ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

จ่อขึ้นทะเบียน GI "ปลานิลสายน้ำไหลเบตง-พลวงชมพูฮาลาบาลา"

เศรษฐกิจ
17:12
1,672
จ่อขึ้นทะเบียน GI "ปลานิลสายน้ำไหลเบตง-พลวงชมพูฮาลาบาลา"
อ่านให้ฟัง
03:47อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
นายกฯ ลุยเบตง ชูเมนูเด็ดปลาท้องถิ่น ขึ้นแท่นซอฟต์พาวเวอร์อาหารชายแดนใต้ ด้านกรมทรัพย์สินฯรับลูก เตรียมขึ้นทะเบียน GI ปลา 2 สายพันธุ์ “นิลสายน้ำไหลเบตง” และ “พลวงชมพูฮาลาบาลา” อัตลักษณ์พื้นเมือง

วันนี้ (28 ก.พ.2567) นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และลงไปที่จ.ยะลา เพื่อเดินหน้าสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า “ปลานิลสายน้ำไหลเบตง” และ “ปลาพลวงชมพูฮาลาบาลา” ซึ่งเป็นปลาน้ำจืดที่มีอัตลักษณ์เฉพาะถิ่น

กรมฯจะเร่งผลักดันสินค้าอัตลักษณ์ท้องถิ่นให้เป็นสิทธิของชุมชน ผ่านการส่งเสริมการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI เพื่อยกระดับสินค้าคุณภาพจากชุมชนให้เป็นที่รู้จัก ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างงาน สร้างรายได้ให้ชุมชน โดยมีตัวแทนกลุ่มเกษตรกรปลานิลสายน้ำไหลเบตงและปลาพลวงชมพูฮาลาบาลาได้ยื่นคำขอขึ้นทะเบียน GI กับนายกรัฐมนตรีฯ ซึ่งกรมฯจะนำเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบคำขอ

การยกระดับสินค้าชุมชนด้วยระบบ GI จะเป็นโมเดลต้นแบบในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในจังหวัด และจะเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมประมงน้ำจืดของจังหวัดยะลาให้เติบโตอย่างเข้มแข็งต่อไป

สำหรับ ปลานิลสายน้ำไหลเบตง เพาะเลี้ยงมากในบริเวณเทือกเขาสันกาลาคีรีของ อ.เบตง จ. ยะลา และเลี้ยงในบ่อที่มีกระแสน้ำที่ไหลตลอดเวลา ทำให้ปริมาณออกซิเจนในน้ำสูงกว่าบ่อปลาทั่วไป จึงทำให้ปลานิลสายน้ำไหลเบตงมีลักษณะเด่นคือส่วนหัวเล็ก เนื้อปลาแน่น สีขาวละมุน รสชาติหวาน ไม่มีกลิ่นโคลน ริมฝีปากบนและล่างเสมอกัน ราคาขาย 300 บาทต่อกิโลกรัม

ส่วน ปลาพลวงชมพูฮาลาบาลา เป็นปลาท้องถิ่นหายาก มีพ่อพันธุ์แม่พันธุ์จากต้นน้ำป่าฮาลาบาลา และเลี้ยงด้วยระบบน้ำไหลจากแหล่งน้ำธรรมชาติ มีลักษณะเด่นคือลำตัวมีสีชมพู ครีบหลังและครีบหางเป็นสีแดง เนื้อปลานุ่มมีสีขาวเหมือนสำลี รสชาติหวานอร่อย เกล็ดมีสารคลอลาเจนจึงนิยมทานทั้งเกล็ด

โดยมีราคาสูงถึง 3,000 – 3,500 บาทต่อกิโลกรัม เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลาเลี้ยงอย่างน้อย 2-3 ปี จึงจะสามารถขายได้ โดยปลาทั้ง 2 ชนิด สร้างมูลค่าการตลาดให้กับจังหวัดรวมกว่า 44 ล้านบาทต่อปี

 อ่านข่าวอื่นๆ:

วิกฤตสร้างโอกาส! สร้างกางเกงลายประจำจังหวัดต่อยอดพัฒนาสินค้า

ยกเลิกภาษีนำเข้า อานิสงส์ “FTA ไทย-ศรีลังกา”ดันสินค้าเกษตรโต

รับเทรนด์โลกยุคใหม่ สนค.ดัน Event Tourism ชูวัฒนธรรมย้อนยุค