ผู้สมัครจากทั้งภูมิใจไทย นายไสว เลื่องสีนิล สามีลงรักษาเก้าอี้ สส.แทนภรรยา นางมุกดาวรรณ เลื่องสีนิล ที่ถูกศาลพิพากษาทำผิดกฎหมายเลือกตั้งปี 2566 ตามที่ กกต.ให้ใบแดง
พรรคประชาธิปัตย์ ส่งนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ อดีต สส. 9 สมัย อดีตรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ในวัยเกือบ 70 ปี ลงแก้มือล้างตา หลังเลือกตั้งปี 2566 คนในตระกูลพ่ายแพ้
ไม่เพียงเท่านั้น พรรคกล้าธรรม ที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นหัวหอกสำคัญ ส่งนายก้องเกียรติ เกตุสมบัติ อดีต ส.อบจ.นครศรีฯ ลงสู้อีกคน
ขณะที่พรรคประชาชน ส่งนายณัฐกิตติ์ อยู่ด้วง ลงสู้ศึก นอกจากนี้ ยังมีผู้สมัครอีก 2 คน ว่าที่ พ.ต.กวี ไกรทอง พรรคพร้อมและนายพิษณุ รสมาลี พรรคทางเลือกใหม่
จุดพลุให้เมืองคอน กลายเป็นสมรภูมิตัวแทนเลือกตั้งที่จะชี้ชัดว่า พรรคการเมืองใดกำลังได้ใจคนปักษ์ใต้ในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะ จ.นครศรีธรรมราช ที่การเลือกตั้งปี 2566 มี สส.รวม 10 คน กระจายอยู่ใน 4 พรรคการเมือง
โดยพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำทัพของตระกูลเดชเดโช ครองพื้นที่ส่วนใหญ่ 6 ที่นั่ง และคะแนนนิยมพรรค หรือ สส.บัญชีรายชื่อ ยังสูงเป็นอันดับ 1 รวมกว่า 2.3 แสนคะแนน หรือ ประมาณ 27 % ของผู้ออกมาใช้สิทธิ์ทั้งหมด ชนะกระทั่งพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีแม่เหล็กสำคัญในการดึงคะแนนนิยมพรรคครั้งนั้น คือ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ได้เพียง 1.6 แสนคะแนน พรรคภูมิใจไทยได้อันดับ 3 รวม 1.3 แสนคะแนน
ก่อนที่คะแนนนิยม ปชป.จะพลิกผันในการเลือกนายก อบจ.เดือนพฤศจิกายน 2567 โดย น.ส.วาริน ชิณวงศ์ อดีตประธานหอการค้าจังหวัดนครศรีฯ และหนึ่งในคณะทำงานของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ บ้านใหญ่ จ.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย ได้เสียงสนับสนุนร่วม 3.3 แสนคะแนน เอาชนะ”บ้านใหญ่” นางกนกพร เดชเดโช อดีตนายกฯ ที่ลงรักษาเก้าอี้ และเป็นมารดาของ สส.ตระกูลเดชเดโช ที่ได้ประมาณ 3 แสนคะแนน
ท่ามกลางการวิเคราะห์ว่า เป็นเพราะ ปชป. กันไปจับมือร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย แต่จะจริงหรือไม่ อาจต้องพิสูจน์กันในการเลือกตั้งซ่อมวันอาทิตย์นี้ หลังจากเลือกตั้งเดือน พ.ค.2566 พรรคภูมิใจไทย ที่ชนะเลือกตั้ง เขต 8 ได้คะแนนตัวบุคคลสูงกว่าใคร 2.3 หมื่นคะแนน ส่วน ปชป.ได้เพียงประมาณ 1 หมื่นคะแนน แต่คะแนนนิยมพรรค ปรากฏว่า รวมไทยสร้างชาติ ได้ไปมากที่สุด 2.7 หมื่นคะแนน อันดับ 2 คือพรรคก้าวไกล ได้ 2.4 หมื่นคะแนน
