ความคืบหน้าประชาชนเดินทางเข้ามาแจ้งความกับผู้บริหารและผู้ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทดิไอคอนทกรุ๊ป จำกัด ยอดตัวเลขรวมทั้งหมด กว่า 1,000 คน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 400 ล้านบาท และยังคงมีประชาชนเดินทางเข้ามาแจ้งความอย่างต่อเนื่อง
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้แถลงความคืบหน้าในคดีนี้ ว่า การสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานขณะนี้ รู้สึกพอใจ คดีมีความคืบหน้าไปมาก ส่วนการออกหมายจับต้องรอบคอบ เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาแสดงตัว และมีที่ปรึกษาด้านกฎหมายมาด้วย แต่ตำรวจไม่ได้วิตกกังวลแต่อย่างใด เร่งรวบรวมพยานหลักฐานออกมาจับ และแจ้งข้อกล่าวหาให้ทันภายในเดือน ต.ค.นี้
ส่วนเรื่องของการอายัดทรัพย์สินและบัญชีการเงิน ได้มีการประสาน ปปง.พิจารณาแล้ว ว่าจะเข้าข่ายความผิดมูลฐานฟอกเงินหรือไม่ ทราบว่าคณะกรรมการธุรกรรมจะมีประชุมสรุปผลในวันที่ 17 ต.ค. ทางตำรวจอยู่ระหว่างรอผลการพิจารณา ส่วนการกระทำความผิด จากการพิจารณาจากข้อเท็จจริงเข้าข่ายกระทำความผิดเรื่องเกี่ยวกับตลาดขายตรง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค, พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ความผิดเรื่องการฉ้อโกงประชาชนที่มีเรื่องการฟอกเงิน
สำหรับยอดผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายที่เข้าขายเป็นคดีพิเศษนั้น ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ แต่ทางตำรวจยังต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อหาข้อเท็จจริงให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุด ไม่ว่าหน่วยงานไหนจะเป็นผู้ทำคดี ก็พร้อมที่จะดำเนินการอย่างเต็มที่ที่สุด
สำหรับประชาชนที่เดินทางเข้าแจ้งความสถานีตำรวจในพื้นที่ต่าง ๆ หากไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ สามารถแจ้งความได้ที่หมายเลข 1599 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการรับแจ้งความ ส่วนพนักงานสอบสวนในพื้นที่หากพบว่ามีพฤติกรรมไม่ได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหนังสือให้รับเรื่องราวร้องทุกข์เกี่ยวกับผู้เสียหายในคดีนี้ ก็จะมีมาตรการลงโทษทางวินัย
ผบ.ตร.ยืนยันว่า มั่นใจในการทำงานของตำรวจ ไม่กลัวถูกฟ้องกลับ เมื่อมีผู้เสียหายจำนวนมาก ก็ต้องรับเรื่องและหาพยานหลักฐานพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรม
ถ้าจะฟ้อง ฟ้องผมได้เลย ผมกล้าพอที่จะรับผิดชอบ ไม่ต้องไปฟ้องผู้ใต้บังคับบัญชา ฟ้องผมได้เลยคนเดียว ผมพร้อมที่จะเดินหน้าสู้กับท่าน เราจะเดินหน้าด้วยความถูกต้องและชอบธรรม
กรณีแม่ข่ายที่ปรากฏว่ามีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกับการร่วมลงทุนและชักชวนคนเข้ามาร่วมลงทุนนั้น เบื้องต้นก็อยู่ในฐานะผู้เสียหายและพยานที่เข้ามาให้การ แต่หากพบว่ามีส่วนในการกระทำความผิดก็ต้องถูกดำเนินคดี ไม่ว่าจะเป็นตำรวจก็ตาม
ส่วนประเด็นที่มีการรับผลประโยชน์จากผู้ที่เกี่ยวข้องของบริษัทไปถึงนักการเมือง และหน่วยงานภาครัฐ หากปรากฏหลักฐานที่ชัดเจนว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์ ก็จะต้องถูกตรวจสอบด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองระดับไหน หรือตำรวจก็พร้อมที่จะดำเนินคดี รวมถึงกรณีที่มีแม่ข่ายได้ข่มขู่ผู้เสียหายว่าจะฟ้องกลับหากเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีนั้น ขอให้ประชาชนที่ร่วมลงทุนเข้ามาแสดงตัวกับตำรวจ พร้อมปกปิดข้อมูลส่วนบุคคล และนำหลักฐานที่มีไปตรวจสอบการกระทำความผิด
ผู้ที่คิดว่าตนเองถูกกล่าวหาก็พาทนายมาแสดงตนแสดงหลักฐาน เราก็รับมาสู่กระบวนการสอบสวน แต่ผู้เสียหายยังไม่มีทนาย ตำรวจคือทนายผู้เสียหาย ประชาชนเขาไม่มีที่พึ่ง ไม่มีที่ปรึกษาทางกฎหมาย
อ่านข่าว : “กบ ไมโคร” เข้าให้ปากคำตำรวจ บก.ปคบ.คดีดิไอคอนกรุ๊ป
จับตา! บุคคลปริศนารับสินบน "บอสพอล" แจ้งความ 6 ทีมบอส
"บอสพอล" ขีดเส้น 18 ต.ค.ขู่สื่อลบคลิปนักการเมือง "ส" เรียกเงิน