วันนี้ (27 ม.ค2568) หลังจากกระทรวงการคลังโอนจ่ายเงิน 10,000 บาท เฟส 2 เข้าระบบพร้อมเพย์ตามธนาคารต่าง ๆ ให้กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 3 ล้านคนที่ได้รับสิทธิ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศธนาคารในเขตเทศบาลเมืองพิจิตร เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารกรุงไทย และธนาคารออมสิน มีผู้สูงอายุที่เดินทางไปรอเบิกถอนเงิน 10,000 บาท บางคนที่มีอายุมาก ต้องให้บุตรหลานพามาตรวจสอบบัญชี และเบิกถอนเงินสด
ดุษฏี ปาระกานนท์ ชาวตำบลท่าฬ่อ อ.เมืองพิจิตร ชาวบ้านบอกว่าเงินจำนวนนี้จะนำใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ซื้อข้าวสาร และอาหาร กักตุนไว้ นำไปซื้อเครื่องเซ่นไหว้ในช่วงเทศกาลตรุษจีน
เงินหมื่นมีค่ามากสำหรับคนจน เอาไปซื้ออาหาร ซื้อข้าวตุนไว้
เช่นเดียวกับ จ.นครสวรรค์ ตั้งแต่ช่วงเช้ามีผู้สูงอายุนำสมุดบัญชีธนาคารไปตรวจสอบยอดเงินตามธนาคารต่างๆ ส่วนใหญ่พบว่าได้รับโอนเงินสำเร็จตามที่รัฐบาล แจ้งไว้ล่วงหน้า
นายสุทธิชัย พงษ์ไพบูลย์ ชาวอำเภอเก้าเลี้ยว จ.นครสวรรค์ ประชาชนที่จะได้รับโอนเงิน 10,000 บาท ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าดีใจที่ได้รับเงินสดและพร้อมที่จะเบิกถอนนำมาใช้จ่ายทันทีในช่วงเทศกาลตรุษจีน
ส่วนในพื้นที่ภาคใต้ เช่น เขตเทศบาลเมืองยะลา มีประชาชนรอเข้าแถวใช้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ที่กำลังรอตรวจสอบการโอนเงิน 10,000 บาทจากรัฐบาลเข้าบัญชี ขณะที่บางคนให้ลูกหลานเป็นตัวแทนมาตรวจสอบ โดยนำสมุดบัญชีมาอัปเดต และวางแผนนำเงินไปใช้จ่าย
ส่วนชาว จ.สงขลา กลุ่มผู้สูงอายุต่างดีใจที่ได้รับเงิน 10,000 บาท ตามที่รัฐบาลเคยสัญญาไว้ จะนำเงินไปใช้จ่ายในครัวเรือน และให้บุตรหลาน โดยมองว่า หากเงินจำนวนนี้ถึงมือคนจนจริงก็จะทำให้เกิดการจับจ่ายจริงในชีวิตประจำวัน แต่หากเป็นคนที่มีฐานะ เงินจำนวนนี้อาจถูกเก็บเอาไว้ก่อน
เดิมมีบัตรประชารัฐไว้กินใช้อยู่แล้ว พอได้ยินข่าวว่าจะจ่ายเงินให้คนอายุ 60 ปี ก่อนหน้านี้รัฐบาลเคยพูดไว้แล้ว พอให้จริง ก็ทำให้คนเชื่อถือว่า พูดจริง
เงินหมื่นจ่ายค่าไฟ-ต่อชีวิต
ส่วน จ.บุรีรัมย์ ผู้สูงอายุก็มารอเบิกถอนเงินหมื่น ส่วนใหญ่บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าจะนำเงินไปใช้จ่ายในครอบครัว และบางคนก็นำไปเป็นทุนในการประกอบอาชีพ แต่บางคนนำสมุดบัญชีมาปรับเช็กยอดแต่ก็ต้องผิดหวังเพราะยังไม่มีเงินโอนเข้าบัญชี
ขณะที่สองสามีภรรยาคู่นี้บอกว่าต้องเลี้ยงหลานถึง 5 คน จะนำเงินที่ได้ไปจ่ายค่าไฟ เพราะค้างค่าไฟถูกตัดไฟมา 2 เดือนแล้ว ส่วนที่เหลือก็จะซื้อข้าวและอาหารไว้กิน เพราะรายได้หลักมาจากเงินผู้สูงอายุ
กดปุ่มหมื่นเฟส 2 สะพัด 3 หมื่นล้าน
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน Kick Off โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผู้สูงอายุกว่า 3,000,000 คน ส่งผลให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยเป็นจำนวนประมาณกว่า 30,000 ล้านบาท
นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีกับประชาชน และหวังให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยเงินจำนวนนี้ เพื่อช่วยบรรเทาทุกข์ แบ่งเบาภาระได้หลาย ๆ อย่าง และนำไปต่อยอดในการประกอบอาชีพต่อไป
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้กดยืนยันการโอนเงิน 10,000 บาท ให้แก่กลุ่มเป้าหมายของเป็นสัญลักษณ์ของการเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการ เพื่อให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง และสร้างความเชื่อมั่นต่อการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของคณะรัฐมนตรีที่ได้แถลงต่อรัฐสภา
ภายหลังกดปุ่มโอนเงิน นายกรัฐมนตรี พูดคุยคุยผ่านระบบ Video Conference กับป้าจันทร์ อายุ 79 ปี อาชีพแม่ค้าขายไข่สด นายกรัฐมนตรีทักทายป้าจันทร์ว่าวันนี้หน้าตาสดใส ทางด้านป้าจันทร์กล่าวว่า
หน้าตาสดใสเพราะดีใจที่ได้รับเงิน 10,000 จากรัฐบาล
พร้อมกับกล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลที่ดำเนินโครงการที่ดีเป็นประโยชน์ โดยจะนำเงินที่ได้รับไปซื้อไข่มาขายต่อ และเงินอีกส่วนหนึ่งจะนำไปจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน
สำหรับเงินสนับสนุน เฟส 2 หากดำเนินการโอนแล้วติดขัดเรื่องใด ๆ จากจำนวนผู้ลงทะเบียน รัฐบาลจะโอนซ้ำอีก 3 ครั้งในวันที่ 28 ก.พ.และวันที่ 28 มี.ค. และ 28 เม.ย.นี้ และหากพ้นกำหนด 3 ครั้งก็จะตรวจสอบว่าเหลืออยู่จำนวนเท่าไร เพื่อนำมากำหนดวิธีสำหรับผู้ไม่มีสมาร์ตโฟน
อ่านข่าว
เช็กคุณสมบัติ คนอายุ 60 ปีขึ้นไป รับเงิน 10,000 เฟส 2 โอน 27 ม.ค.