ทำให้พรรคก้าวไกลกล้าประกาศจะปักธงเลือกตั้งซ่อมสส.ครั้งนี้ให้ได้ หลังจากเปิดเวทีหาเสียงครั้งแรก 16 เม.ย.2568 พรรคส่งนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรค ไปขึ้นเวทีช่วยหาเสียง ประเด็นหนึ่งที่ ปชน.ใช้ในการหาเสียงหนนี้ คือประกาศว่านายณัฐกิตต์ ผู้สมัครของพรรค พร้อมทำงานได้ทันที ไม่ใช่คนหน้าใหม่อย่างที่โดนด้อยค่า เพราะเป็นหนึ่งในทีมงานนายรังสิมันต์ โรม มาตลอด
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ เทหมดหน้าตัก เพราะเป็นเดิมพันครั้งสำคัญ ขนาดต้องมีนายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ และอดีตหัวหน้าพรรค 2 สมัย พร้อมแกนนำของพรรคไปช่วยปราศรัยหาเสียงช่วย นายชินวรณ์ เมื่อวันก่อนที่ อ.ฉวาง ประกาศจุดยืนไม่เอากาสิโน และย้ำจุดยืนเดิม คือต่อต้านการซื้อสิทธิ์ขายเสียง โดยนายชวน ได้เปิดประเด็น 2 พรรคใหญ่ ใช้เงินซื้อเสียง หัวละ 500 และ 1,000 บาท
อีกพรรคที่ประกาศพร้อมทำงานทันที คือ พรรคกล้าธรรม ร.อ.ธรรมนัส นำทีมแกนนำในพรรค ไปปราศรัยหาเสียงท่ามกลางสายฝนที่ อ.ฉวางเช่นกัน ชูนายก้องเกียรติ เป็นคนหนุ่มไฟแรง ตั้งใจเกินร้อย และ สส.ที่ดีควรพูดให้น้อย แต่ทำมาก ใจต้องถึง พร้อมชูสโลแกน “กล้าคิด กล้าทำ กล้านำเสนอ” มั่นใจว่าจะได้รับเลือก
ส่วนพรรคภูมิใจไทย แชมป์เก่า ต่างเทหมดหน้าตักไม่แพ้กัน นอกจากให้นายพิพัฒน์ เป็นคนคุมทัพเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้แล้ว ยังวางคิวจะให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค เพื่อร่วมปราศรัยใหญ่ทิ้งทวนที่นครศรีฯ ร่วมกับแกนนำพรรคคนอื่น ๆ ด้วย
จึงเป็นสนามเลือกตั้งซ่อม สส.ที่จะเข้มข้นเด็ดขาดไม่แพ้เลือกตั้งจริงที่ผ่านมา ไม่เพียงเท่านั้น ยังจะเป็นบทพิสูจน์ “บ้านใหญ่” หลังอื่น ๆ ในนครศรีฯด้วย ว่าจะมีท่าทีอย่างไร เพราะว่ากันว่า เลือกตั้งนายก อบจ.ที่ผ่านมา สาเหตุที่คะแนนพลิกผันได้คนใหม่เข้ามาเป็นแทน
เนื่องจาก “บ้านใหญ่” บางหลัง เปลี่ยนใจไปสนับสนุนคนจากกลุ่มอื่นหรือพรรคการเมืองอื่น นั่นเอง
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : ผบ.ตร.สั่งตั้งทีมสอบสวนหาสาเหตุเครื่องบินตำรวจตกในทะเล
เรียบง่าย-ถ่อมตน ขั้นตอนพิธีพระศพพระสันตะปาปาฟรานซิส
กมธ.เปิดเบื้องหลัง “ซิน เคอ หยวน” ได้บีโอไอ แต่จ้างคนไทยแค่ 9.4 %
แท็กที่เกี่ยวข้อง: