัน โปรโมทยกระดับการท่าอากาศยานให้รองรับเครื่องบินมาขึ้น เพื่อให้เที่ยวบินสามารถบินเข้า-ออก ในช่วงกลางคืนได้ด้วย เป็นความปรารถนาของรัฐบาลนี้ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยวไปยังจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ อาจจะมีการเปลี่ยนสนามบินในพื้นที่ภาคใต้ เป็นอันดามันแอร์พอร์ต หรือที่เชียงใหม่ เป็นล้านนาแอร์พอร์ต ต้องพัฒนาขึ้นจากเดิม ตนเทหมดหน้าตักในการพัฒนาประเทศ บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้พี่น้องประชาชน
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ตนกำลังจะเดินทางไปญี่ปุ่นในเดือนธันวาคมนี้ และยืนยัน ไม่ลืมต้นน้ำ ที่ญี่ปุ่นเคยช่วยเหลือเรามาเป็นสิบปี
พร้อมยกตัวอย่าง กรณีของบริษัทรถญี่ปุ่นที่มีความกังวลเรื่องตลาดรถอีวี ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถญี่ปุ่น ซึ่งอาจทำให้อุตสาหกรรมดังกล่าวเดือดร้อน เราจะมีการพูดคุยกับสมาคมยานยนต์ให้ไทย เป็นศูนย์กลางของการผลิตรถยนต์สันดาปช่วงสุดท้าย ก่อนช่วงเวลาที่จะเปลี่ยนแปลง
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการเดินทางไปร่วมประชุมสหประชาชาติ ที่มีการพูดถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งรัฐบาลจะให้ความสำคัญ พร้อมระบุว่า รัฐบาลพร้อมสำหรับการเปิดประเทศ จะมีการพูดคุยและรับข้อเสนอแนะ เพื่อดึงดูดการลงทุน สนับสนุนหน่วยงานรัฐ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และเอกชน ให้ออกไปพูดคุยกับนานาประเทศ
อ่านข่าวอื่นๆ
งานเข้า! ตำรวจ PCT 4 "มินนี่" โยงปมแชต-ภาพมือถือหลุด
ก่อน 60! ข้าราชการไทยเกษียณอายุที่ 55 ปีมาก่อน
ศาลสั่งปรับ "จิน" 5 พัน โพสต์ดูหมิ่น "แซน-กระติก" ชดใช้คนละ 5 หมื่นบาท