ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

แกะรอย(ลวง) 100 ล้าน “มาดามอ้อย” ปิดเกมเครือข่าย-ทนายตั้ม

อาชญากรรม
12 พ.ย. 67
17:43
1,367
Logo Thai PBS
 แกะรอย(ลวง) 100 ล้าน “มาดามอ้อย” ปิดเกมเครือข่าย-ทนายตั้ม
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

เพียง 4 วัน (8 พ.ย.-11 พ.ย.2557) นับจาก ทนายตั้ม “ษิทธา เบี้ยบังเกิด” และ “ปทิตตา เบี้ยบังเกิด” ภรรยา ถูกตำรวจกองปราบแจ้งข้อหาหนัก ทนายตั้มเจอ ทั้ง ข้อหาฉ้อโกง, ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน

ขณะที่ “ปทิตตา” ถูกตั้งข้อกล่าวหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน หลอก “มาดามอ้อย” น.ส.จตุพร อุบลเลิศ ให้ลงทุนขายสลากกินแบ่งรัฐบาลทางออนไลน์ โดยอ้างว่าจะต้องจ่ายเงินเป็นค่าจ้างเขียนโปรแกรมเป็นเงินจำนวน 2,000,000 ยูโร และนำสัญญาว่าจ้างมาให้ “มาดามอ้อย” ลงลายมือชื่อ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินค่าจ้างดังกล่าวไปยังบัญชีธนาคารของทนายตั้ม เป็นเงินไทยจำนวน 71 ล้านบาท

แม้เบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้ง 2 จะให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ที่เกิดขึ้นต่างกรรม ต่างวาระ เนื่องจาก ทนายตั้ม ที่ปรึกษากฎหมาย ในขณะนั้น ยังใช้วิธีการหลอกลวง “มาดามอ้อย” ผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จปกปิดข้อความจริง เป็นเหตุให้ส่งมอบเงิน ทั้งการจ้างเขียนโปรแกรมหวยออนไลน์, การกินส่วนต่าง 1.5 ล้านบาท จากการเป็นธุระจัดหาซื้อรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น จี 400 ราคา 12.9 ล้านบาท ทั้งที่มีราคาเพียง 11.4 ล้านบาท

และการว่าจ้างบริษัทแห่งหนึ่งเป็นผู้เขียนแบบก่อสร้างโรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา ซึ่ง “มาดามอ้อย” จะก่อสร้าง โดยอ้างว่ามีค่าใช้จ่ายในการเขียนแบบ 9 ล้านบาท แต่ “ทนายตั้ม” กลับไปว่าจ้างบริษัทอื่นให้เขียนแบบโรงแรมดังกล่าวให้แก่ผู้เสียหายในราคา 3.5 ล้านบาท ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินชำระค่าเขียนเข้าบัญชีธนาคารให้แก่บริษัทแห่งหนึ่ง

แต่ “ทนายตั้ม” กลับให้บริษัทดังกล่าวถอนเงินให้ตัวเอง โดยกินส่วนต่างไปอีก 5.5 ล้าน บาท ด้วยพฤติการณ์แห่งคดี ตำรวจกองปราบ แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม “ความผิดฐานฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

เนื่องจาก สืบสวนสอบสวนพบว่า “ทนายตั้มและภรรยา” มีการกระทำต่อทรัพย์ สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการฟอกเงิน โดย “ทนายตั้ม” รับโอนเงินจำนวน 71 ล้านบาทเศษ จากมาดามอ้อย แล้วโอนออกจากบัญชีธนาคารตัวเอง ไปยังบัญชีอื่นของตัวเองอีก 2 ทอด เพื่อชำระหนี้ค่าบ้านและที่ดินดังกล่าวให้กับภรรยา

ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา ขณะที่ผู้เสียหายและตำรวจคัดค้านการประกันตัว ส่งผลให้ ทนายตั้มและภรรยา ต้องเป็นผู้ถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดีในที่สุด

โดยขณะนี้กองปราบปรามฯ ได้ตรวจยึดเงินในบัญชีของทนายตั้ม จำนวน 28 ล้านบาท และที่ดินเป็นบ้านหรูฝั่งธนฯราคา 43 ล้านบาท ที่มีข้อมูลว่ามาจากเงินที่อยู่ในก้อน 71 ล้านบาทไว้แล้วก็ตาม

แต่คดีต่อเนื่องเกี่ยวพันกลับเพิ่งเริ่มต้น เมื่อ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับ การกองปราบปราม (ผบก.ป.) สั่งการให้ตำรวจกองปราบนำกำลังเข้าจับกุม “นุวัฒน์” หรือ นุ คนสนิทของ “ทนายตั้ม” และ “สา” น.ส.สาริณี แฟนของนายนุวัฒน์ หลังศาลอาญาอนุมัติการออกหมายจับ ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง จากกรณีฉ้อโกงเงินจำนวน 39 ล้านบาท ของ น.ส.จตุพร หรือ มาดามอ้อย อีกคดีหนึ่ง เมื่อมีหลักฐานว่า ทั้งสองคน เป็นผู้ไปถอนเงินสดจำนวน 39 ล้านบาท “มาดามอ้อย” โอนเข้ามา ออกจากธนาคารที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่งย่านห้าแยกลาดพร้าว

สำหรับที่มา-ที่ไปของคดี 39 ล้านบาท มีรายข่าวระบุว่า เกิดจากติดต่อศิลปินชื่อดัง “เฉินคุน” ให้มาเล่นคอนเสิร์ตในเมืองไทย มีการระบุว่า ต้องจ่ายค่าจ้างนักแสดงเป็นเงินคริปโต โดย “ทนายตั้ม” อ้างว่า มาดามอ้อย วานให้โอนเงินเป็นสกุลบิตคอยน์ มายังบัญชีบุคคลซึ่งเป็นชื่อของ นุและสา จำนวน 2 ครั้ง

ต่อมานุได้แจ้งว่า เงินที่โอนมาทั้งหมดถูกสแกมเมอร์ดูดเงินจากบัญชีบิทคอยน์ และเดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สน.บางซื่อ และทั้งหมดได้นำใบบันทึกแจ้งความดังกล่าวไปแสดงเป็นหลักฐานให้มาดามอ้อยดู ทำให้ผู้เสียหายรู้สึกผิด จึงออกแคชเชียร์เชคให้อีก 39 ล้านบาท

ขณะที่ ในรายละเอียดบันทึกประจำวันที่ สน.บางซื่อ ระบุว่า น.ส.สารินี มีกระเป๋าเงินออนไลน์ชื่อบัญชีหนึ่งใน Gmail และโอนเงินสกุลบิตคอยน์ให้กับบุคคลไม่ทราบชื่อสกุล โดยใช้วิธีสแกนคิวอาร์โค้ดบัญชีหนึ่ง จำนวน 7 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 2,276,400 บาท

แต่ปรากฏว่า หลังจากนั้นบัญชีที่เชื่อมต่อกับ Gmail ของ น.ส.สารินี รวมถึงแอปพลิเคชัน กระเป๋าเงินออนไลน์ ถูกระงับ ไม่สามารถเข้าได้อีกเลย แต่ทนายตั้มกลับไปแจ้งมาดามอ้อย ว่าถูกดูดเงินจากกระเป๋าดิจิทัลกว่า 39 ล้านบาท จนเป็นที่มาที่ทำให้มาดามอ้อยโอนเงินคืนเพื่อรับผิดชอบเข้าบัญชีธนาคาร น.ส.สารินี จำนวน 39 ล้านบาท วันที่ 25 พ.ค.2566 ที่ผ่านมา

และยังมีการตรวจสอบข้อมูลพบว่า กระเป๋าเงินดิจิทัล บิทคอย์ที่ มาดามอ้อย โอนเงินมาให้นั้น เป็นกระเป๋าเงินของนุ ซึ่งไม่ได้ถูกระงับบัญชี และการที่อ้างว่า เงินที่มาดามอ้อย โอนมาถูกสแกมเมอร์ดูดเงินออกไปจากบัญชีบิทคอยน์ทั้งหมด ไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง

จากการสืบสวนสอบสวนของกองปราบ พบว่า คดี 39 ล้านบาท มีการปั้นแต่งพยานหลักฐานโดยการเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกดูดเงินจากบัญชีบิทคอยน์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานตบตาหลอก มาดามอ้อย ให้หลงเชื่อตายใจ จนนำมาสู่การออกหมายจับอีกคดีในวันนี้

หมายเหตุ: ผู้ต้องหาทั้งหมดในคดีดังกล่าว ที่มีมูลฐานความผิดต่าง ๆ หลายกรรม หลายวาระ ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ เนื่องจากศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษา

อ่านข่าว : ศาลสั่งปิดแพลตฟอร์ม “มังกรฟ้า” ขายล็อตเตอรีเกินราคา

"ฟิล์ม" เคลียร์ปมคลิปเสียง อ้างคนกลางประสานรับงานพีอาร์ "ดิไอคอน" งบ 20 ล้าน

อาถรรพ์ “เขากระโดง” 2 พรรคใหญ่ พท.-ภท.เปิดศึก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง